วันนี้ (12 เมษายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยระบุว่าการมาเยือนครั้งนี้เป็นไปตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับชาวเชียงใหม่และลำพูน และมีจุดประสงค์เพื่อสวัสดีปีใหม่และร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือการหาเสียงเลือกตั้ง พร้อมพาบุตรสาวน้องพิพิม มาร่วมทริปด้วย ก่อนจะเดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า
พิธายืนยันว่า การมาเยือนภาคเหนือครั้งนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเทศบาลหรือการช่วยหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) หรือเลือกตั้งซ่อมในนครศรีธรรมราช เนื่องจากต้องระมัดระวังการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในช่วงงานรื่นเริงซึ่งอาจขัดต่อกฎหมาย
สำหรับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การลงพื้นที่ของพิธาเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการลงพื้นที่ของทักษิณ ชินวัตร และ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ อาจถูกมองว่าเป็นการปาดหน้าทางการเมือง พิธาชี้แจงว่าเป็นเพียงเรื่องของภารกิจที่แตกต่างกัน ส่วนตัวเพียงคิดถึงประเทศไทยและประชาชนในพื้นที่ จึงถือโอกาสแวะมาเที่ยวในช่วงวันหยุด
ในประเด็นการเมือง พิธากล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยในประเด็นร่างกฎหมายกาสิโน ว่าเป็นเรื่องปกติของพรรคร่วมรัฐบาล และไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เนื่องจากทั้งสองพรรคมีปัญหาความขัดแย้งมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลก้าวเข้าสู่ปีที่ 2-3 ของวาระการบริหาร
“ใครที่เคยเป็นเพื่อนก็อาจกลายเป็นคู่แข่งทางการเมืองได้ ความขัดแย้งในรัฐบาลเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่น่าสนใจคือ ร่าง พ.ร.บ.กาสิโน ที่ผ่านมติ ครม. ไปแล้วโดยที่หลายฝ่ายดูเหมือนจะไม่ทราบรายละเอียดหรือไม่ได้มีการพูดคุยกันมาก่อน” พิธากล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมีลักษณะเร่งรีบ และยังขาดความชัดเจนในด้านการจำกัดผลกระทบเชิงลบ
เมื่อถูกถามว่าร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภาได้หรือไม่ พิธาระบุว่า ต้องพิจารณาว่าเป็นความสำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศหรือไม่ โดยส่วนตัวยังมองว่าประเด็นเร่งด่วนขณะนี้คือเรื่องการแก้ไขปัญหา SMEs ซึ่งมีความเปราะบางในหลายพื้นที่
“จะสร้างบ้านต้องเริ่มจากรากฐานที่แข็งแรง ไม่ใช่เริ่มที่หลังคา ถ้าอยากผลักดันกาสิโนจริง ควรดำเนินการควบคู่กับ พ.ร.บ.การฟอกเงิน และ พ.ร.บ.ต้านคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความเข้าใจและยอมรับจากสังคมมากขึ้น” พิธากล่าวทิ้งท้าย โดยย้ำว่า เวลานี้ยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองในการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว
