ก่อนอื่นต้องถามว่าคุณชอบไปเที่ยวประเทศไหนกันบ้าง เพราะนี่คือลิสต์น้ำหอมน่าใช้จากประเทศที่ฮอตฮิตติดลมบนของคนไทย ทั้งอังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน, ญี่ปุ่น และเกาหลี ลองเช็กลิสต์ดูว่าชอบไหม เผื่อไปทริปหน้าจะได้เลือกช้อปน้ำหอมจากปลายทางที่ว่า กลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่จะได้ฉีดกลิ่นโปรดให้หายคิดถึงประเทศนั้นๆ จนต้องตีตั๋วกลับไปอีกโดยเร็ว
โลเคชัน: สหราชอาณาจักร
แบรนด์: Jo Malone English Pear & Freesia Cologne 100 ml. (5,100 บาท)
อยากได้โคโลญสไตล์ชนอังกฤษ ต้องนี่เลย English Pear & Freesia โคโลญกลิ่นที่ขายดีในทุกไลน์โปรดักต์ ไม่ว่าจะเป็น Bath & Body หรือโคโลญทั้ง 2 ขนาด รวมไปถึง Diffuser, Candle, Room Spray แนวกลิ่นอยู่ในตระกูลผลไม้ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของลูกพลัมอังกฤษ ผสานกับกลิ่นของดอกฟรีเซียสีขาว ปิดท้ายความลงตัวด้วยกลิ่นหอมของเนื้อไม้จากพิมเสน
We Say: เราชอบที่ Jo Malone เป็นโคโลญที่ผสมกับกลิ่นอื่นๆ ได้ลงตัว เกิดเป็นกลิ่นหอมใหม่ในแบบที่เราชอบ แนะนำให้ผสมกลิ่น English Pear & Freesia กับกลิ่น Nectarine Blossom & Honey เมื่อฉีดรวมกันแล้ว ได้เป็นกลิ่นแนวฟรุตตี้แบบใหม่ที่หอมสดใส อาจชวนให้นึกถึงสวนอังกฤษเอาได้
โลเคชัน: ฝรั่งเศส
แบรนด์: Diptyque Do Son Eau de Parfum 100 ml. (5,350 บาท)
หนึ่งในน้ำหอมที่อยากแนะนำให้ซื้อกลับมาสักขวด นี่เป็นกลิ่น Best Seller ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เป็นแนวกลิ่นของดอกไม้ เหมาะกับคนที่ต้องการความหอมสดชื่น อยากได้กลิ่นดี ราคาแพง แถมดีไซน์ของขวดไม่ว่าจะตั้งไว้จุดไหนของบ้านก็กลายเป็นของแต่งบ้านสุดชิคไปในตัว ชวนนึกถึงแดนน้ำหอมอย่างไรไม่รู้
We Say: สังเกตฉลากของน้ำหอมสักนิด โดยพลิกไปด้านหลังขวด แล้วมองผ่านน้ำหอมเข้าไป จะเจอกับภาพสเกตช์สุดประณีต นั่นคือภาพที่แบรนด์ตั้งใจบอกเล่าถึงแรงบันดาลใจและที่มาของน้ำหอมแต่ละกลิ่นเอาไว้อย่างแยบยล
โลเคชัน: ญี่ปุ่น
แบรนด์: Jill Stuart Crystal Bloom Something Pure Blue Eau de Parfum 50 ml. (2,650 บาท)
เป็นกลิ่นที่ขายดีทั้งที่ญี่ปุ่น และในประเทศไทย แพ็กเกจจิ้งมีความน่ารักฟรุ้งฟริ้งรูปแบบผู้หญิงญี่ปุ่น ส่วนแนวกลิ่นเหมาะกับสาวหวาน มีความหอมที่ผ่อนคลาย ใครชอบกลิ่นเย็นๆ แต่ยังสดใสเริงร่าต้องไม่พลาดน้ำหอมกลิ่นนี้ แบรนด์ Jill Stuart ผลิตที่ประเทศญี่ปุ่นก็จริง แต่เจ้าของเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์สาวผู้เกิดและเติบโตที่นิวยอร์ก การมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองคืออีกหนึ่งจิ๊กซอว์ความฝันที่เธอต่อมันได้สำเร็จและสวยงาม
We Say: ในกลิ่นเดียวกันจะมีผลิตภัณฑ์อื่นที่น่าใช้ไม่แพ้กันคือ แฮนด์ครีมและบอดี้ครีม ถ้าไม่ชอบฉีดน้ำหอม จะเปลี่ยนมาทาครีมให้ตัวหอมแทนก็ได้นะ
โลเคชัน: สเปน
แบรนด์: Paco Rabanne Olympea Eau de Parfum Spray 50 ml. (4,300 บาท)
แบรนด์น้ำหอมจากประเทศสเปน ที่มีน้ำหอมสำหรับผู้ชายและผู้หญิง มาในแนวกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากแบรนด์น้ำหอมอื่นๆ ตัวที่ขายดีสำหรับผู้ชายคือกลิ่น 1 Million ดีไซน์เว่อร์วังทำเหมือนเป็นทองคำแท่ง ดูแพง ดูมีค่า ส่วนของผู้หญิงก็จะมาในขวดที่ดูหรูหราสุดพลังกับกลิ่น Olympea ที่เพิ่งนำเข้ามาขายในเมืองไทยได้ไม่ถึง 2 ปี เป็นกลิ่นฮิตเช่นเดียวกัน
We Say: จุดเด่นของน้ำหอมจากประเทศสเปน นอกจากแนวกลิ่นจะแตกต่าง มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครแล้ว แพ็กเกจจิ้งยังเลอค่าน่าสะสม ทุกดีไซน์เน้นความหรูหรา เช่น ดีไซน์เป็นทองคำ หรือถ้วยรางวัล เปรียบเหมือนการเลือกรางวัลให้กับตัวเอง
โลเคชัน: เกาหลี
แบรนด์: Innisfree Perfumed Body Water 0722 150 ml. (810 บาท)
ตั้งแต่นักร้องสาว ยุนอา พรีเซนเตอร์ลูกรักของแบรนด์ Innisfree เปิดตัวบอดี้โคโลญจน์ทั้ง 7 กลิ่น ก็ได้รับความนิยมสูงมาก ด้วยราคาที่ไม่แพง รูปลักษณ์ดีไซน์เรียบๆ มินิมัล แลดูน่าใช้ ใครไปก็ต้องซื้อติดมือมาด้วย ความโดดเด่นของกลิ่นหอม ได้แรงบันดาลใจมาจากอากาศและธรรมชาติของเกาะเชจู ใช้แล้วผ่อนคลาย สบายใจสุดๆ ฉีดทีเดียวก็ยกเกาะเชจูทั้งผืนมาไว้กับตัว
We Say: กลิ่น 0722 เป็นกลิ่นยอดฮิตของโคโลญจน์คอลเล็กชันนี้ ส่วนอีก 6 กลิ่นที่เหลือจะแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือให้ความรู้สึกสดชื่น เพลิดเพลิน