×

พิธาให้สัมภาษณ์ BBC มองตัวเองเป็นผู้นำทางการเมือง ‘ที่แตกต่าง’ สำหรับประเทศไทย

30.05.2023
  • LOADING...
พิธา ลิ้มเจริญ

โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสำนักข่าว BBC ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์พิเศษระหว่างตัวเขาและ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผ่านบทความที่มีชื่อว่า ‘Pita Limjaroenrat: Thai election upstart who vows to be different’ ซึ่ง THE STANDARD ได้แปลสรุปใจความสำคัญของบทสัมภาษณ์มาไว้ในบทความชิ้นนี้

 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ใช่นักการเมืองไทยตามแบบเดิมๆ ที่คุณรู้จัก 

 

ในประเทศที่อายุเฉลี่ยของรัฐมนตรีอยู่ที่ 65 ปี และมีธรรมเนียมการเคารพผู้ที่อาวุโสกว่าซึ่งยึดถือกันมานั้น ทำให้ความอ่อนวัยของพิธาซึ่งมีอายุ 42 ปี และความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดของเขาโดดเด่นอย่างมาก

 

หลังจากที่ผลการเลือกตั้งออกมาว่าพรรคก้าวไกลคว้าที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคะแนนเสียงจากประชาชนไปมากที่สุด ส่งผลให้พิธาเตรียมก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในรอบ 78 ปีของไทย ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมต่อสถาบันการเมืองไทยซึ่งมีลักษณะแบบอนุรักษนิยมมายาวนาน

 

ปัจจุบันพรรคก้าวไกลกำลังดำเนินการเจรจาเพื่อที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับ 2 และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทุกครั้งนับตั้งแต่ปี 2001 หรือตลอด 22 ปีที่ผ่านมา โดยทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลต่างมีจุดยืนต่อต้านต่อการที่ทหารเข้ามาแทรกแซงทางการเมือง หรือดังเช่นการรัฐประหารเมื่อปี 2014 ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก นำกำลังทหารรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย

 

อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวรุ่นใหม่จากพรรคก้าวไกลสามารถเอาชนะพรรคที่มีประวัติเก่าแก่ และสามารถเอาชนะผู้สมัครหลายคนด้วยแคมเปญหาเสียงที่มีความคิดสร้างสรรค์และใช้สื่อโซเชียลเป็นหลัก เพื่อเสนอให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเลือกผู้นำทางการเมืองที่แตกต่างออกไปจากในอดีต

 

“ผมแตกต่างออกไป” พิธากล่าวกับเฮด “เราไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลผสมเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาแบบง่ายๆ ส่งๆ หรือทำให้ผมได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผมจะเป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว

 

“คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำที่มีท่าทีแข็งกร้าว และมีแนวคิดแบบชายเป็นพิษ (Toxic Masculinity) เพื่อทำให้ตัวเองมั่นใจว่า ‘ผู้คนจะต้องฟังฉัน ฉันจะต้องเป็นคนที่คนอื่นให้ความสนใจตลอดเวลา’

 

“ผมไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบตลอดเวลา ผมสามารถเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้ในประเทศไทย ขี่มอเตอร์ไซค์ กินข้าวข้างทางเหมือนคนอื่นๆ”

 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยของไทย

 

พิธาเล่าว่าการที่ครอบครัวส่งเขาไปเรียนที่นิวซีแลนด์สมัยยังเป็นวัยรุ่น และศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษาในสหรัฐอเมริกา รวมถึงประสบการณ์ของเขาที่ทำงานในธุรกิจผลิตน้ำมันรำข้าวของครอบครัว และได้มีโอกาสนั่งแท่นผู้บริหารของบริษัท Grab เป็นประสบการณ์ที่มีอิทธิพลกับชีวิตของเขาอย่างมาก

 

พิธาชื่นชมผู้นำโลกที่มีความติดดิน เช่น จาซินดา อาร์เดิร์น อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ และ โฆเซ เปเป้ มูฆิกา (José ‘Pepe’ Mujica) อดีตประธานาธิบดีอุรุกวัย

 

อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลมีเป้าหมายการปฏิรูปที่ทะเยอทะยานที่สุดในบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ตลอดประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของประเทศไทย โดยในจำนวน 300 นโยบายของพรรคก้าวไกล มีนโยบายที่น่าสนใจได้แก่ สมรสเท่าเทียม หรือการให้สิทธิผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศชาวไทยสามารถแต่งงานกันได้ การยุติการเกณฑ์ทหาร การแก้ปัญหาทุนผูกขาด และการยกเครื่องระบบการศึกษาเพื่อให้เหมาะกับเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21

