×

ลิสต์เพลงเตรียมร้องตาม ก่อนดู Phoenix Live in Bangkok 2017

11.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • วง Phoenix กำลังจะมาแสดงคอนเสิร์ตที่บ้านเราในวันที่ 17 สิงหาคม 2560  
  • THE STANDARD จัดลิสต์ประมวลผลจาก 21 โชว์ครั้งหลังสุดของวง ระหว่างวันที่ 2 มิถุนายนถึง 22 กรกฎาคม 2560 โดยประเมินได้คร่าวๆ ว่า ถ้าเราไม่โชคร้ายจนเกินไป วง Phoenix ก็น่าจะเล่นทั้งหมด 16 เพลงในคอนเสิร์ตนี้

     ช่วงนี้คอนเสิร์ตวงนอกเยอะมาก บางสัปดาห์เจอเข้าไปสองวง ทำเอาบัตรเครดิตสึกไปตามๆ กัน ด้วยความที่บัตรไม่ได้ราคาถูก คนที่ได้ไปก็คงอยากเต็มที่กับวง จะแค่ไปโยกๆ มันก็คงแค่เลเวลพื้นๆ ไปหน่อย ถ้าให้แน่ต้องร้องเพลงให้ได้ หรือเข้าใจว่าเพลงพูดถึงอะไร แถมบางวงมีเพลงฮิตจากเมื่อหลายปีก่อนที่ลืมเนื้อร้องไปแล้ว หรือบางคนก็อาจจะไม่เคยฟังอัลบั้มใหม่เลยด้วยซ้ำ เพราะกะไปกรี๊ดเพลงสุดฮิตเพลงนั้นเพลงเดียว

     งานนี้ THE STANDARD เลยทำไกด์สำหรับการเตรียมตัวไปดู Phoenix Live in Bangkok 2017 คอนเสิร์ตวงอินดี้ป๊อปจากฝรั่งเศส วงดังเจ้าพ่อเพลงเนื้อซ้ำ ด้วยการจัดลิสต์ที่ประมวลผลมาจากการไล่ดูเซตลิสต์ 21 โชว์ครั้งหลังสุดของวง ระหว่างวันที่ 2 มิถุนายนถึง 22 กรกฎาคม 2560 โดยประเมินได้คร่าวๆ ว่า ถ้าเราไม่โชคร้ายจนเกินไป วง Phoenix ก็น่าจะเล่นทั้งหมด 16 เพลงในคอนเสิร์ตนี้

 

กลุ่มที่ 1 ไม่พลาดแน่ๆ

     คอนเสิร์ต 21 ครั้งหลัง มี 8 เพลงที่วง Phoenix เล่นแน่ๆ เราขอยกมา 4 เพลงที่คิดว่าควรเตรียมตัวร้องให้ได้เพื่อร่วมสนุกให้เต็มที่

 

Ti Amo

     เพลงของหนุ่มหื่นจอมตื๊อ บอกรักได้ทุกภาษา! บอกสาวว่าเย็นก่อนน้อง อย่าเพิ่งปฏิเสธพี่ ขอพร่ำคำหวานจนกว่าเราจะไปกันได้น่ะแหละ

 

“I love you, ti amo, je t’aime, te quiero

Open up your eyes

Don’t tell me, don’t tell me

No don’t tell me, don’t tell me, no don’t tell

Tell me, don’t tell me, no

I say ti amo till we get along”

 

Lisztomania

     เพลงฮิตที่เนื้อเพลงมีเรื่องราวมากกว่าที่คิด ต้นตอมาจากการบรรยายถึงสาวๆ ที่คลั่งไคล้นักเปียโน Franz Liszt สมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งในยุคนี้ก็คงเปรียบกับความคลั่งไคล้บอยแบนด์ เนื้อเพลงประมาณว่า “ขอโอกาสพี่บ้าง อย่าไปหลงหนุ่มสำอางเป๋าตุงนั่นเลย” นี่มันเพลงฝรั่งหรือลูกทุ่งเมื่อ 30 ปีก่อนกันแน่!

 

“On this precious weekend

Ending this love for gentlemen only

Wealthier gentleman only

Now that you’re lonely

Too late, too late, too late, she’ll be late, too late, too late”

 

J-Boy

     ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มล่าสุด อ่านเนื้อเพลงไปเรื่อยๆ จะเริ่มเข้าใจได้ว่าเพลงพูดเรื่องความสัมพันธ์ของคู่รักที่ดูเหมือนจะเข้าใจกันได้ แต่จริงๆ ต่างกันสุดขั้ว ประมาณว่ารูปของปิกัสโซมันคนละเรื่องกับของมิเกลันเจโล ถึงแม้ว่ามันจะเป็นมาสเตอร์พีซเหมือนกันก็ตาม เด็ดสุดคือเสียงกีตาร์ในนาทีที่ 3.25 ของเพลงนี้

 

“I was excited to be part of your world

To belong, to be loved, to be mostly the two of us

Something I was stealing for no reason at all

They had me higher than a disco ball

But you talked, I’m gonna let you go

It’s the Picasso Michelangelo”

 

1901

     อีกเพลงสุดฮิตของ Phoenix ที่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าพูดถึงอะไรกันแน่ ถ้าให้เดาก็คงพูดถึงความสัมพันธ์ที่เน่าๆ แล้ว และไม่รู้ว่าจะจบยังไงดี ที่มั่นใจคือท่อนคอรัสมันเขย่าๆ ได้สนุกดี ในคอนฯ เรามาช่วยกันร้องท่อน hey กะ fold it นะครับ

 

“And I’ll be anything you ask and more, going ‘hey, hey, hey, hey, hey, hey’

It’s not a miracle we needed. And no I wouldn’t let you think so

Fold it, fold it, fold it, fold it

Fold it, fold it, fold it, fold it”

 

 

 

กลุ่มที่ 2 ของ (เกือบ) ตาย

     กลุ่มนี้มีประมาณ 7 เพลงที่ใช้ร้องหลักๆ ในคอนเสิร์ต 21 ครั้งที่ผ่านมา เลือกมาให้เตรียมตัว 4 เพลง

 

If I Ever Feel Better

     ซิงเกิลที่ 3 จากอัลบั้ม United แต่เป็นเพลงแรกที่ทำให้ผมรู้จักวงนี้จากมิวสิกวิดีโอใน Channel V ในช่วงที่เฟรนช์ป๊อปหลายๆ วงกำลังมา ทั้ง Tahiti 80 หรือ Air เนื้อเพลงเป็นเหมือนการพล่ามของคนหนุ่มต่อเรื่องราวสับสนต่างๆ ที่พัวพันอยู่ในใจ เป็นจุดเริ่มต้นของเจ้าแห่งการร้องเนื้อซ้ำ (phrase ละ 4 รอบเท่านั้น เบาๆ)

 

“They say an end can be a start

Feels like I’ve been buried yet I’m still alive

I’m losing my balance on the tight rope

Tell me please, tell me please, tell me please, tell me please”

 

Trying To Be Cool

     อินโทรเพลงนี้มันเท่มาก แต่ก็เป็นอีกเพลงที่เดาไม่ออกว่าพูดถึงอะไร ผมไปลองกูเกิลหาความหมายของเพลงนี้ก็เจอคลิปที่โธมัส มาร์ส ให้สัมภาษณ์ไว้ บอกว่าตอนแต่งเหมือนจะเป็นเพลงแต่งให้คนอื่น แต่มันออกมาดีจนต้องเก็บไว้เอง แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเนื้อเพลงประหลาดๆ มันหมายถึงอะไร แค่มันเวิร์กเท่านั้น!

 

“They teach you suffer to resist

Too much intention Presbyterian

Mint julep testosterone

Tell me that you want me

Tell me that you want me”

 

Rome

     เพลงที่มีจังหวะเร่งเร้า แต่เนื้อเพลงกลับพูดถึงความสัมพันธ์ที่พังทลายของคนสองคนที่อยู่ด้วยกัน แต่อยู่แบบนั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว อดีตยาวนานที่มีด้วยกัน ทิ้งลงถังไปหมดแล้ว แถมบอกว่าไม่เคยรักซะอีก โอววววว

 

“I stand outside under broken leaves

I know I can’t do without

The future’s trying to wait

I’ve never loved you

And if I loved you

I wouldn’t say that I’m sorry oh no

I stand outside under broken leaves”

 

Fior Di Latte

     เพลงใหม่อีกเพลงที่เพราะมากๆ จากอัลบั้มล่าสุด เป็นเพลงโปรดของผมคู่กับ Fleur de Lys เนื้อเพลงนี้อ่านแล้วแทบไม่ต้องเดาว่าพูดถึงอะไร โจ่งแจ้งมากๆ โธมัสก็อธิบายไว้ตรงๆ ว่า “เพลงนี้เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความต้องการ (desire) และ Fior di Latte เป็นไอศกรีมรสที่อีโรติกที่สุดที่คนอิตาเลียนจะจินตนาการได้” (อนึ่ง fior di latte แปลว่า milk’s flower และยังอาจจะหมายถึงชีสตระกูล mozzarella ที่ทำจากนมวัวได้ด้วย)

 

“On, we’re meant to get it on

We’re meant to get it on

We’re meant to get it on

Fior di latte, fior di latte

Throw your weight around behind me

Fior di latte, fior di latte

Don’t think about it, trigger me happy”

 

https://www.youtube.com/watch?v=2SpAvMLTLS4

 

 

กลุ่มที่ 3 เตรียมใจเถอะน้อง

     โอกาสมีไม่ถึง 50% ที่วง Phoenix จะเล่นเพลงกลุ่มนี้ แม้จะเป็นเพลงดังแค่ไหนก็ตาม เพลงชุดนี้มีอยู่ด้วยกันประมาณ 6 เพลงที่วงสลับเอาขึ้นมาเล่น ลองซ้อมฟังไว้ เผื่อจะได้เซอร์ไพรส์สัก 2 เพลง

 

Lovelife

     อีกเพลงที่เพราะมากๆ จากอัลบั้มล่าสุด เนื้อเพลงเหมือนหนังภาคต่อจาก Rome ที่เพิ่งรู้ตัวว่าโคตรเหงา รักผู้หญิงคนนี้สุดๆ และเพิ่งสำนึกได้ว่าไม่น่าทิ้งเขาไปเลย ตอนนี้เลยต้องมาคอยต่อคิวง้อ

 

“I never meant to leave you alone

Many relentless promises

And if I realized that I want you to know

I’m turning into partying alone, kisses

I love you anyway”

 

Long Distance Call

     ผมว่าเราๆ คงต้องลุ้นกันตัวโก่งว่า Phoenix จะเล่นเพลงสุดติ่งเพลงนี้ให้พวกเราชื่นใจไหม ส่วนตัวแล้วอยากจะเห็นฮอลล์แตกไปกับเสียงกรี๊ดของเพลงนี้ อยากไปช่วยร้องท่อน “It’s never been like that” ซ้ำๆ สักร้อยรอบ

 

“I’m far gone but your long distance call

And your capital letters keep me asking for more

It’s never been like that

It’s never been like that”

 

 

 

กลุ่มที่ 4 จงอย่าหวัง

     Phoenix มีอัลบั้มมาแล้ว 6 ชุด เพลงดีๆ เยอะมาก แต่บางเพลงที่เราชอบๆ ถ้าหากได้ฟังจากในคอนเสิร์ตนี่มันอาจจะยิ่งกว่าถูกหวยเลขท้ายสามตัว ผมเลือกมา 3 เพลงที่ส่วนตัวชอบมาก แต่ดูๆ แล้วทางวงคงไม่เล่นแน่ๆ

 

Too Young

     เพลงฮิตติดชาร์ตเพลงแรกของวงจากอัลบั้มแรกสุดเป็นเพลงที่โคตรดี

 

“I got a very good friend who says he can’t believe the love I give

Is not enough to end your fears

I guess I couldn’t live without the things

That made my life what it is”

 

Holdin’ On Together

     ท่าทาง Phoenix จะไม่ค่อยชอบอัลบั้ม Alphabetical เท่าไร เพราะไม่ได้เล่นเพลงจากอัลบั้มนี้ในคอนเสิร์ตเลย แต่ผมชอบอัลบั้มนี้มากๆ เลยนะ เพลงเพราะๆ อย่างเพียบ

 

“Though I’ve been trying

To lose it all before it’s gone

Whatever comes, a heart can’t smile if it’s filled with tears

Though I’ve been waiting

 All I got to do is call

I’m diving deeper, won’t you get me out of this despair”

 

Sometimes In The Fall

     ถ้าเลือกได้ ผมอยากให้เพลงนี้เป็นเพลงปิดคอนเสิร์ต น่าจะส่งคนดูกลับบ้านได้อย่างโคตรฟิน แค่ท่อน long long long long long long long long la la la la la la long gone นี่ก็ที่สุดแล้ว

 

“Sometimes in the fall, fall, fall, fall

There’ll be nothing to keep you far from me

Before I am long long long gone

There’ll be nothing to keep me away”

 

 

     ดูจากลิสต์เพลงแล้วก็ขอแนะนำไว้ว่าให้ใส่รองเท้าคู่ที่สบายสุดๆ และไม่กลัวเลอะไปดูน่าจะดี เพราะคงได้เต้นกันยับแน่ๆ แล้วเจอกันวันงานครับ!

 

อ้างอิง:

  • ข้อมูล set list จาก setlist.fm
  • เนื้อเพลงจาก Apple Music และ songmeanings.com
FYI

เพลงทั้งหมดที่เขียนข้างบน ฟังตามได้จากเพลย์ลิสต์นี้ itunes.apple.com/th/playlist/phoenix-gig-2017/…

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X