วันนี้ (7 ตุลาคม) พรรคเพื่อไทยเปิดเวที ‘ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย’ แสดงความพร้อมสู่การเลือกตั้งหลังการยุบสภา และเปิดตัวผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส. ล็อตแรก 185 คน จากทั่วประเทศ โดยแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศว่า หัวใจของคนเพื่อไทยได้มารวมพลังกันอีกครั้ง โดยกล่าวถึงสถานการณ์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกกระทำให้กลายเป็นฝ่ายค้าน, ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคต้องอยู่ในเรือนจำ และผลการเลือกตั้งซ่อมที่มีทั้งชัยชนะที่เชียงราย และความพ่ายแพ้ที่ศรีสะเกษ
“หลายคนพูดว่าพรรคเพื่อไทยถึงทางตันแล้ว ใกล้จะตาย สูญพันธุ์ ดิฉันไม่เคยเชื่อแบบนั้น เพราะถ้าจะสูญพันธุ์ พรรคนี้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว เราคือพรรคการเมืองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมที่สุด และเผชิญชะตากรรมทางการเมืองอย่างสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย” แพทองธารกล่าว
แพทองธารยังย้ำว่า จิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เลือดที่ไหลตามอำนาจ แต่คือเลือดของประชาชนที่อยากเห็นประเทศดีขึ้น ทุกครั้งที่เลือดไหล เราจะมีเลือดใหม่เข้ามา และเราจะรวมพลังกันอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยคือพรรคแห่งโอกาส ที่จะยังคงเดินหน้าผลักดันนโยบายเพื่อยกระดับชีวิตประชาชน เพิ่มโอกาสให้คนจน สร้างหลักประกันให้ผู้ประกอบการ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
“ดิฉันพร้อมสู้ และพรรคเพื่อไทยของเราจะสู้ไปด้วยกัน” แพทองธารยืนยัน
แพทองธารยังระบุว่า โชคชะตาของพรรคเพื่อไทยกับประเทศไทยผูกพันกันอย่างแยกไม่ออก ทุกครั้งที่พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นได้ ประเทศไทยก็มักจะมีพลังใหม่ที่รุ่งโรจน์ตามไปด้วย
“ดิฉันขอพูดจากใจจริง ขอบคุณทุกท่านที่ยังอยู่กับเราในวันนี้ ขอบคุณที่ต่อสู้ทุกกระแสข่าว ขอบคุณคนที่อยู่มาอย่างยาวนาน และเลือกที่จะอยู่กับเราต่อไป ทุกท่านทราบว่า ที่แห่งนี้เป็นมากกว่าพรรคการเมือง ที่นี่คือบ้านของพรรคเพื่อไทย ที่นี่คือบ้านของคนเพื่อไทย และที่นี่จะไม่มีวันทิ้งกันไปไหน ขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ” แพทองธารกล่าว
ยกเครื่องพรรค เพิ่มความเป็นเอกภาพ
สำหรับการ ‘ยกเครื่อง’ หรือปรับโครงสร้างการบริหารของพรรคเพื่อไทยนั้น แพทองธารเผยว่า คณะกรรมการบริหารพรรคจะได้รับคำปรึกษาจาก 2 คณะหลัก ได้แก่ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งรวมนักคิด นักวางแผนที่อยู่กับพรรคมาอย่างยาวนาน และคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมือง ที่ผ่านประสบการณ์สมรภูมิทางการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย
ทั้งนี้ โครงสร้างการทำงานใหม่ของพรรคแบ่งเป็น 4 เสาหลัก ได้แก่
1. สำนักงานกิจการสภาผู้แทนราษฎร ดูแลการประสานงานและการทำงานในสภา
2. สำนักนโยบาย ศึกษาและวิจัยนโยบาย ซึ่งเป็น DNA ดั้งเดิมของพรรคไทยรักไทย
3. สำนักเลขาธิการพรรค ดูแลการบริหารงานกลาง ประสาน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ
4. สำนักสื่อสารพรรค ดูแลยุทธศาสตร์การสื่อสารกับประชาชน
แพทองธารเล่าต่อว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมเปิดเวทีใหม่ชื่อ ‘เวทีตาดูดาว เท้าติดดิน (Moonshot Forum)’ เพื่อศึกษา วิจัย และค้นหาทางออกใหม่ของประเทศในยุคที่โลกเผชิญความผันผวนทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ซึ่งไม่ใช่แค่เวทีพูดคุยทั่วไป แต่คือการตั้งเป้าหมายใหญ่เหมือนโครงการอพอลโลที่ส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ เราจะคิดให้ใหญ่ เพื่อเปลี่ยนประเทศอย่างก้าวกระโดด
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเปิดเผยอีกว่า เวทีดังกล่าวจะเริ่มที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้ ก่อนขยายสู่ภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ประชาชนจากทุกภาคมีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบายโดยตรง
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังอธิบายแนวทางยกเครื่องเศรษฐกิจไทยหลายด้าน แพทองธารกล่าวปิดท้ายว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือน ไม่ว่าจะอีก 2 เดือน หรือ 4 เดือน พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว และได้แต่งตั้ง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง และตั้งกองอำนวยการเลือกตั้งเพื่อขับเคลื่อนพรรคในสนามใหญ่
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า พรรคจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบทั้ง สามคน และจะเปิดตัวพร้อมกันในเวลาที่เหมาะสม มั่นใจได้เลยว่าจะถูกใจพี่น้องประชาชนทุกระดับ