 

ขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกลวางแผนที่จะรื้อรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยกองทัพ และนำธุรกิจต่างๆ ที่กองทัพได้ผลประโยชน์มาอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง

 

“นี่คือช่วงเวลาที่จะยุติวงจรการรัฐประหาร และคือเวลาที่จะยุติการคอร์รัปชันทางการเมืองซึ่งเปิดประตูสู่การรัฐประหาร” พิธากล่าว

 

แต่ประเด็นที่มีข้อถกเถียงมากที่สุดคือการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งปัจจุบันกำหนดโทษจำคุก 3-15 ปีกับผู้ที่ดูหมิ่นพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาหลายคนกล่าวว่าพวกเขาจะไม่โหวตให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล และไม่โหวตให้พิธาเป็นนายกฯ หากแตะต้องประเด็นดังกล่าว

 

ในประเด็นนี้พิธากล่าวว่า “ความรู้สึกนึกคิดของช่วงยุคสมัยนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

 

“ผมคิดว่าตอนนี้เรามีวุฒิภาวะ และการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างของผู้อื่นกันมากขึ้นในการพูดถึงเกี่ยวกับสถาบัน แม้แต่คนกลุ่มอนุรักษนิยมก็เข้าใจดีว่าบทบาทของระบอบรัฐธรรมนูญควรเป็นเช่นไรในศตวรรษที่ 21

 

“เราได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน 14 ล้านเสียง และพวกเขาก็เข้าใจดี เราชัดเจนและโปร่งใสว่านี่คือหนึ่งในวาระที่เราต้องการผลักดัน”

 

ทั้งนี้ พิธาเชื่อว่ารัฐบาลผสมของเขาซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 312 ที่นั่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะสามารถคว้าเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภาอีกไม่ต่ำกว่า 64 เสียง เพื่อคว้าเสียงข้างมากให้ได้

 

สำหรับในด้านนโยบายต่างประเทศนั้น BBC กล่าวว่า ในยุคของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ช่วงราว 10 ปีที่ผ่านมา บทบาทด้านการต่างประเทศของไทยถูกมองว่าแผ่วลงมากในเวทีโลก และดูเหมือนว่า พล.อ. ประยุทธ์จะแทบไม่ได้ให้ความสนใจกับนโยบายด้านนี้

 

พิธากล่าวว่า สำหรับพรรคก้าวไกล “เราจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับประชาคมโลกมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

“เราจำเป็นต้องปรับสมดุลใหม่ เราต้องพูดให้มากขึ้น และเราต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับระเบียบโลกที่ยึดหลักกฎหมาย เพราะหากไร้ซึ่งคำพูดใดๆ แล้ว นโยบายต่างประเทศของเราก็จะไม่มีน้ำหนัก

 

“และปัญหาต่างๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ มลพิษทางอากาศ ราคาปุ๋ย ก็มีปัจจัยมาจากต่างประเทศด้วยทั้งสิ้น”

 

พิธากล่าวว่า รัฐบาลในอนาคตของเขาจะประสานงานกับประเทศสมาชิกอาเซียนให้มากขึ้น เพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับวิกฤตสงครามกลางเมืองในเมียนมา รวมถึงเขาจะพยายามเปิดช่องให้ไทยส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาให้มากขึ้นผ่านทางชายแดนไทย-เมียนมา

 

ในส่วนของการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น พิธากล่าวว่า เขาเชื่อว่าทั้งก้าวไกลและเพื่อไทยไม่อาจละทิ้งเป้าหมายการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลที่เต็มไปด้วย ‘ความฝันและความหวัง’ เพราะหากไม่สำเร็จ ก็จะสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของทั้งสองพรรค

 

ส่วนในด้านชีวิตส่วนตัวนั้น พิธาเปิดใจกับ BBC ว่าเขาไม่คิดว่าจะเล่นการเมืองไปยาวๆ 

 

“ผมไม่อยากเป็นเหมือนนักการเมืองไทยคนอื่นๆ ที่ยังต่อสู้เพื่อแย่งชิงเก้าอี้ทางการเมืองในช่วงอายุ 70-80 ปีไปแล้ว ผมคิดว่าจะเดินสายการเมืองไปอีกสักอาจจะประมาณ 10 ปี และหลังจากนั้นผมจะใช้ชีวิตไปกับด้านอื่นๆ แทน”

 

ภาพ: BBC

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising