ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ มีการเติบโตอย่างมาก ยอดขายพุ่งสูงถึงกว่า 350 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังเห็นยอดขายเพิ่มขึ้น 35% จากสาขาเดิม ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์
แนวโน้มการเติบโตนี้สอดคล้องกับภาพรวมของตลาดกาแฟ จากการเปิดเผยข้อมูลของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) พบว่ามีการบริโภคกาแฟในประเทศสูงถึง 70,000 ตันต่อปี ขณะที่ประเทศไทยผลิตได้เองเพียง 10,000 ตันต่อปีเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าความต้องการกาแฟมีมากกว่าการผลิตในท้องถิ่นอย่างมาก ซึ่งเปิดโอกาสมากมายสำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ระอุตลาดร้านกาแฟ! ‘ร้านกาแฟพันธุ์ไทย’ ตั้งเป้าขยายจาก 511 สาขา พุ่งเป็น 5,000 สาขาภายใน 5 ปี
- 10 ปี ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ฝันใหญ่อยากแซง ‘อินทนิล’ ขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของเชนร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน ใช้กลยุทธ์ Underdog สร้างความต่าง
- เมนูไหนขายไม่ดี ตัดออกทันที! กลยุทธ์ ‘The Coffee Club’ ที่เหลือไว้เฉพาะเมนูไฮไลต์ในราคาเข้าถึงง่ายเพื่อดึงลูกค้าคนไทย พร้อมนิยามตัวเองเป็นคาเฟ่ที่มากกว่าขายกาแฟ
เมื่อมองไปไกลกว่าขอบเขตของประเทศไปจนถึงตลาดกาแฟระดับโลก แนวโน้มก็ดีเช่นกัน ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าระหว่างปี 2564-2566 ตลาดกาแฟทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตประมาณ 9% ต่อปี ภายในปี 2566 อุตสาหกรรมกาแฟอาจมีมูลค่าสูงถึง 1.91 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
การคาดการณ์นี้ประกอบกับสถานการณ์การบริโภคกาแฟในประเทศไทย ถูกมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจกาแฟอย่างกาแฟพันธุ์ไทยในการขยายและเติบโต
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันทะเยอทะยานในการขยายสาขาแฟรนไชส์เป็น 1,500 สาขา และเพิ่มผลกำไรเป็น 2 เท่าภายในสิ้นปี 2566 กาแฟพันธุ์ไทยได้วางกลยุทธ์ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นขยายสาขาไปทั่วประเทศด้วยรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้สูง เช่น กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด แนวคิดคือการทำให้แบรนด์มองเห็นได้มากขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า
อีกเรื่องคือการให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนแฟรนไชส์ เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น กาแฟพันธุ์ไทยนำเสนอรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย โมเดลเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับสถานที่เฉพาะและงบประมาณของผู้ซื้อแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพ โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสาขาละ 1.25 ล้านบาท
ปัจจุบันกาแฟพันธุ์ไทยมีมากกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ ที่น่าสนใจคือ 60% ของสาขาเหล่านี้ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ส่วนที่เหลือ 40% อยู่นอกสถานีบริการน้ำมัน บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 800 สาขาภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 1,500 สาขาทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2566
นอกจากนี้ยังวางแผนเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่ม Non-Beverage ด้วยสินค้ากลุ่มเบเกอรีและขนมอบ (Bakery & Pastry) ขนมแปรรูปจากชุมชนทั่วประเทศ (Pack Food) สินค้าที่ระลึกและของพรีเมียมจากแบรนด์ (Merchandising) รวมไปถึงเมล็ดกาแฟและกาแฟดริปพร้อมดื่มที่บ้าน เพื่อเพิ่มยอดขายต่อบิลให้มากขึ้น
ตลาดกาแฟในไทยมีมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ตลาดแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักคือกาแฟที่บ้านและกาแฟนอกบ้าน แม้จะมีผู้เล่นรายใหญ่ที่มีสาขาเพิ่มขึ้น แต่กาแฟพันธุ์ไทยยังมองเห็นโอกาสในการเติบโตอีกมาก คนรุ่นใหม่ดื่มกาแฟมากขึ้นกว่าที่เคย และคาดว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไป
แม้ว่าผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดกาแฟจะมีสาขามากขึ้น แต่ พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กล่าวว่า ”จะเป็นที่ 1 ในอนาคตหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าการอยู่ข้างหลัง ไล่ผู้นำสนุกกว่า”
ภายในปี 2568 กาแฟพันธุ์ไทยมีเป้าหมายที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการเดินทางของแบรนด์