เมื่อวานนี้ (3 ธันวาคม) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า หมอกควัน PM2.5 เป็นอันตราย และมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งหลายหน่วยงานคาดการณ์กันว่าสถานการณ์วิกฤตมลพิษ PM2.5 กำลังจะกลับมาอีกครั้งเมื่ออากาศเย็นลง ความกดอากาศต่ำและไม่มีลมแรง อย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปีก่อน
กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยสุขภาพประชาชน จึงได้มอบนโยบายให้โรงพยาบาลในสังกัดดูแลรักษาผู้ป่วย พร้อมเฝ้าระวังผลกระทบกับสุขภาพในระยะยาว ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์เข้ามาใช้ควบคู่กับการรักษา
ล่าสุดได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนานวัตกรรมเครื่อง PM CLEANER ด้วยระบบ Active Plasma กำจัดฝุ่น PM2.5 โดยจะนำไปติดตั้งภายในอาคารของโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ทำให้ผู้ป่วยและประชาชนลดความเสี่ยงอันตรายจากฝุ่นละอองในอากาศได้ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น
ทั้งนี้ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเรื่องอาชีวอนามัย วินิจฉัย รักษาโรคจากการทำงานและโรคจากสิ่งแวดล้อมระดับประเทศ จึงได้ต่อยอดการรักษาโรคที่เกิดจากปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 โดยจัดตั้ง ‘คลินิกมลพิษ’ ที่เน้นการทำงานด้านเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม ประเมินสถานการณ์มลภาวะ ประเมินจำนวนผู้ป่วยที่เป็นโรคจากมลภาวะทางอากาศ
นอกจากนี้ ยังได้ริเริ่มโครงการโรงพยาบาลต้นแบบ ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในโรงพยาบาล การนำขยะมารีไซเคิลเพื่อลดมลพิษจากการเผาไหม้ขยะ ทั้งนี้ ได้ริเริ่มโครงการใช้นวัตกรรมเครื่อง PM CLEANER ด้วยระบบ Active Plasma กำจัดฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นการพัฒนาจากความร่วมมือระหว่างกรมการแพทย์ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยนำเครื่องดังกล่าวมาติดตั้งที่บริเวณโรงพยาบาลเป็นแห่งแรกของประเทศ เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีต่อผู้ป่วย และประชาชนที่สัญจรบริเวณโรงพยาบาล รวมทั้งตั้งเป้าจะขยายผลให้เป็นที่ศึกษาดูงานจากหน่วยงานต่างๆ ที่สนใจต่อไป
ทางด้าน ศ.นพ.อนันต์ ศรีเกียรติขจร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดเผยว่า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ของประเทศ และมีความร่วมมือในด้านต่างๆ กับกรมการแพทย์มาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับพบปัญหาของฝุ่น PM2.5 จึงได้สนับสนุนให้มีการพัฒนาเครื่องมือในการจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 ขึ้นมา โดยมีหลักการทำงานประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ
1. การใส่ประจุไฟฟ้าให้กับอนุภาค
2. การเก็บอนุภาคที่มีประจุโดยใช้แรงไฟฟ้าสถิตจากสนามไฟฟ้า
3. การแยกอนุภาคออกจากขั้วเก็บไปยังถังเก็บพัก
หลักการทำงานดังกล่าวจะช่วยดักจับฝุ่นละอองที่มีอนุภาคน้อยกว่า 0.1 ไมครอนได้ เป็นการดักจับฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คุณภาพอากาศบริสุทธิ์ขึ้น โดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเครื่องแยกฝุ่นกำจัด PM2.5 ที่มีทั่วไปมีราคาค่อนข้างสูง สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์ จึงได้ร่วมกับโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนาระบบกำจัด PM2.5 ด้วยระบบ Active Plasma ซึ่งมีระบบการแยกฝุ่น PM2.5
โดยใช้หลักการม่านประจุไฟฟ้าเพื่อดักจับแทน เนื่องจากสารประกอบใน PM2.5 มีลักษณะเป็นประจุบวก ซึ่งนอกจากจะมีประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่นละอองในอากาศตั้งแต่ 97-99% แล้ว ยังสามารถบำรุงรักษาระบบได้ง่าย และไม่ก่อให้เกิดขยะจากไส้กรองที่เสื่อมสภาพอีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์