วานนี้ (17 ธันวาคม) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง คนไทยกับฝุ่น PM2.5 จำนวน 1,123 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 12-15 ธันวาคม 2566 สรุปผลได้ ดังนี้
- ประชาชนมีความวิตกกังวลมากน้อยเพียงใดต่อ ‘ปัญหาฝุ่น PM2.5’ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและเกินมาตรฐาน
– อันดับ 1 ค่อนข้างวิตกกังวล 48.89%
– อันดับ 2 วิตกกังวลอย่างมาก 41.58%
– อันดับ 3 ไม่ค่อยวิตกกังวล 8.19%
– อันดับ 4 ไม่วิตกกังวล 1.34%
- ประชาชนคิดว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่มีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้นเกิดจากสาเหตุใด
– อันดับ 1 การเผาไร่นา เผาป่า ไฟป่า 79.04%
– อันดับ 2 โรงงานอุตสาหกรรม 70.65%
– อันดับ 3 การก่อสร้าง 68.42%
- ประชาชนมีวิธีการรับมือปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างไร
– อันดับ 1 ติดตามข่าวสารเรื่องฝุ่น PM2.5 และแนวทางปฏิบัติจากภาครัฐ 78.72%
– อันดับ 2 สวมหน้ากากอนามัย N95 หรือหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ 76.14%
– อันดับ 3 ลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง 62.42%
- ประชาชนคิดว่าเหตุใดปัญหาฝุ่น PM2.5 จึงแก้ไขยาก
– อันดับ 1 การเผาไร่นา เผาป่า เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี 82.87%
– อันดับ 2 ต้นตอของมลพิษมีความหลากหลาย ทั้งจากมนุษย์และสภาพแวดล้อม 69.22%
– อันดับ 3 การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ เกิดขึ้นต่อเนื่อง 66.28%
- ประชาชนคิดว่ารัฐบาลควรแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างไร
– อันดับ 1 มีมาตรการควบคุมและบทลงโทษที่เด็ดขาด 85.89%
– อันดับ 2 มีระบบการแจ้งเตือน ตรวจวัด และรายงานผลที่มีประสิทธิภาพ 80.45%
– อันดับ 3 ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ลดการปล่อยมลพิษ 69.55%
- ประชาชนคิดว่ารัฐบาลจะแก้ไขสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้หรือไม่
– อันดับ 1 คงจะแก้ไขไม่ได้ 74.53%
– อันดับ 2 แก้ไขได้แน่นอน 25.47%
พรพรรณ บัวทอง นักวิจัยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนวิตกกังวลมากขึ้นว่าอาจกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ด้านรัฐบาลก็ออกมาแนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและเร่งผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด ซึ่งประชาชนเองก็พร้อมปฏิบัติตามข้อแนะนำจากทางภาครัฐ แต่ด้วยปัญหาฝุ่น PM2.5 เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายปี แต่วิธีแก้ปัญหายังเน้นการตั้งรับ จึงทำให้ประชาชนยังไม่มั่นใจว่ารัฐบาลใหม่จะแก้ปัญหานี้ได้
ด้าน ดร.พรธิดา เทพประสิทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่า ฝุ่น PM2.5 ยังคงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบสะสมต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยในระยะยาว ซึ่งจากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรคพบว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยจะมีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคม เนื่องจากสภาพที่มีความกดอากาศต่ำหรือสภาพอากาศปิด ทำให้ฝุ่นละอองเกิดการสะสมในบรรยากาศจากอัตราการระบายอากาศไม่ดี รวมทั้งยังคงมีแหล่งมลพิษทางอากาศ ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมให้ลดลงได้
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาสถานการณ์ดังกล่าวร่วมกับผลสำรวจ ‘คนไทยกับฝุ่น PM2.5’ จะพบว่าเมื่อคนไทยหนีฝุ่น PM2.5 ไม่ได้ จึงต้องเรียนรู้อยู่กับฝุ่นให้สุขภาพไม่พัง ด้วยการเฝ้าระวังและป้องกันตนเอง หลีกเลี่ยงการรับฝุ่นเข้าสู่ร่างกายเมื่อมีการแจ้งเตือนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งมีการติดตาม ตรวจสอบ และเฝ้าระวัง ฝุ่น PM2.5 ในวันที่มีปริมาณฝุ่นหนาแน่น
และสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ร่วมกันทุกภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การจัดการอย่างยั่งยืน ลดปัญหาโลกรวนที่ทำให้เกิดความรุนแรงของมลพิษทางอากาศมากขึ้นได้