เงินปอนด์ กลับมาแข็งค่าสู่ระดับ 1.252 ปอนด์ต่อดอลลาร์ หลังรัฐบาลอังกฤษกลับลำ เตรียมยกเลิกแผนลดภาษี

ค่า เงินปอนด์ แข็งค่ากลับไปสู่ระดับ 1.252 ปอนด์ต่อดอลลาร์อีกครั้ง ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงก่อนที่ กวาซี กวาร์เทง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะประกาศแผนการตัดลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1972 ซึ่งรวมถึงการลดอัตราภาษีเงินได้ส่วนบุคคลและนิติบุคคล, การยกเลิกการขึ้นเงินนำส่งกองทุนประกันสังคมของสหราชอาณาจักร และการยกเว้นการเก็บอากรแสตมป์ที่อยู่อาศัยเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา

โดยการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์เกิดขึ้นหลังจาก กวาซี กวาร์เทง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า รัฐบาลอังกฤษจะพับแผนการตัดลดภาษีดังกล่าว หลังถูกวิจารณ์ว่ามาตรการเหล่านี้เป็น “การช่วยคนที่รวยอยู่แล้ว” ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือผู้ที่เผชิญปัญหาค่าครองชีพสูงในปัจจุบัน และกำลังจะยิ่งทำให้เงินเฟ้อของประเทศสูงขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ แผนการตัดลดภาษีของรัฐบาลอังกฤษสร้างความไม่มั่นใจให้นักลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดค้าเงินต่ออนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้ดัชนี FTSE 100 ตกลงอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อิงกับดอลลาร์ก็ลดลงต่ำสุดที่ 1.0350 ปอนด์ต่อดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเกิดการคาดการณ์ว่าค่าเงินปอนด์กำลังลดลงใกล้จะเท่ากับ 1 ดอลลาร์ และสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงอีกหากการตัดลดภาษีถูกเดินหน้าต่อ

โดยล่าสุดกวาร์เทงได้ออกมายืนยันว่า รัฐบาลได้คว่ำแผนการตัดลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทั้งอัตราพื้นฐานและอัตรา 45% ที่ผู้มีรายได้มากกว่า 150,000 ปอนด์ต้องจ่ายแล้ว

แม้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เปิดเผยกับ BBC ว่า เธอมุ่งมั่นที่จะทำให้แผนลดภาษีสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากมองว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ระบบภาษีง่ายขึ้นและกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวต้องเผชิญกับแรงต่อต้านอย่างมากทั้งจากตลาด พรรคฝ่ายค้านและ ส.ส. พรรคอนุรักษนิยม จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไมเคิล โกฟ สมาชิกรัฐสภาจากพรรคอนุรักษนิยม บอกเป็นนัยว่าเขาจะไม่ลงคะแนนเสียงให้แผนการดังกล่าว โดยกล่าวว่า “ตนไม่เชื่อว่าเป็นสิ่งถูกต้อง”

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH