×

พิธาหารือองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เดินหน้านโยบายต้านทุจริต สร้างระบบที่ดี ดันดัชนีคอร์รัปชันให้ดีขึ้น

โดย THE STANDARD TEAM
08.06.2023
  • LOADING...
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

วันนี้ (8 มิถุนายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, วรภพ วิริยะโรจน์, พริษฐ์ วัชรสินธุ, รังสิมันต์ โรม และ เบญจา แสงจันทร์ เข้าพบปะพูดคุยหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน

 

พิธากล่าวว่า พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน อันถือเป็นปัญหาสำคัญในสังคมไทยที่ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนาอย่างมหาศาล จะเห็นได้ว่าตลอด 4 ปีในการทำงานของพรรคก้าวไกลในสภาผู้แทนราษฎร มีการเปิดโปงการทุจริตและการตรวจสอบการใช้อำนาจและงบประมาณภาครัฐอย่างเข้มข้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

 

แต่เมื่อพรรคก้าวไกลผ่านการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 จนได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นพรรคอันดับหนึ่ง และเป็นแกนนำเจรจาจัดตั้งรัฐบาล จึงมีการทำ MOU กับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อวางกรอบแนวทางการบริหารประเทศร่วมกันคือ 

 

“2. ทุกพรรคจะทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต หากมีบุคคลของพรรคใดมีพฤติกรรมทุจริต คอร์รัปชัน ทุกพรรคจะยุติการดำรงตำแหน่งของบุคคลนั้นๆ ทันที” 

 

และสำหรับแนวนโยบายที่จะทำร่วมกันก็คือ 

 

“7. แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันโดยการสร้างระบบและวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐในทุกหน่วยงาน” แสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลให้ความจริงจังกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันเป็นอย่างยิ่ง”

 

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามตัวชี้วัดต่างๆ รวมทั้ง Corruption Perception Index: CPI พบว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้คะแนนและลำดับอย่างลุ่มๆ ดอนๆ ในรัฐบาลที่ผ่านๆ มา ดังนั้นเราจึงมีเป้าหมายต้องการเร่งแก้ปัญหาการทุจริตให้เห็นผล ทำให้ดัชนี CPI ของประเทศไทยมีคะแนนและลำดับดีขึ้นได้โดยเร็วที่สุด

 

“หากเราผลักดันให้นโยบายของเราเรื่องการเปิดเผยข้อมูลรัฐ และการนำเทคโนโลยีมาช่วยจับโกงสำเร็จได้ภายใน 100 วันตามที่เราตั้งไว้ ผมเชื่อว่าต้นปีหน้าเราจะมีข่าวดีว่าคะแนนและลำดับของประเทศไทยใน CPI จะสูงขึ้นกว่าเดิมแน่นอน และประชาชนจะยิ่งเชื่อมั่นศรัทธาในระบบการเมืองการปกครองตามครรลองประชาธิปไตย” พิธากล่าว

 

พิธาระบุอีกว่า แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันต้องทำให้ ‘ระบบดี’ ด้วย เพื่อทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน จึงมีหลักคิดสำคัญในการออกแบบระบบ คือจะต้องเป็นระบบที่ 

 

  1. ไม่มีใครอยากโกง
  2. ไม่มีใครกล้าโกง 
  3. ไม่มีใครโกงได้ 
  4. ไม่มีใครโกงแล้วรอด

 

โดยเราได้ออกแบบนโยบายที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งและพร้อมนำไปปฏิบัติต่อไป เช่น การใช้ระบบ AI จับโกง ตรวจสอบแพตเทิร์นที่ส่อทุจริตในการบริหารจัดการภาครัฐ, การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ Open Government และ Open Parliament รวมทั้งนโยบาย ‘คนโกงวงแตก’ คือการออกกฎหมายคุ้มครองคนที่ออกมาแฉหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิดกันทุจริตก่อนให้รับการลดโทษหรือกันเป็นพยาน (Leniency Programme) โดยเป็นระบบที่ทำให้คนที่คิดจะร่วมกันโกง (เช่น คนจ่ายกับคนรับสินบน บริษัทที่จะฮั้วประมูลกัน) ระแวงกันเองจนไม่มีใครกล้าร่วมกันโกง รวมทั้งหน่วยงานที่ตรวจสอบคอร์รัปชัน อย่างเช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องมีความยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น เพื่อจะได้มีความรับผิดรับชอบต่อประชาชน

 

ด้าน วิเชียร พงศธร ประธาน ACT เปิดเผยว่า ดีใจที่พรรคก้าวไกลติดต่อเข้ามาพูดคุยหารือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน เชื่อว่าพรรคมีความจริงจังในประเด็นนี้ เรียกว่าการมีเจตจำนงอย่างมุ่งมั่น (Political Will) และภาคการเมืองมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทำให้ประชาชนมีความหวังว่าภาคการเมืองแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังและยั่งยืน เราได้แลกเปลี่ยนบางประเด็นที่เป็นรูปธรรม สามารถจับต้องได้ โดยเฉพาะประเด็นการสร้างระบบนิเวศที่จะทำให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาร่วมกัน และมองเห็นโอกาสที่จะร่วมมือกันได้ต่อไปในอนาคต

 

ขณะที่ณัฐพงษ์นำเสนอในที่ประชุม โดยกล่าวว่า 100 วันแรกของรัฐบาลก้าวไกลมีโรดแมป เราสามารถเปิดประชุมสภา และใช้มติคณะรัฐมนตรีเพื่อนำร่าง พ.ร.บ.ข่าวสารสาธารณะฯ กลับมาพิจารณาต่อได้เลยทันที ระบบ AI จับโกงที่เราสามารถต่อยอดจากระบบ ACTAi ได้ทันที แต่สำหรับ 100 วันแรกคงไม่สร้างภาระให้หน่วยงานทั้งหมด เพราะเราสามารถใช้ข้อมูล ‘เท่าที่มี’ และ ‘เท่าที่เป็น’ (หมายถึงรูปแบบของข้อมูลที่มีอยู่) อย่างไรก็ตาม หากคิดว่าข้อมูลประเภทไหนที่เมื่อหน่วยงานประกาศออกมา พบว่าหายไปทั้งที่หน่วยงานมีข้อมูลนั้นอยู่แล้ว เราจะสั่งให้เปิดเผยได้ทันที

 

ขณะเดียวกันใน 100 วันแรกของรัฐบาลก้าวไกลก็สามารถเข้าไปตรวจสอบ แก้ไขแผนงบประมาณประจำปีถัดไป โดยเชื่อว่าจะตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็น ไม่เหมาะสม และนำไปใช้ในโครงการที่คุ้มค่ามีประโยชน์ต่อประชาชน รวมได้กว่า 2 แสนล้านบาท

 

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังผลักดันหลักการ Open Parliament เบื้องต้นจะถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการทุกชุด เพื่อให้ประชาชนติดตาม ตรวจสอบได้ โดยเชื่อว่าจะทำให้การคอร์รัปชันลดน้อยลง ไม่มีเหตุการณ์การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป

 

“หลังจาก 100 วัน พรรคก้าวไกลผลักดันนโยบายบัตรประชาชนดิจิทัล เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนได้ เช่น การเข้าชื่อถอดถอน การเสนอร่างกฎหมาย และอาจจะต่อยอดในอนาคตได้ เช่น การเลือกตั้ง ประชามติ กระบวนการงบประมาณ ฯลฯ เพื่อให้การดำเนินการใดๆ นั้นสะดวก รวดเร็ว ผิดพลาดน้อย แต่ต้นทุนต่ำ” ณัฐพงษ์กล่าว

 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising