×

ตลาดวอลล์สตรีทฟื้นกลับมาปิดในแดนบวก อานิสงส์นักลงทุนกลับมาแห่ช้อนซื้อหุ้นเทคโนโลยี ขานรับถ้อยแถลง เจอโรม พาวเวลล์

12.01.2022
  • LOADING...
หุ้นเทคโนโลยี

บรรยากาศตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (11 มกราคม) กลับมาคึกคักสดใสอีกครั้ง หลังได้แรงช้อนซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของบรรดานักลงทุน ทำให้ปิดตลาดในแดนบวกเป็นวันที่สองต่อเนื่องกัน ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า แม้ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์โอมิครอน แต่แนวโน้มตลาดหุ้นโดยรวมในปี 2022 ไม่น่าจะมีการปรับฐานครั้งใหญ่หรือรุนแรงแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ ดัชนีแนสแด็กมีการปรับตัวขึ้นมากที่สุดราว 1.41% หรือ 210.62 จุด ปิดที่ 15,153.45 จุด นับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สอง เพราะนักลงทุนแห่เข้าช้อนซื้อหวังทำกำไรจากราคาหุ้นเทคโนโลยีที่ปรับตัวลดลงไปก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 183.15 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 36,252.02 จุด และดัชนี S&P 500 ขยับเพิ่มขึ้น 42.78 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 4,713.07 จุด

 

นักวิเคราะห์ประเมินว่า การซื้อขายในตลาดเริ่มกลับมานิ่งมากขึ้น หลังจากที่ผันผวนอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากปัจจัยกดดันที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งภายในปี 2022 นี้

 

โดยหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในตลาดส่งผลต่อการขยับปิดตลาดในแดนบวกของวอลล์สตรีท โดยหุ้นของ Amazon ขยับเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ส่วนหุ้นของ Apple และ Nvidia เพิ่มขึ้นประมาณ 1.5%

 

นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานก็มีการขยับขึ้นตามราคาน้ำมันและแนวโน้มความต้องการบริโภคพลังงานที่กำลังทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากหุ้นของ ExxonMobil ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ตามราคาน้ำมันดิบที่ขยับเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้อานิสงส์จากถ้อยแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ที่แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ว่าห่วงโซ่อุปทานที่กลับสู่ภาวะปกติจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากเงินเฟ้อในปีนี้ แต่ Fed ก็ไม่กลัวที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง 

 

อย่างไรก็ดี พาวเวลล์เชื่อมั่นว่าแผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของ Fed ในปีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ Fed ไม่ต้องใช้มาตรการกระตุ้นขนานใหญ่อีกต่อไป

          

นอกจากนี้พาวเวลล์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถฝ่าฟันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนไปได้ และเชื่อว่าผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจนั้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

          

ไบรเอน ลันดิน นักวิเคราะห์จากบริษัท Gold Newsletter กล่าวว่า การแสดงความเห็นของพาวเวลล์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของ Fed จะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวในลักษณะ ‘ซอฟต์แลนดิ้ง’ มากกว่าที่จะทำให้เศรษฐกิจหดตัว นอกจากนี้พาวเวลล์ยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า Fed จะไม่เร่งใช้นโยบายคุมเข้มที่รุนแรงเกินไป เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

           

ด้านราคาน้ำมันเมื่อวานนี้ (11 มกราคม) ขยับขึ้นมาอย่างมากเนื่องจากหลายฝ่ายเริ่มคาดการณ์ว่า การระบาดของไวรัสโควิดตัวกลายพันธุ์โอมิครอนจะไม่กระทบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์โลก โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสงวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 2.99 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 81.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 2.85 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 83.72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ส่วนราคาทองคำเมื่อวานนี้ (11 มกราคม) พุ่งแรง แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ ตามหลังการแสดงวิสัยทัศน์ต่อสภาคองเกรสของพาวเวลล์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 19.70 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,818.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

 

ขณะเดียวกัน ทางนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งออกโรงเตือนนักลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังรอบคอบในการลงทุนในตลาดเช่นเดิม เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงท้าทายอีกมาก แม้ว่าตลาดวอลล์สตรีทจะสามารถพลิกฟื้นกลับมาอยู่ในแดนบวกก็ตาม โดยคำเตือนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักสุดจนทำสถิติกลายเป็นการเปิดตลาดรับปีใหม่ที่แย่ที่สุดเป็นอันดับสอง นับตั้งแต่เกิดวิกฤต เลห์แมน บราเธอร์ส โดยเป็นผลจากการที่นักลงทุนวิตกกังวลต่อท่าทีของ Fed ที่เดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงิน และการแห่เทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี

 

ทั้งนี้ หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญยังคงเป็นสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดตัวกลายพันธุ์โอมิครอน แต่ด้วยแนวโน้มผลกระทบที่ไม่รุนแรง ทำให้การลงทุนในตลาดเพื่อสร้างผลตอบแทนในปี 2022 ยังคงน่าสนใจ เพียงแต่นักลงทุนต้องทำใจรับกับสภาวะผันผวนของตลาดต่อไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกันนักลงทุนควรจับตาดูสถานการณ์เงินเฟ้อที่จะมีผลต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายของ Fed

 

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมแล้ว นักลงทุนยังมองไม่เห็นสัญญาณการปรับฐานครั้งใหญ่และรุนแรงของตลาด บวกกับสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ตลาดแรงงานเริ่มกลับมาจ้างงานกันมากขึ้น บวกกับความต้องการบริโภคสินค้าและบริการที่ค่อยๆ ฟื้นตัว และความร่วมมือในการเร่งกระจายวัคซีนจะทำให้ตลาดวอลล์สตรีทกลับมาคึกคักได้ในปีนี้

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising