×

People of Ari โรงละครย่านอารีย์ที่พร้อมซัพพอร์ตศิลปินทุกกลุ่ม และอยากชวนคนมารู้จักศิลปะทุกรูปแบบ

31.05.2022
  • LOADING...
People of Ari

นอกจากอารีย์จะเป็นย่านแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่มีครบหมดตั้งแต่ร้านอาหาร กิจการโลคัล บาร์ แกลเลอรี ในช่วงเดือนสิงหาคมย่านแห่งนี้กำลังจะมีครีเอทีฟสเปซเพิ่มขึ้นอีกแห่งในนามว่า ‘People of Ari’ โรงละครขนาด 60 ที่นั่ง ที่ภายในอัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันครบครัน ชนิดที่คอละครได้เห็นจะต้องดีใจ 

 

ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถปรับเป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะได้หลากหลาย ตั้งแต่คอนเสิร์ต ฉายหนัง ไปจนถึงเสวนา หรือแม้แต่เปลี่ยนเป็นบาร์ให้คนมานั่งสนทนาแชร์ความสนใจ

 

เบื้องหลังของ People of Ari คือ มาร์ก เซ็ม โคส หนุ่มออสเตรเลียผู้อยู่ในย่านอารีย์มากว่า 4 ปีที่เป็นผู้ริเริ่มไอเดีย เขาคือเจ้าของ Yellow Lane คาเฟ่ในซอยอารีย์ที่ช่วงนี้หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดีจากการจัดกิจกรรม Ari Weekend Market ทุกสิ้นเดือน หรือการจัดฉายสารคดี Mental-Verse จากทีมงาน Eyedropper Fill ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง 

 

เขาอยากสนับสนุนให้เกิดอาร์ตสเปซ เพิ่มพื้นที่ทางศิลปะในอารีย์ และได้ ไพพ์เพอร์-ประภาพรรณ สุธิราวุธ ผู้คลุกคลีอยู่กับวงการละครเวที มาช่วยเป็นคิวเรเตอร์คัดเลือกงานแสดงและดูแลจัดการงานหลังบ้านให้โรงละครแห่งนี้เป็นไปตามเป้าหมาย

 

เมื่อเราอยากรู้จัก People of Ari และผู้อยู่เบื้องหลังให้มากขึ้น ไพพ์เพอร์จึงอาสาเป็นตัวแทนมาพูดคุยถึงภาพที่ People of Ari อยากเป็น

 

People of Ari

 

ในฐานะคนทำงานในพื้นที่ คุณว่าอารีย์มีแมตทีเรียลอะไรที่เหมาะกับการสร้างสรรค์พื้นที่ศิลปะแบบนี้ขึ้นมา

คาแร็กเตอร์ของอารีย์คือเขาเป็นพื้นที่ที่ยังมีความโฮมมี่ ดูเป็นชุมชน มีหลายคนทำงานเพื่อพื้นที่ เพื่อชุมชนของตัวเอง ทั้ง Ari Around และเพื่อนบ้านอารีย์ คนในพื้นที่เองก็เป็นผู้ประกอบการกันเยอะ ที่นี่มีร้านค้าหลากหลายแบบมาก ร้านอาหารก็มีหลายแนว ดูเป็นพื้นที่ที่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ใครอยากทำอะไรก็ทำได้ เช้ายันเย็นสามารถทำกิจกรรมในอารีย์ได้ครบทุกแบบ แต่สิ่งที่ยังขาดคืออาร์ตสเปซที่เน้นงานแนว Performing Arts แถวนี้ยังไม่มีเลย 

 

People of Ari

 

จำเป็นไหมว่าการจะเกิดพื้นที่ศิลปะจะต้องมีคนเหล่านี้อยู่ 

เราว่ามันเกิดได้ทุกที่แหละ แต่ก็กลับมาที่เรื่องกำลังของคนสร้างด้วย อย่างเราอยู่โคราช ถ้ามีต้นทุนมากพอเราก็อยากสร้างอาร์ตสเปซเหมือนกัน ถ้าเราสามารถเปิดให้คนที่สนใจ ทำให้คนรู้สึกว่าการได้ออกมามีปฏิสัมพันธ์กันผ่านการทำอะไรสร้างสรรค์มันเป็นประโยชน์กับเขา ถ้าเราสามารถบาลานซ์ระหว่างอุดมการณ์กับรายได้ เราก็อยากทำ 

 

มีคนรู้จักเราบางคนก็เลือกไปทำงานกับชุมชนห่างไกลเพื่อสร้างให้เห็นเลยว่างานศิลปะมันไม่ใช่แค่เอ็นเตอร์เทนเมนต์อย่างเดียวก็มี ซึ่งการทำ People of Ari ขึ้นมา เรายังต้องหาจิ๊กซอว์มาต่ออยู่ว่าควรจะทำให้มันเป็นไปในรูปแบบไหน หางานหรือศิลปินที่คนมาดูแล้วจะรู้สึกว่าเขาอยากจะมาอีก เป็นเหตุผลว่าสเปซของเราจะมีศิลปะหลายๆ รูปแบบให้คนได้ลองมาสัมผัส อยากทำให้มันกลายเป็นอาร์ตเฮาส์ ที่คนมาแล้วจะรู้สึกว่าได้ประสบการณ์ ได้ทำอะไรใหม่ๆ เรารู้สึกว่าแบบนี้น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้การมีอยู่ของโรงละครยั่งยืนขึ้นมาได้ เพราะเรารู้เลยว่าละครอย่างเดียวคงไม่พอสำหรับการทำสเปซ และเราก็ไม่อยากทำให้โรงละครมันดูเก้กัง เขินที่จะเดินเข้ามา อยากให้คนรู้สึกว่ามันก็เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์อย่างหนึ่งที่สามารถมาจอย มาเปิดประสบการณ์ได้ เราอยากทำให้คนรู้สึกว่าสถานที่แบบนี้มันเฟรนด์ลี น่ามามากขึ้น 

 

People of Ari

 

เกณฑ์ในการคัดเลือกงานมาจัดแสดงเป็นแบบไหน

People of Ari กำลังพยายามจะสร้างพื้นที่ที่สามารถอยู่ได้ด้วยตนเองได้ ทำงานที่สร้างรายได้คืนกลับมา แต่ยังตอบสนองคนดูเป็นหลัก และทางเราพร้อมจะซัพพอร์ตศิลปินตลอดกระบวนการเพื่อสร้างงานให้ตอบโจทย์คนดู เราอยากให้ผู้ชมรู้สึกว่า ‘คุ้มค่าจัง’ ที่มาดูงานที่ People of Ari เลยมองหาศิลปะทุกรูปแบบเลย ถ้าเป็นไปได้เราอยากชวนศิลปินที่อยู่ในประเทศนี้ทุกคนที่รู้สึกว่าอยากทำอะไรจังเลย แต่ยังไม่มีพื้นที่หรืองบประมาณ มาช่วยกันคราฟต์งานขึ้นมาด้วยกัน

 

ตอนนี้งานส่วนใหญ่เลือกมาจากความชอบความสนใจของเรา พยายามจะเลือกงานที่คนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน อย่างงาน อารมณ์ภบท เกิดจากว่าเราเคยเห็นต่างชาติเขาเอาใบไม้มาทำเซ็นเซอร์ให้มันเกิดเสียง เราก็อยากให้มันมีอะไรอย่างนี้ขึ้นในย่านนี้บ้าง Yellow Lane เองมีสวนที่สวยมากอยู่พอดี เราเลยชวนศิลปินที่เขามีความรู้ด้านนี้ ก็คือ ทอมมี่ กับ ไรอัน คราฟต์มันขึ้นมา หรืออย่างงาน Mentalverse ก็เกิดจากเราเห็นว่าตอนงานนี้จัดที่ Bangkok Design Week มันได้ผลตอบรับดีมาก แต่เราเสียดายที่เหมือนพอดูจบแล้วคนไม่มีโอกาสได้แชร์ความรู้สึกหลังชมออกมา ครั้งนี้เราเลยชวน Eyedropper Fill มาจัดฉายใหม่ เพิ่มกิจกรรมอย่างการทอล์ก และโซนให้เขียนสะท้อนความรู้สึกจากสารคดี ให้ผู้ชมได้มีพื้นที่ทบทวนตัวเองและสะท้อนสิ่งที่ตัวเองรู้สึกกัน

 

นอกจากด้านศิลปะ เราก็อยากซัพพอร์ตคนที่อยู่ในพื้นที่นี้ ทำให้คอมมิวนิตี้มันแข็งแรงมากขึ้นด้วย ทำตลาด Ari Weekend Market ทุกเดือนร่วมกับ Happy Grocers ให้คนได้มารู้จักกัน โตไปด้วยกัน

 

People of Ari

 

ในมุมนักเรียนละครเอง การมีสถานที่ที่พร้อมแบบ People of Ari มันดีแค่ไหน

แน่นอนว่าอย่างน้อยที่สุดมันจะทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะของแบบนี้มันต้องซ้อมจริงๆ และพื้นที่ที่มีว่างให้ซ้อมได้ในตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก การมีสถานที่ที่พร้อมก็จะทำให้คนสัมผัสเมจิกของการที่คนเข้ามาอยู่ในโรงละคร โฟกัส แล้วดูโปรดักชันที่ Well-Crafted ไปด้วยกัน เราอยากส่งต่อคุณภาพ อยากให้นักดนตรี นักแสดงมาแล้วระเบิดพลังได้โดยไม่ต้องกังวล คนดูก็ได้ดูโปรดักชันที่มีคุณภาพดีจริงๆ การมีพื้นที่แบบนี้ขึ้นมาอาจจะทำให้มันช่วยเพิ่มกำลังใจให้ศิลปินให้เขาสู้กันอีกครั้งด้วย เพราะต้องยอมรับว่ากว่าศิลปินจะมีงานขึ้นมาสักงานมัน Struggle มากๆ แต่สุดท้ายแล้วศิลปินที่จะมาร่วมทำงานด้วยกันกับเราก็ต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่าเราทำงานเพื่อตอบสนองคนดู มองหามุมช่วยกันว่าทำอย่างไรจะสื่อสารกับผู้ชมในอนาคตให้ได้มากที่สุด เพื่อในเชิงธุรกิจมันจะยั่งยืน และบริหารจัดการได้ด้วยงบประมาณของเรา

 

People of Ari

People of Ari

 

อุปสรรคอะไรทำให้พื้นที่แบบนี้มีน้อย

การทำงานโดยใช้มนุษย์มันมีต้นทุนที่สูงมาก คนที่จะมาดูเลยมักเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเสน่ห์ของละครเวที คนที่มาสัมผัสประสบการณ์นี้แล้วรู้สึกว่ามันคุ้มสำหรับเขา ซึ่งเราไม่ได้ขัดเลยนะถ้าใครจะชอบดู Netflix หรือไม่ได้ชอบดูมหรสพอะไรแบบนี้ อันนั้นก็ดีเหมือนกัน ยิ่งเดี๋ยวนี้คอนเทนต์สมัยนี้ยิ่งดีมาก เพราะการแข่งขันมันสูงก็เลยยิ่งทำให้มันพัฒนาดีขึ้นไปอีก ก็อยากให้ละครเวทีเป็นแบบนั้นได้เหมือนกัน

 

People of Ari

 

ถ้าคนเข้าถึงมากขึ้นมันจะเปลี่ยนสังคมได้เลยไหม

ความเชื่อที่เราทำที่นี่เพราะเรารู้สึกว่าละครเวทีมันเปลี่ยนเราไปในทางที่ดีขึ้น นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่หมดหวังกับละครเวที เราเลยอยากให้คนมาสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ไปด้วยกัน อยากเป็นอีกหนึ่งโอกาสให้เขาได้มาลองด้วยตัวของเขาเอง 

 

สังคมจะเปลี่ยนไหมเราไม่กล้าทำนาย แต่อย่างเราเรียนละคร ก็ชัดเจนว่าละครมันเปลี่ยนเรา เปลี่ยนเพื่อนของเราให้มองโลกกว้างขึ้น มี Empathy มากขึ้น ถ้าเราไม่เรียนละครก็ไม่รู้เมื่อไรกว่าเราจะเข้าใจเรื่องสิทธิ ประชาธิปไตย หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสังคมเรา ละครทำให้เราเห็นทุกเหตุและผลในการกระทำของมนุษย์ เห็นแรงจูงใจของตัวละคร เห็นเลยว่ากว่ามนุษย์คนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมา แบ็กกราวด์ทั้งหมดมันส่งผลต่อความนึกคิดของเขาหมด ทำให้เราเข้าใจที่มาที่ไปของการกระทำของคน ทำให้เรามองโลกและพยายามเข้าใจคนอื่นได้ดีขึ้น 

 

People of Ari

 

แต่ถึงจะสู้แค่ไหน ถ้ารัฐไม่สนับสนุนมันก็ไปต่อได้จำกัดหรือเปล่า

เราก็หวังว่ามันจะอยู่ได้ และคนจะให้ค่าสิ่งนี้มากขึ้นจนเกิดเป็นคัลเจอร์ที่คนเข้าโรงมหรสพมาดูงานกัน เราว่าการจะทำอย่างไรให้มันยั่งยืนอยู่ได้นานที่สุดเป็นโจทย์ของทุกอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่กับศิลปะ การสร้างที่นี่ขึ้นมาเราไม่ได้คิดว่าจะไปสู้กับใครหรอก สู้กับตัวเองว่าจะทำงานอย่างไรให้มันตอบโจทย์มากที่สุด อย่างที่บอกว่า โจทย์ของ People of Ari คือต้องขายได้ (หัวเราะ) ทำงานให้คนอยากมาดู เราบอกว่าเราเป็น Supporter ก็จริง แต่อีกนัยหนึ่งคือเราไม่ใช่องค์กรการกุศลสำหรับศิลปิน เรายังต้องการคนดูงาน โจทย์ของเราจึงเป็นการสร้างงานตามความต้องการของคนดูมากกว่า

 

ถ้ามีรัฐเข้ามาสนับสนุนจริงๆ อย่างไรมันต้องดีอยู่แล้วแหละ แต่มันต้องมีรัฐบาลที่เข้าใจก่อนว่าสิ่งนี้มันสำคัญกับประชาชน ทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เขาต้องเข้าใจตรงนั้นก่อนว่ามันสำคัญอย่างไร เขาถึงจะให้เงินมาสนับสนุน รัฐบาลเขาต้องให้ค่า เห็นความสำคัญของประชาชนให้ได้ก่อน 

 

People of Ari

 

อะไรคือตัวชี้วัดความสำเร็จของ People of Ari

ชาเลนจ์ของเรากับมาร์กว่าจะทำอย่างไรให้ People of Ari ยั่งยืนและตอบโจทย์คนดูได้มากที่สุด เราต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง ต้องทำให้งานศิลปะเป็นประสบการณ์ที่ตีค่าเป็นเงินได้ และผู้บริโภคของเราได้รับประสบการณ์ที่ดีสุด ฟังดูยากมาก แต่คิดว่าต้องทำให้ได้ (หัวเราะ)

 

People of Ari

 

People of Ari & Yellow Lane Cafe 

Open: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9.00-17.00 น. (คาเฟ่)

Address: พหลโยธิน ซอย 5 (อารีย์ ซอย 1) 

Contact: 06 5123 8378

Website: https://www.facebook.com/yellowlaneari/ และ https://www.facebook.com/peopleofaribkk 

Map: https://g.page/yellow-lane?share 

 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X