ความเดียวดายของเด็กหนุ่มชื่อ ‘พาย’ เรืออับปางกลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีแค่เสือเบงกอลร่างยักษ์เป็นเพื่อน
คือคอนเซปต์เรียบง่ายจาก Life of Pi ภาพยนตร์ดราม่า-เซอร์ไววัล แต่พาคนดูสำรวจพื้นที่ไปมากกว่าการเอาตัวรอด และแฝงไปด้วยแนวคิด ปรัญชา และเรื่องราวเหนือจินตนาการมากมายที่ซ่อนอยู่ในนั้น
Life of Pi เข้าฉายในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2012 ตอนแรกทางค่าย Fox 2000 ได้ยื่นข้อเสนอโปรเจกต์นี้ให้กับผู้กำกับชื่อดังอย่าง อัลฟอนโซ กัวรอน และ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน แต่สุดท้ายกลายเป็น อั้งลี่ เจ้าของผลงานสุดคลาสสิกอย่าง Brokeback Mountain (2005) รับหน้าที่ผู้กำกับ
ดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ Yann Martel เล่าเรื่องราวของพาย หนุ่มน้อยจากประเทศอินเดีย ที่สนใจในการตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะ ‘พระผู้เป็นเจ้า’ และศาสนามาตั้งแต่เด็กๆ
กระทั่งวันหนึ่งเมื่อกิจการสวนสัตว์ของครอบครัวมาถึงทางตัน พ่อของพายจึงตัดสินใจย้ายครอบครัว และเหล่าสัตว์ไปตั้งต้นใหม่ที่อีกซีกหนึ่งของโลก แต่เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือโดยสารอับปาง
พายรอดชีวิตได้เพราะเรือชูชีพ พร้อมกับ ‘ริชาร์ด ปาร์กเกอร์’ เสือเบงกอลขนาดใหญ่ ที่เป็นทั้งศัตรู เป็นทั้งเพื่อนเพียงหนึ่งเดียว ที่ร่วมเดินทางผ่านดินแดนและเหตุการณ์เหนือจินตนาการ เพื่อหาคำตอบในทุกๆ สิ่งที่เขาสงสัย รวมทั้งคำถามที่ว่า สุดท้ายแล้วความหมายของชีวิตที่มนุษย์เราเกิดขึ้นมาคืออะไร
Life of Pi ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามในแทบทุกด้าน ตั้งแต่รายได้บนบ็อกซ์ออฟฟิศที่กวาดไปทั้งสิ้นกว่า 609 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้าง 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้รับคำชมจากบรรดานักวิจารณ์ที่ชื่นชอบในทุกองค์ประกอบทั้งการกำกับ งานสร้าง เทคนิคพิเศษ ความหมายที่ซ่อนอยู่ ไปจนถึงดนตรีประกอบที่ไพเราะจับใจ ส่งให้ Life of Pi คว้ารางวัลออสการ์มาได้ถึง 4 สาขา คือผู้กำกับยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยม เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม
และกลายเป็นอีกหนึ่งหนังคลาสสิก ที่เรายังหยิบมาดูซ้ำๆ เพื่อค้นหา ‘คำตอบ’ ที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ครั้งที่ได้กลับมาดู