วันนี้ (15 มกราคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเชิญ OPPO และ realme บริษัทโทรศัพท์มือถือที่ติดตั้งแอปพลิเคชันกู้ยืมเงินในมือถือว่า เดิมเรื่องนี้ไม่ได้มีมาตรการดูแล ฉะนั้นจากนี้ต้องกำหนดมาตรการในเรื่องของการลงซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือรวมถึงอุปกรณ์แท็บเล็ต
ส่วนการเอาผิดบริษัทมือถือทั้งสองค่าย ประเสริฐกล่าวว่าเราตั้งข้อสังเกตไว้ในเรื่องของการขออนุญาตกู้ยืมเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันว่าไม่ได้มีการขออนุญาต รวมไปถึงเรื่องของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจต้องดูว่าเข้าข่ายความผิดในข้อใด รวมถึงเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งกรณีที่ยังไม่ได้ขออนุญาตติดตั้งแอปพลิเคชันต้องดูว่ามีการทำธุรการทางการเงินแล้วหรือยัง แต่ถ้าตามที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่ามีคนไปกู้เงินแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ เพราะเรื่องการกู้ยืมเงินต้องมีการขออนุญาต
เมื่อถามต่อว่า ระเบียบที่ออกมาจะเป็นไปในลักษณะใด ห้ามใส่แอปที่ไม่จำเป็นลงไปในมือถือใช่หรือไม่ ประเสริฐกล่าวว่า แอปพลิเคชันจะต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำเป็นจะต้องทำให้ถูกต้องก่อน และจะต้องตรวจสอบมือถือรุ่นอื่นๆ ที่มีการวางขายเพิ่มเติมด้วยทั้งหมด
ส่วนกรณีที่ผู้ได้รับความเสียหายไปแล้วจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร ประเสริฐกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ที่มาแจ้งว่าได้รับความเสียหายว่าเป็นมูลค่าเท่าใด มีแต่เพียงเรื่องของการก่อให้เกิดความรำคาญ และยังไม่สามารถที่จะปิดแอปพลิเคชันได้ แม้จะยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีแต่ก็ต้องหาวิธีป้องกันไว้
เรียก OPPO-realme สอบเพิ่มบ่ายนี้
ด้าน จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะเรียก OPPO และ realme เข้ามาชี้แจงที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่ายวันนี้ว่า เมื่อวาน สคบ. ได้เชิญทั้งสองบริษัทมาแล้ว ในวันนี้ตนได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงข้อมูลเพื่ออัปเดตข้อมูลสถานการณ์ เพื่อสรุปข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมถึงจะดูข้อกฎหมายที่จะดำเนินการเพื่อดูแลคุ้มครองผู้บริโภค
ทั้งนี้ สคบ. ประสานตำรวจ ปคบ. หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามาก็จะดำเนินการแทนประชาชน แต่หากไปถึงหน่วยงานอื่นก็จะช่วยประสาน ขณะที่ทั้งสองบริษัทหากผิดก็ว่าไปตามผิด และจะต้องดูตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ เจ้าตัวยินยอมให้เผยแพร่ข้อมูลหรือไม่
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังไม่เริ่มดำเนินคดีใช่หรือไม่ จิราพรกล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานและหลายข้อกฎหมาย จึงต้องเชิญหน่วยงานมาสรุปข้อเท็จจริงก่อน รวมถึงจะพูดคุยเรื่องมาตรการในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก