หน่วยงานประสานงานด้านการคุ้มครองพลเรือนแห่งชาติ (CNPC) ของเม็กซิโก ประกาศเตือนประชาชนกว่า 25 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รัศมี 60 ไมล์ (96.5 กิโลเมตร) รอบบริเวณภูเขาไฟโปโปกาเตเปตล์ (Popocatépetl) ให้เตรียมพร้อมสำหรับการอพยพที่อาจเกิดขึ้น หลังจากที่ภูเขาไฟลูกนี้ ซึ่งถือเป็นภูเขาไฟมีพลัง (Active Volcano) ที่อันตรายที่สุดในประเทศ เกิดการปะทุพ่นควันและเถ้าถ่านออกมาอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
เบื้องต้นพบว่าผลกระทบจากเถ้าถ่านของภูเขาไฟโปโปกาเตเปตล์ ที่ตั้งอยู่ทางตอนกลาง ห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตี้ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 70 กิโลเมตร ส่งผลให้สนามบินเบนิโต ฮัวเรซ (AICM) ภายในเม็กซิโกซิตี้ ต้องปิดให้บริการชั่วคราวเมื่อวันเสาร์ (20 พฤษภาคม) ที่ผ่านมา ขณะที่เมื่อวานนี้ (22 พฤษภาคม) มีหลายเที่ยวบินประสบความล่าช้า โดยทางการยังได้ประกาศปิดโรงเรียนหลายสิบแห่งภายในเมืองด้วย
CNPC ได้เพิ่มระดับภัยคุกคามจากภูเขาไฟเป็น ‘เฟส 3 สีเหลือง’ และเตือนประชาชนราว 3 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในหลายเมืองและหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ติดกับภูเขาไฟ ให้เตรียมพร้อมสำหรับการอพยพที่อาจเกิดขึ้น
ขณะที่ CNPC ยังเตือนถึงการปะทุของภูเขาไฟที่มากขึ้น และเถ้าถ่านที่อาจฟุ้งกระจายไปยังหลายเมืองใกล้เคียง พร้อมทั้งประกาศข้อแนะนำให้ประชาชนที่อาศัยในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
ทางด้านสถานทูตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในเม็กซิโก ประกาศคำเตือนเมื่อวันเสาร์ว่า ภูเขาไฟโปโปกาเตเปตล์ มีการปะทุเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม และส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนหลายร้อยครั้ง รวมถึงมีควันและเถ้าถ่านพ่นออกมา ซึ่งทางสถานทูตยังแนะนำให้พลเรือนอเมริกันไม่เดินทางเข้าไปภายในพื้นที่รัศมี 12 กิโลเมตรรอบภูเขาไฟ โดยอ้างคำเตือนจากหน่วยงานท้องถิ่น
ทั้งนี้ ภูเขาไฟโปโปกาเตเปตล์ สงบนิ่งมานานหลายทศวรรษจนกระทั่งเกิดการระเบิดในปี 1994 โดยตั้งแต่นั้นมา ยังคงมีการปะทุพ่นควันออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟหลายครั้ง ขณะที่เสียงคำรามของภูเขาไฟ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โดยรอบภูเขาไฟ
ภาพ: Mireya Novo / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
