กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือประจำวันที่ 18 มีนาคม เวลา 08.00 น. เฉลี่ย 24 ชั่วโมง พบว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่ส่วนใหญ่เริ่มมีปริมาณลดลง และมีเกณฑ์คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ ‘เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ’ แม้ว่าบางพื้นที่จะยังคงมีปริมาณฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่ 173 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และคงอยู่ในเกณฑ์ ‘มีผลกระทบต่อสุขภาพ’
สำหรับพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานมากที่สุดอันดับ 1 คือ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่มีปริมาณ PM2.5 พุ่งสูงถึง 173 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ฝุ่น PM10 สูงถึง 215 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 283 รองลงมาคือ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ที่มีปริมาณ PM2.5 สูงถึง 113 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 อยู่ที่ 129 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 223 แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของสถานการณ์ฝุ่นในภาคเหนือเริ่มมีแนวโน้มลดลง หลังพบปริมาณฝุ่น 9 พื้นที่ ตกลงมาอยู่ในเกณฑ์ ‘เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ’ แล้ว
นอกจากนี้ เว็บไซต์ AirVisual ได้เผยแพร่การจัดอันดับคุณภาพอากาศของเมืองต่างๆ ทั่วโลก พบว่า เชียงใหม่ที่เคยติดอยู่ในอันดับ 1 ของเมืองที่มีมลพิษทางอากาศมากที่สุดตลอดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดพบว่า เชียงใหม่มีค่า AQI ลดลงอยู่ที่ 194 พร้อมรั้งที่ 2 รองจากเมืองเดลี ประเทศอินเดียแล้ว โดยข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษรายงานว่า เขต ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชีงใหม่ มีค่า PM2.5 อยู่ที่ 101 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า PM10 อยู่ที่ 128 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
กรมควบคุมมลพิษขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ งดการเผาในที่โล่ง เพื่อป้องกันการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ประชาชนอยู่ในพื้นที่ที่ปริมาณฝุ่นละอองมีผลกระทบต่อสุขภาพ ขอให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยงควรเฝ้าระวังสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก ใจมีเสียงวี้ด ใจสั่น คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ แน่นหน้าอก ให้รีบพบแพทย์ ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
