วันนี้ (3 กุมภาพันธ์) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงผลการปฏิบัติ 7 มาตรการเข้มข้นในการแก้ไขปัญหาคนต่างชาติ นับตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2568 ที่มีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาคนต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และคนต่างชาติถูกหลอกลวงหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมข้ามชาติ โดยขีดเส้นตาย 7 วันให้ทุกหน่วยดำเนินการ โดยมีกรณีพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6 มีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง (สถานีตำรวจภูธรแม่สอด สภ.แม่ระมาด สภ.พบพระ) และออกคำสั่งให้ไปช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการส่วนกลางทันที โดยขาดจากต้นสังกัดเดิม
ผบ.ตร. กล่าวว่า มีหนังสือสั่งการกำหนด 7 มาตรการเข้มข้นให้ปฏิบัติอย่างชัดเจน โดยมีผลการปฏิบัติห้วงระหว่างวันที่ 20-31 มกราคม 2568 ดังนี้
- มาตรการก่อนคนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย ประสานและสืบสวนหาข่าวร่วมกับหน่วยงานด้านการข่าว สมาชิก INTERPOL และประสานงานช่องทางกงสุล (ฝ่ายตำรวจ / ทูตฝ่ายตำรวจ) เชื่อมโยงข้อมูลคนต่างชาติไปยังหน่วยตำรวจพื้นที่และจุดตรวจ รวมทั้งประสานงานด้านการสืบสวนหาข่าวสืบสวนจับกุมคนต่างชาติที่กระทำความผิด
- มาตรการ ณ ท่าอากาศยาน และด่านตรวจคนเข้าเมือง (ชายแดน) ตรวจสอบและบันทึกข้อมูลบุคคลเฝ้าระวัง ปฏิเสธการเข้าเมือง สืบสวนในพื้นที่ท่าอากาศยาน และตรวจคัดกรองคนต่างชาติชายแดน ตรวจสอบหรือจับกุมยานพาหนะบริเวณท่าอากาศยาน โดยประสานกับการท่าอากาศยาน ศุลกากร ตำรวจท่องเที่ยวและตรวจคนเข้าเมือง
- มาตรการตั้งจุดตรวจเส้นทางการเดินทางจากท่าอากาศยาน / ด่านตรวจคนเข้าเมือง ไปยังพื้นที่เฝ้าระวัง ตั้งจุดตรวจความมั่นคง จุดตรวจ จุดสกัด และจุดกวดขันวินัยจราจร โดยใช้รูปแบบใยแมงมุมและเหลื่อมเวลาการปฏิบัติ ประชาสัมพันธ์คนต่างชาติเป้าหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจและไม่ประสงค์เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงต่อไป
- มาตรการตรวจสอบที่พัก พื้นที่ท่องเที่ยว สกัดกั้นพื้นที่ชายแดน ตรวจสอบที่พัก ช่องทางเข้า-ออกชายแดน และประชาสัมพันธ์พื้นที่ท่องเที่ยว ตลอดจนสกัดกั้นลาดตระเวน ช่องทางธรรมชาติ และท่าข้ามต่างๆ
- มาตรการเชิงรุกในการตรวจสอบเส้นทางและจุดพักคอย ตรวจสอบปั๊มน้ำมัน จุดพักรถ สถานีขนส่ง สถานที่พักคอยและพักค้างแรมชั่วคราว
- มาตรการเข้มข้นในพื้นที่ชายแดน ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง / เฝ้าระวังที่จะข้ามไปชายแดน ตรวจสอบที่พักในแนวชายแดน สืบสวนหาข่าว ตรวจสอบป้ายทะเบียนรถและใบหน้าบุคคล ประสานงานและบูรณาการตรวจร่วมหน่วยความมั่นคง ลาดตระเวน ตรวจร่วมบริเวณชายแดน ท่าข้าม และตรวจสอบยานพาหนะข้ามแดน
- มาตรการประสานงาน ให้ความช่วยเหลือ และสืบสวนขยายผล ประสานงานให้ความช่วยเหลือคนต่างชาติจากประเทศต้นทาง และประชุมหารือความร่วมมือระหว่างประเทศปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมออนไลน์ โดยมีเอกอัครราชทูตประเทศ 16 ประเทศ UNODC และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน ในความร่วมปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกมิติ
สรุปผลการตรวจสอบและประชาสัมพันธ์ คนต่างชาติ 7,076 ราย จับกุมคนต่างชาติผิดกฎหมาย 524 ราย ปฏิเสธการเข้าเมือง 92 ราย เพิกถอนการอนุญาต 11 ราย จับกุมยานพาหนะ (เสี่ยง) จำนวน 72 คัน ตั้งจุดตรวจจำนวน 2,218 จุด ตรวจสอบยานพาหนะ 286,886 (ในเส้นทางจำนวน 268,429 คัน และพาหนะข้ามแดนจำนวน 18,457 คัน) ตรวจสอบป้ายทะเบียนรถและใบหน้าบุคคล 20,665 ข้อมูล ตรวจสอบสถานที่พัก สถานีขนส่ง จุดพัก ช่องทางธรรมชาติ และท่าข้ามต่างๆ กว่า 2,204 แห่ง จำนวน 3,379 ครั้ง
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าผู้กระทำความผิดมีการเปลี่ยนเส้นทางและพยายามจะขนย้ายอุปกรณ์ เปลี่ยนสถานที่ในการกระทำความผิด จะวิเคราะห์ข้อมูลและปรับแผนการปฏิบัติ ตรวจสอบและจับกุมดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาดทุกราย หากพบเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยว พัวพัน หรือประพฤติมิชอบ จะดำเนินการโดยทันที
