×

นายกฯ มอบนโยบาย ‘การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก’ ปรับเปลี่ยนกรอบการทำงาน และขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศสู่ยุคใหม่ ชี้เร่งสร้างประโยชน์ให้ประชาชน

โดย THE STANDARD TEAM
21.11.2023
  • LOADING...
เศรษฐา ทวีสิน

วันนี้ (21 พฤศจิกายน) ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวมอบนโยบายในการประชุมเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ และผู้ช่วยทูตฝ่ายส่งเสริมการลงทุน ประจำปี 2566 ในหัวข้อ ‘การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก’ โดยมี ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมด้วย 

 

เศรษฐาระบุว่า การจัดประชุมในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่ ‘ทีมประเทศไทย’ (Team Thailand) ทั้งภายในประเทศและที่ประจำการอยู่ต่างประเทศ ทั้งนักการทูตประจำประเทศต่างๆ นักการทูตที่มีความเชี่ยวชาญ (Specialist) เช่น ทูตเกษตร ทูตพาณิชย์ และหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบเฉพาะ เช่น BOI ได้มาร่วมกันกำหนดแนวทางและกลยุทธ์ขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศสู่ยุคใหม่ ให้เป็นการทูตที่จับต้องได้ ‘เป็นการต่างประเทศที่กินได้’ สร้างความกินดีอยู่ดี โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง

 

ตั้งคำถามชวนคิด มีเหตุผลในการตอบ ให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง 

 

เศรษฐากล่าวถึงการปรับกรอบการคิดและแนวทางการทำงานว่า จะต้องเริ่มจากการตั้งคำถามชวนคิดว่า ประชาชนและภาคธุรกิจต้องการเห็นอะไรในการต่างประเทศ และมีผลตอบรับ (Feedback) อย่างไร รวมทั้งให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric), มีแนวความรู้สึกทางธุรกิจ (Business Sense) และมีความรู้สึกถึงความเร่งด่วน Sense of Urgency 

 

ทั้งนี้ ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm) ในการทำงาน ให้ความสำคัญกับ ‘ทำไม’ มากขึ้น ต้องตอบให้ได้ว่า ‘ทำไปทำไม’ และ ‘ผลกระทบ (Impact) คืออะไร’ พร้อมเปลี่ยนวิธีการคิดจากคำว่า ‘ทำไมถึงทำไม่ได้’ เป็น ‘ทำอย่างไรถึงจะทำได้’ และ ‘ทำอย่างไรถึงจะสำเร็จ’ เพื่อให้รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่เน้นประชาชนทุกคนเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric Government) 

 

เสนอกรอบการทำงานและวางกลยุทธ์ 2 ส่วน 

 

เศรษฐากล่าวว่า ขอเสนอกรอบการทำงานและวางกลยุทธ์ ซึ่งได้เรียนรู้จากการทำงานกับระบบราชการ และประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจของนายกรัฐมนตรี ในกรอบการทำงาน 2 ส่วน ตามวาระการประชุม ดังนี้ 

 

ส่งเสริมการค้าขาย-การลงทุน มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

ส่วนแรกคืองานที่เกี่ยวข้องกับการเป็นทูตเศรษฐกิจ ส่งเสริมทั้งการค้าขายและการลงทุน รัฐบาลมีนโยบายหลักที่มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน โดยอาศัยภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อน 

 

ขณะที่รัฐบาลมีบทบาทในการสนับสนุนและเอื้อให้การค้าต่างประเทศและการลงทุนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เช่น การนำสินค้าไทยไปขายในต่างแดน การทำให้ดัชนีความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ดีขึ้น รวมถึงการเร่งเจรจา FTAs ให้สำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ 

 

โดยนายกรัฐมนตรีมุ่งหวังให้ทีมประเทศไทยเป็นตัวกลางในการประสานงานกับภาคเอกชนให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ เป็นที่ปรึกษา ช่วยชี้แนะตลาด ปัจจัยสำคัญคือสื่อสารให้ข้อมูลประเด็นทางเศรษฐกิจ และชี้ให้เห็นโอกาสของประเทศไทยในวิกฤต ทำงานเชิงรุกเพื่อทำให้ภาคธุรกิจไทยสามารถรับมือได้ทัน ตลอดจนเป็นผู้ประสานงานเชิญชวนให้คนมาท่องเที่ยว ทำธุรกิจในประเทศไทย และช่วยเหลือด้านข้อมูล 

 

เศรษฐากล่าวย้ำว่า จุดยืนของไทยในความเป็นกลางที่เป็นมิตรกับทุกฝ่าย แต่ไม่ไร้จุดมุ่งหมาย โดยต้องทำความเข้าใจพลวัตของแต่ละประเทศ เพื่อเข้าใจประเด็นสำคัญเร่งด่วน และนำมาปรับใช้กับวิธีการวางตัว วางจุดยืนของประเทศให้เหมาะสม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เป็นข้อมูลที่จะชี้โอกาสสำหรับการค้าและการลงทุน ซึ่งคือ ‘การต่างประเทศที่คนไทยสามารถจับต้องได้’

 

