เพื่อนร่วมงาน มักเป็นสาเหตุให้เกิดดราม่าในออฟฟิศทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพวกขี้เมาท์ ทำงานเอาหน้า เลียเจ้านาย หน้าไหว้หลังหลอก ยักยอกผลงาน ร้ายน้อยหน่อยก็แค่รำคาญ แต่ถ้าร้ายมากๆ ก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตและชีวิตการงานของเราได้เหมือนกัน
วันนี้ บองเต่า และ ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ จะมาจำแนกประเภท เพื่อนร่วมงาน แนวสตรอว์เบอร์รีสารพัดพิษทั้งหลายนี้ที่ชาวออฟฟิศอาจได้พบเจอ และช่วยคิดหาวิธีรับมือเพื่อให้เราอยู่รอดปลอดภัยอย่างสวยงาม
1. เพื่อนร่วมงานขี้เมาท์
สตรอว์เบอร์รีพันธุ์นี้ไม่ค่อยคุยกันเรื่องงาน แต่เมื่อไรที่มีเรื่องแซ่บๆ ของชาวบ้านก็จะสุมหัวเมาท์กันทันที พบได้ตามห้องแพนทรี บริเวณเตรียมอาหาร โดยเฉพาะแถวตู้กดน้ำ เมาท์กันตั้งแต่ตั้งแต่ละครหลังข่าวไปจนถึงเรื่องที่ทำให้คนอื่นเสียหาย
การเมาท์นั้นใช่ว่าจะเป็นสิ่งไร้สาระและไม่มีประโยชน์เสียทีเดียว ในแง่ของสังคมแล้ว การนินทาสามารถทำให้คนรู้สึกใกล้ชิดกันได้ จากที่ไม่สนิทสนมกันมาก่อน เมื่อมีจุดประสงค์ร่วมกันจะทำให้เกิดการพูดคุย สื่อสาร แลกเปลี่ยน ร่วมไม้ร่วมมือ และรู้สึกเป็นพวกพ้องเดียวกันได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นการนินทายังเป็นกลไกหนึ่งของสังคมในการช่วยกันเป็นหูเป็นตาและตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นในที่ทำงานได้อีกด้วย
แต่แน่นอนว่าการเมาท์ก็ทำให้เกิดโทษ โดยเฉพาะในออฟฟิศ หลายครั้งเราจะได้ยินเรื่องเล่าของคนนั้นคนนี้ การฟังคนอื่นพูดต่อๆ กันมาทำให้เราตัดสินคนผู้นั้นไปแล้วโดยที่ยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักเขาด้วยตัวเองจริงๆ และในบางครั้งเรื่องของเราก็อาจถูกเอาไปเมาท์แบบนี้เหมือนกัน
วิธีรับมือเพื่อนร่วมงานขี้เมาท์
เราจะพบว่าวงเมาท์ที่ออฟฟิศส่วนใหญ่มักเป็นขาประจำ ล้วนเป็นหน้าเดิมๆ ทั้งนั้นที่จะคอยสร้างพลังลบให้เราอยู่เสมอ แถมหลีกเลี่ยงยาก ถ้าเรามีอันต้องตกอยู่ในวงเมาท์โดยไม่ได้ตั้งใจ ลองใช้วิธีต่อไปนี้
- เปลี่ยนโหมดเป็นผู้ฟังเท่านั้น เก็บข้อมูลเฉยๆ แต่ไม่ต้องแสดงความคิดเห็น
- บางคนเชื่อว่าขอเป็นคนเมาท์ดีกว่าคนโดนเมาท์ จึงเอาตัวเข้าไปอยู่ในวงเมาท์เพื่อที่จะไม่โดนเมาท์ แต่เชื่อเถอะว่ายังไงทุกคนก็จะโดนเมาท์อยู่ดี ไม่มีข้อยกเว้น
- ถ้ารู้สึกทนไม่ไหวกับพลังงานลบของวงเมาท์ ให้เดินออกมาเลยโดยไม่ต้องแคร์ว่าจะเสียมารยาท หรือกลัวว่าจะไม่ได้สนิทกับเพื่อนร่วมงานเหล่านั้น เพราะในความเป็นจริง เพื่อนร่วมงาน คือ ‘เพื่อน’ ที่ร่วมกัน ‘ทำงาน’ ให้ระลึกไว้เสมอว่าจุดหมายหลักของเราควรจะเป็นการ ‘ร่วมกันทำงาน’ เสียก่อน และถ้าเรายังเป็นเพื่อนในชีวิตส่วนตัวกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขได้ด้วย นั่นนับว่าเป็นโบนัส นั่นจึงเป็นเพื่อนที่เราควรพยายามรักษาไว้ เพราะฉะนั้นสำหรับเพื่อนร่วมงานประเภทที่ไม่อยากเป็นเพื่อนเรา เพราะคิดว่าเราเสียมารยาทที่ไม่ยอมร่วมสุมหัวนินทากับเขาก็ปล่อยเขาไปเถอะ ถือโอกาสใช้ตรงนี้เป็นฟิลเตอร์ไว้กรองคนที่ควรคบเพื่อนในออฟฟิศก็แล้วกัน
- ถ้าโดนเมาท์แล้วรู้สึกเจ็บใจ ไม่โอเค ให้ลองคิดในแง่บวกว่าคนที่พูดลับหลังเราคือคนที่ตามหลังเราอยู่ มันแสดงว่าเรากำลังนำหน้าเขาอย่างไรเล่า ถ้าสู้เราไม่ได้ก็ปล่อยให้เขาดีแต่พูดไปอย่างนี้ก็แล้วกัน น่าสงสารออก
2. เพื่อนร่วมงานหน้าไหว้หลังหลอก
สตรอว์เบอร์รีพันธุ์นี้มักจะไม่ค่อยจะแสดงตัว กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร งูพิษเหล่านี้ก็แผลงฤทธิ์จนก่อเรื่องราวไปแล้วมากมาย หรือบางครั้งก็เป็นพวกที่ตบตาเราได้เนียนมากราวกับเรียนการแสดงมา สิ่งที่พวกหน้าไหว้หลังหลอกทำลายในสังคมออฟฟิศคือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ แทนที่จะสามารถทำดีตอบคนที่ดีต่อเราได้อย่างสบายใจ กลายเป็นต้องผิดหวัง เสียใจ และต้องมาระแวงกัน เพราะบางคนที่เหมือนจะดีกับเราต่อหน้ากลายเป็นร้ายลับหลัง
แต่สุดท้ายที่เขาว่ากันว่า ‘โลกนี้ไม่มีความลับ’ ก็ยังเป็นเรื่องจริงอยู่วันยังค่ำ สตรอว์เบอร์รีหน้าไหว้หลังหลอกเหล่านี้จะต้องถูกเปิดโปงเข้าสักวัน เชื่อเถอะว่ามันจะมีกลไก เวรกรรม หรือสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้เขาต้องเผยนิสัยที่แท้จริงออกมา และแพ้ภัยตัวเองไปในที่สุด
วิธีรับมือเพื่อนร่วมงานหน้าไหว้หลังหลอก
- ใช้มันเป็นบทเรียนเสียเลย สำหรับคนที่โดนกระทำในทีแรกอาจรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้รับความจริงใจตอบแทน แต่ในทางกลับกันมันก็เป็นข้อดี ให้คิดเสียว่าก็ดีที่เราได้รู้ความจริงก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปกว่านี้ คิดเสียว่าพวกหน้าไหว้หลังหลอกทำให้เราแกร่งขึ้น สร้างภูมิต้านทานให้ชีวิตมากขึ้น อีกหน่อยถ้าไปเจอเรื่องคล้ายๆ กันจะได้รู้เท่าทัน เป็นการเบิกเนตรและเพิ่มประสบการณ์ให้ดูออกว่าใครเป็นงูพิษในออฟฟิศ ในวันข้างหน้าเราก็จะจับงูพิษกันได้เก่งขึ้น
- ไม่ต้องตีตัวออกห่าง แต่ควรรักษาระยะห่าง เพราะถ้าจำเป็นต้องทำงานด้วยกันในวันหน้าจะได้ไม่เป็นปัญหา เพียงแต่ต้องระลึกไว้เสมอว่าเขามีนิสัยอย่างไร จะได้คอยระวังและเผื่อใจเอาไว้ ให้ปรับระดับความสัมพันธ์ลงมาเหลือแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อนในชีวิตจริงที่จะแชร์เรื่องส่วนตัวเหมือนที่เคยทำ
3. เพื่อนร่วมงานสายเลีย
สตรอว์เบอร์รีพันธุ์นี้จะแสนซี้กับผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำมาซึ่งผลประโยชน์ต่างๆ ลักษณะทั่วไปคือมักพูดเอาดีเข้าตัว และบางทีอาจมีการพูดเอาชั่วใส่คนอื่นอย่างแยบยลอีกด้วย
อีกลักษณะหนึ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปคือเป็นมนุษย์ Yes ตอบตกลงทุกสิ่ง ได้ครับพี่ ดีครับผมทุกอย่าง เห็นดีเห็นงามกับเจ้านายทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อตัวงานหรือเพื่อนร่วมทีมเลย เพราะคิดอยู่แค่ว่าทำตัวหรือพูดอย่างไรเจ้านายจึงจะรักและเอ็นดู
มนุษย์เลียผู้เห็นดีเห็นงามไปเสียทุกอย่างนี้อาจส่งผลให้องค์กรอ่อนแอได้อย่างคาดไม่ถึง กล่าวคือองค์กรที่ดีควรมีความหลากหลาย ประกอบด้วยความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป แล้วมาช่วยกันดูว่ามีอะไรบ้างที่แต่ละฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาได้ แต่ถ้าองค์กรไหนเต็มไปด้วยมนุษย์ Yes หัวหน้าคิดอะไร ทุกคนก็พากันเห็นด้วยไปเสียทุกเรื่อง จะทำให้องค์กรไม่มีการตรวจสอบซึ่งกันและกัน ไม่มีการถกเถียงเพื่อหาทางเลือกที่ดียิ่งขึ้น ก็จะไม่เกิดการพัฒนา
วิธีการรับมือเพื่อนร่วมงานสายเลีย
- อย่าเป็นศัตรูกับเขา เขาสามารถจะไปพูดอะไรใส่หูเจ้านายก็ได้ เพราะเขาคือคนที่ใกล้ชิดกับอำนาจ แต่การไม่เป็นศัตรูก็ไม่ได้หมายความจะต้องเป็นมิตร เราไม่จำเป็นต้องไปเลียคนชอบเลียอีกทีหนึ่ง
- ปล่อยเขาไป เขาจะเลียอย่างไรก็ช่างเขา แค่เราอย่าไปเลียตามเขาก็พอ ถ้าเราจะได้ดีก็ให้เป็นเพราะผลงาน อย่าเป็นเพราะเราเลียเก่งจนได้ดี
4. เพื่อนร่วมงานที่ใช้แต่ปากทำงาน
เวลาเขาทำงานกันล่ะไม่มาทำ แต่พอถึงเวลานำเสนอผลงาน สตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์นี้จะกระโดดขึ้นเวทีแถลงอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังพรีเซนต์เสียอย่างกับตนทำมากับมือทั้งสิ้น แถมละเลยการให้เครดิตเพื่อนๆ อีก
สตรอว์เบอร์รีพันธุ์นี้ บางครั้งนอกจากจะเก่งเรื่องการขโมยความชอบยังเก่งเรื่องการโบ้ยความผิด สารพัดพิษอย่างแท้จริง
วิธีรับมือเพื่อนร่วมงานที่ใช้แต่ปากทำงาน
- ปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมในการให้เครดิตทุกคนในทีม โดยเฉพาะคนที่ต้องออกไปพรีเซนต์งานบ่อยๆ ต้องไม่ลืมที่จะให้ความดีความชอบแก่คนที่อยู่ข้างหลังอีกหลายมือที่คอยช่วยเหลือให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ การสร้างวัฒนธรรมการให้เครดิตเช่นนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้พวกที่ทำงานแต่ปากไม่มีที่ยืน
- หัวหน้าที่ดีควรตระหนักรู้ว่าอาจมีคนประเภทนี้อยู่ หัวหน้าสามารถตรวจทานซ้ำ ซักถามรายละเอียดลงลึกเพิ่มเติมในเนื้องาน และการเช็กว่าตกลงใครทำอะไรตรงไหนบ้าง กระบวนการนี้จะทำให้รู้ได้ในที่สุดว่าใครเป็นคนที่ลงมือทำงานจริงๆ และใครเป็นคนที่ทำงานแต่ปาก
สิ่งที่เรียนรู้จากการได้เจอสตรอว์เบอร์รีพิษในออฟฟิศ
- คนพวกนี้มีอยู่ทุกที่ และบางทีเราเลี่ยงไม่ได้ อยู่ออฟฟิศเดียวกันมันก็ต้องเห็นหน้ากัน มีปฏิสัมพันธ์กัน ร่วมงานกันอยู่ดี สุดท้ายแล้วคนเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราถึงกับตาย แต่จะทำให้เราเรียนรู้โลกและแข็งแกร่งขึ้นได้ และยังสอนให้เรารู้จักปรับตัวอยู่ร่วมกับบุคคลไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย
- คนพวกนี้เป็นเหมือนครูคนหนึ่งของเรา ลองคิดเสียว่าพวกเขาเป็นครูที่ลงทุนทำตัวเองให้มีพฤติกรรมไม่น่ารัก ไม่พึงประสงค์ เห็นเขาแล้วเราก็จงมองย้อนกลับมาถามตัวเองว่าอยากเป็นคนอย่างนั้นไหม ถ้าไม่ ก็ต้องมีสติและระวัง อย่าเป็นคนไม่น่ารักเสียเอง
- เราอาจค้นพบความจริงในแง่ที่ว่า ไม่ว่าใครทำอะไรไว้ก็จะได้ผลอย่างนั้น อาจจะไม่ได้เร็วทันใจแบบกฎแห่งกรรมในละคร แต่มันจะมีกลไกบางอย่างที่จะทำให้ทุกคนรู้ความจริงในที่สุด
- ฝึกให้เราเป็นคนอดทน รับมือกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม และที่สำคัญ เป็นการฝึกทัศนคติของเราว่าเรายังอยากเป็นคนอย่างที่เราตั้งใจให้เป็นหรือเปล่า เพราะว่าสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ต่างๆ ที่ไม่ได้ทำดีแต่ยังได้ดีอยู่ก็มีให้เห็น เราจะประคองทัศนคติหรือความตั้งใจดีของตัวเองอย่างไรให้ตลอดรอดฝั่ง นั่นคือสิ่งที่เราต้องพิสูจน์
ฟังรายการ I HATE MY JOB พอดแคสต์ โดยแอปฯ Podcasts (สำหรับผู้ใช้ iOS), Podbean และแอปฯ ประเภท Podcast Player ยี่ห้อใดก็ได้ (สำหรับผู้ใช้ Android) หรือฟังทาง YouTube ก็ได้เช่นกัน
Credits
The Host ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ์
Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข
Show Producer อธิษฐาน กาญจนะพงศ์
Show Editor นทธัญ แสงไชย
Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ
Coordinator & Admin อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director อนงค์นาฎ วิวัฒนานนท์
Proofreader ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์
Music Westonemusic