หากพูดถึงหนังรักไทยที่มีพล็อตเรื่องย่อยๆ ประกอบอยู่ในหนังคงเป็นสไตล์งานสร้างที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง เช่น ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น, รัก 7 ปี ดี 7 หน, ฝัน หวาน อาย จูบ หรือ Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อลองนำสไตล์พล็อตย่อยแบบนั้นไปสร้างเป็นหนังผี
สี่แพร่ง คงเป็นตัวอย่างที่ดีของหนังสยองขวัญรูปแบบนี้ที่ประกอบไปด้วย 4 ตอน ซึ่งได้สร้างกระแสความหลอนไปทั่วประเทศจนนำมาสู่ความสำเร็จด้านรายได้ สี่แพร่ง เข้าฉายเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2551 โดยถือเป็นการรวมตัวของผู้กำกับฝีมือดีถึง 4 คนที่มารับหน้าที่ถ่ายทอดความสยองในแต่ละเรื่องย่อย ได้แก่ ยงยุทธ ทองกองทุน จาก สตรีเหล็ก (กำกับตอน เหงา), ปวีณ ภูริจิตปัญญา จาก บอดี้..ศพ#19 (กำกับตอน ยันต์สั่งตาย), บรรจง ปิสัญธนะกูล และภาคภูมิ วงศ์ภูมิ จาก ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ และ แฝด (กำกับตอน คนกลาง และ เที่ยวบิน 224) พร้อมนักแสดงร่วมสิบชีวิตอย่าง มณีรัตน์ คำอ้วน, วิทวัส สิงห์ลำพอง, อภิญญา สกุลเจริญสุข, ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์, พงศธร จงวิลาส, อัฒรุต คงราศรี, กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข และเฌอมาลย์ บุญยศักดิ์
หนังแบ่งออกเป็น 4 ตอน ได้แก่ ‘เหงา’ เล่าเรื่องราวของ ปิ่น สาวขาหักผู้ต้องอาศัยอยู่ในห้องพักคนเดียว กระทั่งได้รับข้อความจากชายปริศนาที่ทักมาว่าอยากรู้จักเธอ ก่อนเล่าว่าเขาอยู่คนเดียวมาครบ 100 วันแล้ว, ‘ยันต์สั่งตาย’ พูดถึงกลุ่มนักศึกษาเกเรที่ไปรังแกลูกชายหมอผีจนเขาเคียดแค้นและทำพิธีเสกยันต์สั่งตาย ซึ่งจะทำให้ใครที่สบตากับยันต์ต้องมีอันเป็นไป, เที่ยวบิน 224 เล่าเรื่องราวของ พิม แอร์โฮสเตสสาวผู้ต้องดูแลศพบุคคลสำคัญขณะลำเลียงขึ้นเครื่องบิน โดยที่เธอมีเรื่องบาดหมางกับศพนั้นขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
และ ‘คนกลาง’ เป็นเรื่องของ เต๋อ เผือก ชิน และเอ สี่วัยรุ่นผู้ไปล่องแก่งกลางป่า แต่กลับประสบอุบัติจนเพื่อนคนหนึ่งเสียชีวิต ความน่ากลัวเริ่มขึ้นเมื่อเพื่อนคนนั้นดันกลับมาหากลุ่มในคืนถัดมา ซึ่งเคมีของนักแสดงทั้งสี่ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแก๊ง ‘ตัวขโมยซีน’ ในตำนานจากเรื่อง พี่มาก..พระโขนง ในเวลาต่อมา
สี่แพร่ง สร้างกระแสความฮิตถล่มทลายอย่างมากในหมู่คนดู โดยทำรายได้สูงถึง 85 ล้านบาททั่วประเทศ และด้วยความสำเร็จนี้จึงทำให้มีภาคต่ออย่าง ห้าแพร่ง ออกมาในเดือนกันยายน 2552