สำหรับการลงทุนต้องดูการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ทั้งการลงทุนจากต่างประเทศในไทย และการลงทุนของไทยในต่างประเทศ โดยการลงทุนจากต่างประเทศในไทยในเมกะโปรเจกต์ เช่น แลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นโครงการที่ดึงดูดสายตาประชาคมโลก ทีมประเทศไทยต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลได้ รับข้อมูลจากส่วนกลางไปเป็นเซลส์แมนของประเทศ นำซอฟต์พาวเวอร์ไปขยายต่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งสินค้าและบริการ เช่น งานเชียงราย Biennale ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดเทศกาลในภูมิภาค รวมทั้งในส่วนการพานักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศ ต้องนำดอก-ผลกลับเข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งการเข้าร่วมการประชุม APEC ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้พาบริษัทไทยไปเจอกับบริษัทต่างชาติ เพื่อให้สามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น 

 

เศรษฐาระบุอีกว่า ขอให้ทีมประเทศไทยช่วยกันคิด วางแผนการทำงานร่วมกันให้ครอบคลุมทั้งการค้าขาย นำเข้า และส่งออก และการลงทุนทั้งในประเทศและนอกประเทศ เป็นฟันเฟืองสำคัญของการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก 

 

เกียรติและศักดิ์ศรีคือการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ 

 

ส่วนที่สองคือบทบาทที่เกี่ยวข้องกับเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี และการช่วยเหลือคนไทยและธุรกิจไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเกียรติภูมิของประเทศ และการดูแลพระเกียรติของราชวงศ์ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการสร้างวัฒนธรรมใหม่ มองเกียรติและศักดิ์ศรีคือการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพในหน้าที่ที่รับผิดชอบ 

 

ทั้งเรื่องการประสานภาครัฐ และการสร้างความสัมพันธ์กับนานาชาติที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำถึงภารกิจที่ยิ่งใหญ่คือการให้การช่วยเหลือ ประสานงานให้หน่วยงานราชการและคณะผู้แทนไทยสามารถบรรลุวัตถุประสงค์กลับมาให้กับประเทศ ให้คนไทย และขอให้หนักแน่นในหน้าที่นี้ เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่ดีในการเป็นนักการทูตมืออาชีพ

 

เศรษฐากล่าวว่า ตนไม่อยากให้เกิดข้อครหา ตนรู้ดีว่าทุกท่านทำงานหนักและมีภารกิจล้นมือจากงานประจำอยู่แล้ว ตนจึงไม่ต้องการให้ทุกท่านต้องรับภาระดูแลอภิสิทธิ์ชนจากเมืองไทยที่เดินทางไปดูงานในประเทศนั้นๆ และไม่ควรมีการใช้ข้าราชการของเอกอัครราชทูตไทย หรือใช้สถานเอกอัครราชทูตไทยเป็นที่กินเลี้ยง จัดงานเลี้ยงสังสรรค์รับรองคณะคนไทยที่อ้างว่าเป็นผู้ใหญ่ ตนอยากให้เราสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมาในหมู่ข้าราชการว่าเกียรติและศักดิ์ศรีของข้าราชการคือการทำงานอย่างมืออาชีพในหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ

 

“ขอย้ำอีกครั้งว่า ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของพวกท่านคือการช่วยเหลือและประสานงานกับหน่วยราชการและคณะผู้แทนไทยให้สามารถทำงานบรรลุวัตถุประสงค์กลับสู่ประเทศไทย และสร้างประโยชน์ให้กับคนไทยได้ และขอให้ทุกคนหนักแน่นในหน้าที่นี้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่ดี และเป็นนักการทูตมืออาชีพ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านใช้มาจากภาษีของประชาชน มาจากภาคธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ” เศรษฐากล่าว 

 

‘ทีมประเทศไทย’ ต้องทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน

 

อย่างไรก็ตาม ทีมประเทศไทยจะไม่สามารถเป็นทีมได้หากขาดความร่วมมือและการทำงานร่วมกันของทุกคน ที่สำคัญตนขอให้ทุกคนจากทีมใหม่เป็นทีมประเทศไทยที่มีการทำงานร่วมกัน โดยทุกคนสามารถขอความรู้และการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ให้เขาเข้ามามีส่วนสนับสนุนได้ด้วย 

 

เศรษฐระบุอีกว่า วันนี้ยุคการทูตแบบเดิมหมดไปแล้ว ขณะที่การทูตแบบใหม่จะถูกขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายการเจริญเติบโต และจะทำให้ประเทศไทยสร้างอิทธิพลในเวทีต่างๆ ทั่วโลกได้มากขึ้น รวมถึงทำให้ประเทศไทยกลับมามีเกียรติและมีศักดิ์ศรีอีกครั้งในเวทีโลก และนั่นคือทีมประเทศไทยของรัฐบาลที่มีทุกท่านร่วมเป็นสมาชิกในการทำงานอย่างแข็งขัน รวมถึงประสานองค์ความรู้และมุ่งมั่นสู่เป้าหมายเดียวกัน ขณะเดียวกันหน่วยงานราชการไทยคือแหล่งรวมคนหัวกะทิของประเทศ และอนาคตประเทศอยู่ในมือของท่านทุกคน ตนจะสนับสนุนการทำงานของทุกท่านอย่างเต็มที่ เป็นทีมประเทศไทยทีมเดียวกัน

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising