วันนี้ (22 กุมภาพันธ์) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ ‘IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง’ โดยมีคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟัง
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความขัดแย้งปัญหาการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบดบังศักยภาพ บดบังแสงสว่าง ของประเทศไทย ตั้งแต่ 6 เดือนที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ ความสงบและความสมัครสมานสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจกันของพวกเราทุกคน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่เราจะเริ่มต้นให้ชาวโลกรู้ว่าแสงสว่างในประเทศไทยเกิดขึ้นแล้ว วันนี้ขอเสนอ IGNITE THAILAND กับศักยภาพ 8 ด้านที่จะสามารถทำให้ก้าวไปเป็นเบอร์หนึ่งได้
ดันไทย เบอร์หนึ่งท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนจึงขอเชิญชวนให้ทุกคนเริ่มจุดพลังให้ประเทศไทยเป็นที่หนึ่งในการท่องเที่ยว ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้ใหญ่มากเป็นอันดับที่ 50 ของโลก แต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นอันดับ 8 ของโลก ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เลี้ยงคนไทย 1 ใน 3 ของประเทศ นำรายได้เข้าประเทศกว่า 2.3 ล้านล้านบาท และจะโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างมโหฬารในอีก 4 ปีข้างหน้า เพราะการท่องเที่ยวคือจุดแข็งของประเทศไทย ดังนั้นมาตรการท่องเที่ยวต่างๆ จะถูกนำมาใช้ เพื่อดึงศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมาให้ไปถึงจุดที่เราควรจะเป็น
ทั้งการยกระดับเมืองรองให้เป็นที่ดึงดูดคนเข้ามาในประเทศ อย่างเช่น จังหวัดน่าน เมื่อเปรียบเทียบกับหลวงพระบาง สปป.ลาว ที่เป็นเมืองมรดกโลก แม้จะมีการพูดกันว่าควรจะเป็นเมืองคู่แฝด แต่ระยะการเดินทางทางบกใช้เวลานาน มีสนามบินแต่ก็ไม่มีไฟลต์บิน และไม่มี ตม. ที่จะรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ดังนั้นในอนาคตเราจะร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรมทำให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลก ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี
เตรียมแก้กฎหมายหนุนการท่องเที่ยว
ส่วนการเฟ้นหา Soft Power นายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ เช่น มวยไทย เป็นอะไรที่สามารถผลักดันได้ง่ายมาก เพราะมวยไทยเป็นการใช้ทับศัพท์มีคำว่าไทยอยู่ และการผลักดันให้ประเทศไทยไม่หลับใหล เราจะต้องเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทยด้วยการจัดเทศกาล คอนเสิร์ต งานศิลปะ ที่ผลักดันโดยรัฐบาล และเชิญศิลปินที่ดังระดับโลกมา
นอกจากนี้ควรแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว เช่น เรื่องเปิด-ปิดสถานบริการ หรือเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเราเป็นประเทศอินเตอร์ ต้องยอมรับให้ได้ในส่วนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมที่สุดใน CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา และเวียดนาม จึงมีการคุยกันในอาเซียนให้ไทยเป็นเจ้าภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาด้วยการยกระดับฟรีวีซ่า และพร้อมที่จะเป็นโฮมสเตย์ให้กับชาวโลก เพราะเรามีศักยภาพสูง ขณะเดียวกันไทยก็เป็นเลิศทางการแพทย์ แต่ยังติดขัดอยู่บางเรื่อง เช่น ประกัน รัฐบาลนี้จะผลักดันให้ไทยเป็น Wellness Center ขณะเดียวกันมีการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งภายในสิ้นปีนี้จะใช้ได้ทั่วประเทศ
ประชาชนต้องมีเงินในกระเป๋า
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า เราจะยกระดับให้ไทยเป็นครัวโลก เมื่อก่อนเราใช้คำว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ตนขอใช้เพิ่มอีกคำหนึ่ง ในกระเป๋ามีเงินด้วย โดยเพิ่มศักยภาพการค้าเนื้อวัว พร้อมตั้งเป้าว่าจะต้องขยายตลาดสินค้าฮาลาลให้เพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี ฉะนั้นการที่จะลงพื้นที่ภาคใต้สัปดาห์หน้า อยากให้นำศักยภาพตรงนี้ออกมาเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าประชาชนภาคใต้ พร้อมย้ำว่า ไม่ต้องพูดเรื่องความไม่สงบหรือความขัดแย้ง
ตั้งเป้าศูนย์กลางการบินใน 4 ปี
ขณะที่จุดแข็งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยก็ไม่เป็นรองใคร มีศักยภาพเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการขนส่ง เหมาะที่จะเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ดังนั้นภายใน 4 ปีจะพยายามผลักดันให้ไทยเป็น ‘Hub Case Study’ คือ
- ให้สายการบินมาใช้เป็นพื้นที่เปลี่ยนเส้นทางเพื่อต่อเครื่อง
- พัฒนาระบบขนส่ง เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าเย็นอย่างครบวงจร
- เป็นศูนย์กลางการบินและศูนย์ซ่อมบำรุง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการขยายรันเวย์สนามบินดอนเมืองเพื่อรองรับเที่ยวบินว่า ตนได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารอากาศ ซึ่งทราบว่าเราจะมีการยกระดับสนามบินขึ้น ทาง ผบ.ทอ. ก็เข้าใจนโยบายนี้ จึงอยากช่วยผลักดันเส้นทางใหม่ๆ และยินดีที่จะมอบสนามกอล์ฟคืนรัฐบาลเพื่อให้ได้พื้นที่มากขึ้น ซึ่งจะพัฒนาดอนเมืองให้เป็นสนามบินที่ดีขึ้น ทำให้เห็นถึงความสมัครสมานสามัคคีที่รัฐบาลนี้พยายามทำให้เกิดขึ้น สนามบินของกองทัพอากาศก็สามารถใช้ได้กับสนามบินพาณิชย์ ต้องมีการพูดคุยกันและจัดตารางการบินใหม่ เพื่อให้ตารางการบินของไทยเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
เดินหน้าจีบบริษัทยักษ์ใหญ่ ตั้งไทยเป็นฮับยานยนต์
นอกจากนี้เรื่องการขยายระบบคมนาคมจะมีการเพิ่มถนนหนทางมอเตอร์เวย์ รวมถึงการเพิ่มท่าเรือน้ำลึก เพื่อส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศให้มากขึ้น โดยยืนยันว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจอยากเข้ามาลงทุน เพื่อเป็นแหล่งส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ดังนั้นโครงการแลนด์บริดจ์ที่จะเชื่อมต่อระหว่างทะเลอันดามันและอ่าวไทย เพื่อลดเวลาและค่าขนส่งสินค้า นักลงทุนให้ความสนใจ โดยจะต้องเริ่มมีการพูดคุย แต่ประชาชนจะต้องยอมรับ จึงจำเป็นต้องมีการพูดคุย
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหาระหว่างการขนส่ง หากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง จะต้องลดการติดขัดเรื่องปัญหาด่านศุลกากรที่เป็นหนึ่งในอุปสรรคเรื่องการขนส่ง พร้อมกับย้ำว่า การลงทุนโครงสร้างขั้นพื้นฐานจะต้องใส่ใจ ไม่ใช่เพียงใส่งบเท่านั้น นอกจากนี้ได้ตั้งเป้าไว้ว่า ตนจะเดินสายจีบบริษัทแนวหน้าการผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่ในหลายๆ ประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางการผลิตยานยนต์รายใหญ่ให้ได้ โดยจะทำไปพร้อมกับการพัฒนานักพัฒนาเซิร์ฟเวอร์
ตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านการเงิน
ในช่วงหนึ่ง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แต่เหนือสิ่งใดเราต้องมีความทะเยอทะยานให้มากกว่านี้ เพราะศักยภาพของตลาดไทยไปได้ไกลมากกว่านี้หากเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นเราต้องมีความทะเยอทะยานและใช้ตลาดไทยที่แข็งแกร่งออกไปหาลูกค้าเพิ่มขึ้น ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจต้องพัฒนาควบคู่กับสังคม
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า จะมุ่งให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางทางด้านการเงิน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาล แต่มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล ก็ต้องแก้ไขกันไป แต่ต้องมีความพยายามให้มากกว่านี้ เนื่องจากศักยภาพของไทยไปได้ไกลกว่านี้