หุ้น VS กองทุนรวมหุ้น มือใหม่เริ่มอย่างไร Feat. นิ้วโป้ง-อธิป กีรติพิชญ์

“หุ้นเปรียบเสมือนอาหารที่ห่อด้วยพลาสติกใส กองทุนรวมหุ้นจะคล้ายๆ กล่องเบนโตะ”

เข้าใจเรื่องหุ้นและกองทุนรวมหุ้นแบบสนุก ตรงประเด็น ไม่มีกั๊ก พร้อมเคสและประสบการณ์จริงที่ช่วยให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

โค้ชหนุ่ม-จักรพงษ์ เมษพันธุ์ และ โอมศิริ วีระกุล ชวน นิ้วโป้ง-อธิป กีรติพิชญ์ วิทยาการด้านการลงทุนจากเพจ ‘นิ้วโป้ง Fundamental VI’ มาพูดคุยถึงแง่คิดจากประสบการณ์การลงทุนกว่า 10 ปี พร้อมคำแนะนำและตอบทุกคำถามสำคัญสำหรับมือใหม่ เพื่อเอาไปปรับใช้จริงและค้นพบสไตล์ที่เหมาะกับตัวคุณเอง

ติดตามได้ใน The Money Growth by The Money Coach เอพิโสดนี้

สามารถแนะนำ ติชมรายการ ส่งคำถาม หรือเสนอประเด็นที่อยากฟังมาได้ที่ [email protected]

ความแตกต่างระหว่าง ‘หุ้น’ กับ ‘กองทุนรวมหุ้น’

หุ้น คือการลงทุนกับธุรกิจที่เรารู้แน่ๆ อยู่แล้วว่ามันคือธุรกิจที่เกี่ยวกับอะไร เหมือนกับการที่เราซื้อของ เรารู้ได้เลยว่าข้างในถุงมันคืออะไร เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ผลตอบแทนก็สูงเช่นกัน ต่างจากกองทุนรวมหุ้น ที่เป็นการเอาเงินมากองรวมกัน โดยมีผู้จัดการกองทุน นำเงินไปลงทุนในหุ้นต่างๆ ตามนโยบายที่ได้โฆษณาให้กับลูกค้า เป็นการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงอยู่ในตัว

มือใหม่หัดลงทุน เริ่มต้นอย่างไรดี?

สำหรับมือใหม่ วิธีที่เบสิกที่สุดและช่วยทำความเข้าใจการลงทุนแบบเป็นขั้นตอนคือวิธี DCA (Dollar Cost Average) คล้ายการผ่อนส่ง คอยซื้อเติมลงทุนไปในแต่ละเดือนในจำนวนเงินที่เท่าๆ กัน

การลงทุนคล้ายการจัดแผนผู้เล่นในทีมฟุตบอล

การที่เรานำเงินไปฝากกับธนาคารนั้น เปรียบเสมือนทีมฟุตบอลที่มีการจัดแผนการแต่เกมรับเพียงอย่างเดียว คือเป็นการจัดผู้เล่นทุกคนไว้ในเกมรับทั้งหมด ซึ่งในการวางแผนแบบนี้เราอาจจะไม่แพ้ แต่ก็ไม่สามารถคาดหวังผลในการชนะได้ แตกต่างจากการนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งเปรียบเสมือนกองหน้า หรือบางส่วนจัดสรรไปลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งให้ผลตอบแทนในเชิงดอกเบี้ยที่มากกว่านำเงินไปฝากกับธนาคาร การจัดแผนการเล่นที่มีทั้งกองหน้า กองกลาง กองหลัง เราสามารถมีโอกาสที่จะชนะได้ในระยะยาว

ควรลงทุนหุ้นกี่ตัวถึงจะดี

จำนวนหุ้นที่พอดีและเหมาะสมนั้นควรมีสักประมาณ 10 ตัว พอเป็นจำนวนที่เราจำได้ว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงมีการรีวิวพอร์ตในทุกครึ่งปีหรือหนึ่งปี เพราะในบางช่วงเวลา กิจการบางชนิดอาจมีพื้นฐานที่เปลี่ยนไป เช่น สมมติเราถือหุ้นเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจากข่าวที่ฟังดูดีมากเกี่ยวกับธุรกิจนี้ว่าเป็นโปรเจกต์รัฐบาล แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าโปรเจกต์ไม่ได้เกิดขึ้น พอมารีวิวพอร์ตอีกทีเราอาจพบว่าพื้นฐานธุรกิจนี้ดูท่าไม่ดีแล้ว เราอาจต้องมีการปรับเปลี่ยน คือเปลี่ยนตัวที่ไม่ดีแล้วซื้อตัวใหม่เพิ่ม หรือในอีกบางกรณีคือหุ้นบางตัวได้เดินมาสุดทางของการเติบโตแล้ว ก็ควรต้องมีการปรับเปลี่ยนในการลงทุนเช่นกัน

คนแบบไหนควรลงทุนในหุ้น หรือกองทุนรวมหุ้น

คนที่ลงทุนในกองทุนรวมส่วนใหญ่ก็เป็นปกติที่อยากลองเข้าไปลงทุนในหุ้น แต่พอได้เข้าไปลงทุนในหุ้นจริงๆ หลายคนก็อาจพบกับความล้มเหลว สุดท้ายแล้วประสบการณ์จะบอกเราเองว่าเราเหมาะสมกับการลงทุนแบบไหน

อาจลองแบ่งการลงทุนออกเป็นฝั่งละครึ่ง สมมติว่าเรามีเงินในการลงทุนต่อเดือนอยู่ที่ 10,000 บาท ก็แบ่งไปลงทุนในหุ้นกับกองทุนรวมหุ้นอย่างละ 5,000 บาท แล้วลองดูผลลัพธ์ของเราเองว่าในแต่ละปีเป็นอย่างไรบ้าง สมมติว่าฝั่งการลงทุนหุ้นออกมาไม่ดีมากเท่าไร เราก็อาจลดจำนวนเงินในการลงทุนฝั่งหุ้นไปเพิ่มให้กับการลงทุนในฝั่งกองทุนรวมแทน และถ้าวันหนึ่งเราเริ่มมั่นใจ ชัวร์มากขึ้น ก็ค่อยแบ่งเงินกลับไปลงทุนในหุ้นอีกครั้ง

ลักษณะของคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว

เงินสด (Cash) คนที่มีเงินสดมากกว่าคนนั้นย่อมได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นเงินสดที่มาจากการทำงาน เงินเดือน หรือการทำธุรกิจ

ระยะเวลาในการลงทุน (Time) ยิ่งเรามีระยะเวลาในการลงทุนมากเท่าไร มหัศจรรย์ของการทบต้นจะเกิด เงินจากการปันผล รวมถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว

การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ต้องมีการจัดสรรแต่ละส่วนในระดับที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของตัวเอง คอยมอนิเตอร์การเติบโตของหุ้น จะสามารถทำให้นักลงทุนมีความมั่งคั่งในระยะยาว

#investnow ลงทุนวันนี้ โอกาสดีสร้างได้ อยากเรียนรู้เรื่องการลงทุนในหุ้น ติดตามได้ที่ https://setga.page.link/c7zVomo2z98rNSXC8

สนใจเปิดบัญชี e-Open Account ง่ายในง่าย ผ่านออนไลน์ไม่ต้องใช้เอกสาร https://setga.page.link/TdGNpXWx1AK3yNSq9

สามารถฟังพอดแคสต์ The Money Growth by The Money Coach
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย