วานนี้ (17 กรกฎาคม) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ในรายการ END GAME เกมที่แพ้ไม่ได้ ดำเนินรายการโดย เอก-ธนกร วงษ์ปัญญา และ ออฟ-พลวุฒิ สงสกุล ถึงประเด็นการแก้ไขมาตรา 272 และการโหวตนายกรัฐมนตรีว่า
หากอ้างอิงจาก 2 สมรภูมิเพื่อตั้งรัฐบาลของประชาชนที่พรรคก้าวไกลนำเสนอนั้น (ไทม์ไลน์โหวตนายกฯ และการแก้ไขมาตรา 272) วันที่ 25 หรือ 26 กรกฎาคม การยื่นแก้ไขมาตรา 272 น่าจะเข้าไปที่สภาแล้ว ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังโหวตนายกฯ รอบ 2 วันที่ 19 กรกฎาคม เพียงสัปดาห์เดียว แล้วถ้าเชื่อว่ามันไม่ผ่านจริงๆ สัปดาห์ต่อไปคือต้นเดือนสิงหาคม ก็จะเป็นการโหวตนายกฯ รอบ 3 ให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล แต่หากสมมติสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ได้ก็จะยื้อเวลาไปประมาณ 1 เดือน แลกกับการได้โหวตนายกฯ โดยสภาผู้แทนราษฎร ไม่ต้องมี ส.ว.
ฉะนั้น ประเด็นที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ‘ไม่อยากให้การโหวตนายกฯ ยื้อระยะเวลาไปนาน’ คงเป็นสิ่งที่เข้าใจผิด และไม่ได้ยาวนานอย่างที่คิด
“ไทม์ไลน์ทั้งหมดเนี่ย ช้าไปอีก 1 สัปดาห์ กับช้ามากที่สุดแค่ 1 เดือน มันไปไม่เกินนี้หรอก ซึ่งผมคิดว่าไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรมากมายถึงขนาดนั้น พิธาและพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้ดื้อให้โหวตไปเรื่อยๆ ขออีก 2 ยก มันเป็นวิธีการสู้ของก้าวไกล” ปิยบุตรขยายความ
ปิยบุตรพูดถึงกรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล โหวตนายกฯ รอบ 2 ไม่ผ่าน และไม่สามารถแก้ไขมาตรา 272 ได้ว่า ถ้าเป็นเช่นนี้พรรคเพื่อไทยที่ได้สิทธิแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน ก็สามารถกำหนดได้ว่าจะเอาพรรคการเมืองใดร่วมรัฐบาลบ้าง จะมีพรรคก้าวไกลหรือไม่ก็ได้ ต้องตัดสินใจเองเหมือนที่ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ณ ขณะนี้
ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยตัดสินใจเอาพรรคก้าวไกลออกจากพรรคร่วมรัฐบาลนั้น กองเชียร์พรรคก้าวไกลจะด่าพรรคเพื่อไทยหรือไม่คงไม่สามารถก้าวล่วงได้ อย่างไรก็ตาม หากประชาชนยังคงยืนยันว่า 8 พรรคร่วมยังคงจัดตั้งรัฐบาลไปด้วยกัน ก็จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลยังคงดำเนินการต่อไปได้อยู่
“เขา (พิธา) มอบฉันทมติให้พรรคอันดับ 2 (พรรคเพื่อไทย) แล้ว ดังนั้นพรรคเพื่อไทยเป็นคนจัดตั้งแล้ว สมมติถ้าจัดแล้ว ส.ว. ยังไม่เอาอีก พรรคเพื่อไทยก็ต้องเป็นหน้าที่ของคุณที่จะไปประเมินว่าจะอัญเชิญพรรคก้าวไกลหรือเปล่า ส่วน MOU จะฉีกได้ก็คือคนเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลไปฉีกสิครับ ก็ก้าวไกลหมดอาณัติแล้วว่าจะไปต่อไม่ได้” ปิยบุตรกล่าว
