ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้องกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดล้อมสภาปี 51 ชี้เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ตามหลักอหิงสา

วันนี้ (2 พฤศจิกายน) ที่ห้องพิจารณา 806 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ.4924/55 ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยร่วมกันชุมนุม ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และอดีตแนวร่วมคนอื่นๆ รวม 21 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

กรณีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม – 7 ตุลาคม 2551 จำเลยซึ่งเป็นแกนนำได้ชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อกดดันก่อความวุ่นวายให้ สมัคร สุนทรเวช ลาออกจากนายกรัฐมนตรี และปิดล้อมสภา สถานที่ราชการ เพื่อมิให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และคณะร่วม แถลงนโยบายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 309 และ 310 จำเลยให้การปฏิเสธ 

คดีนี้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2562 ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การชุมนุมของพวกจำเลยเป็นการแสดงสัญลักษณ์ปราศรัยที่สมเหตุผล ห้ามปรามไม่ให้ก่อความรุนแรง ถือเป็นการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 มาตรา 63 ได้รองรับไว้ และแม้จะมีการกีดขวางกระทบการจราจรไปบ้าง แต่ก็เป็นปกติของการชุมนุมที่แสดงออกตามสิทธิ การชุมนุมตั้งแต่วันที่ 5-7 ตุลาคม 2551 ไม่ปรากฏว่ามีความรุนแรงหรือมีผู้ใดฝ่าฝืนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า พวกจำเลยร่วมกันชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ต่อสู้ตามหลักอหิงสา อีกทั้งศาลปกครองเคยมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สลายการชุมนุมโดยใช้แก๊สน้ำตา เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุตามสิทธิขั้นพื้นฐานในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 รวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีความเห็นว่า การกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

มีรายงานว่า ในวันนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล กับพวก เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง และยังมีกลุ่มผู้ที่สนับสนุนเดินทางมามอบดอกไม้ให้เป็นกำลังใจ

รายชื่อจำเลยประกอบด้วย

1. สนธิ ลิ้มทองกุล
2. พิภพ ธงไชย
3. สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ (เสียชีวิต)
4. มาลีรัตน์ แก้วก่า
5. ประพันธ์ คูณมี
6. สมศักดิ์ โกศัยสุข
7. สุริยะใส กตะศิลา
8. อมร อมรรัตนานนท์
9. สำราญ รอดเพชร
10. ศิริชัย ไม้งาม
11. สาวิทย์ แก้วหวาน
12. พิชิต ไชยมงคล
13. อำนาจ พละมี
14. กิตติชัย ใสสะอาด
15. ประยุทธ วีระกิตติ
16. สุชาติ ศรีสังข์
17. สมบูรณ์ ทองบุราณ
18. ศุภผล เอี่ยมเมธาวี
19. อัญชะลี ไพรีรัก
20. พิเชฐ พัฒนโชติ
21. วีระ สมความคิด