×

ลงนามสัญญาพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ‘ประยุทธ์’ ขอบคุณ ‘สมคิด’ ที่ริเริ่ม EEC พร้อมขับเคลื่อนต่อ

โดย THE STANDARD TEAM
19.06.2020
  • LOADING...

วันนี้ (19 มิถุนายน) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระหว่างสํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จํากัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลตั้งขึ้นเฉพาะกิจโดยกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ประกอบไปด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA, บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)

 

คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวว่าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกถือเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักสําคัญของ EEC มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 เชื่อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิด้วยรถไฟความเร็วสูง ทําให้ทั้ง 3 สนามบินสามารถรองรับผู้โดยสารรวมกันได้มากถึง 200 ล้านคนต่อปี

 

นอกจากนี้โครงการฯ จะทําให้เกิดศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจเป้าหมาย โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและ Logistics & Aviation รวมถึงการเป็นศูนย์กลางของมหานครการบินภาคตะวันออกที่ครอบคลุมการพัฒนาพื้นที่เมือง ประมาณ 30 กิโลเมตรโดยรอบสนามบิน (พัทยาถึงระยอง) ซึ่งเป็นการสานต่อเจตนารมณ์การพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ดที่ต้องการให้เกิดเป็นเมืองท่าและเมืองธุรกิจสําคัญของประเทศไทย โดยเข้าเชื่อมโยงเป็นส่วนขยายของกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปทางตะวันออกที่สามารถเชื่อมโยงกันได้สะดวกทั้งทางน้ํา ทางบก และทางอากาศ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการบินและประตูเศรษฐกิจสู่เอเชีย

 

ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่าทุกคนยินดีที่โครงการมีความคืบหน้า ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนต่อเนื่องจากการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลแรกที่มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เริ่มโครงการ จนมาถึงวันนี้มี อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี มาขับเคลื่อนต่อ ตนขอบคุณทุกคนและทุกภาคส่วนที่ริเริ่มมาด้วยกัน กว่าจะถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักของ EEC ที่จะส่งเสริมความเข้มแข็งทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยจะพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาค

 

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่าเราจะต้องเป็น New Normal คิดใหม่ ชีวิตที่เป็นปกติใหม่ เราต้องมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น คือความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ซึ่งไม่มีอะไรทำได้โดยคนคนเดียวหรือเพียงหน่วยงานเดียว 

 

“ผมคาดหวังว่าสิ่งที่ทำในวันนี้จะเป็นประโยชน์เพื่ออนาคต โครงการนี้มีอายุสัญญาโครงการกว่า 50 ปี พวกเราใครจะอยู่ก็อยู่ ผมก็หวังว่าจะอยู่กันได้ทุกคน แต่ไม่ว่าเราจะอยู่หรือไม่อยู่ โครงการนี้ก็จะอยู่คู่กับประเทศยาวนานเป็นร้อยปี” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising