×

“เราไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ เราเป็นแค่คนธรรมดา” อีกด้านของ พอล ป็อกบา ที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อนว่าเป็นโรคซึมเศร้า

24.03.2022
  • LOADING...
Paul Pogba

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • อีกด้านของนักฟุตบอลที่มีรอยยิ้ม เป็นดาราในโซเชียลมีเดีย สนุกกับการเปลี่ยนสีผมเกือบทุกสัปดาห์ เขาคือผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่เผชิญกับช่วงเวลามืดมนอนธการมาแล้วหลายครั้ง
  • รอยร้าวกับ โชเซ มูรินโญ คือจุดเริ่มต้นของปัญหาทางใจที่ยังติดตัวอยู่จนถึงทุกวันนี้สำหรับป็อกบา

ยามอยู่ในสนาม พอล ป็อกบา คือหนึ่งในสตาร์ที่จะถูกจับจ้องมากที่สุดไม่ว่าจะจากกองเชียร์ฝั่งตัวเองหรือคู่แข่งก็ตาม

 

แต่การจับจ้องนั้นไม่ได้หมายถึงแค่การวาดลวดลายระดับเวิลด์คลาส ซึ่งดาวเตะวัย 29 ปีมีคุณสมบัติทุกสิ่งที่ผู้เล่นกองกลางระดับโลกคนหนึ่งควรจะมี ไม่ว่าจะเป็นการพาบอลฝ่าแนวรับด้วยจังหวะที่คาดไม่ถึง หรือการวางบอลยาวด้วยน้ำหนักและทิศทางที่น่าเหลือเชื่อ

 

คนจำนวนมากจับจ้องป็อกบาเพียงเพราะอยากเห็นเขาทำผิดและทำพลาด และมันก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง

 

อย่างไรก็ดี วันนี้ตัดประเด็นเรื่องของมาตรฐานการเล่นและผลงานในสนามออกไปก่อน เพราะอดีตนักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุดในโลกเมื่อปี 2017 เมื่อย้ายจากยูเวนตุส กลับมาสู่ ‘โรงละครแห่งความฝัน’ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกครั้งด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ได้เปิดเผยอีกมุมของชีวิตที่ไม่มีใครได้รู้มาก่อน

 

อีกด้านของนักฟุตบอลที่มีรอยยิ้ม เป็นดาราในโซเชียลมีเดีย สนุกกับการเปลี่ยนสีผมเกือบทุกสัปดาห์ เขาคือผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่เผชิญกับช่วงเวลามืดมนอนธการมาแล้วหลายครั้ง

 

เมื่อสีสันต่างๆ ที่ถูกแต่งแต้มจากภาพภายนอกไม่สามารถบ่งบอกถึงความเป็นจริงที่ซ่อนลึกอยู่ข้างใน อีกทั้งด้วยภาพลักษณ์และสถานะทำให้กองกลางชาวฝรั่งเศสไม่คิดว่าคนแบบพวกเขาจะสามารถพูดถึงเรื่องปัญหาสภาพจิตใจอย่างเปิดเผยได้

 

ที่สำคัญคือบาดแผลทางใจเหล่านี้นั้น ต่อให้ได้รับเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ไม่อาจช่วยเยียวยาได้

 

“ผมเผชิญมาแล้วและเผชิญมาหลายครั้งตลอดชีวิตการเล่นของผม” ป็อกบาตอบคำถามกับ Le Figaro หนังสือพิมพ์ในประเทศฝรั่งเศสเกี่ยวกับเรื่องของโรคซึมเศร้า “ผมผ่านมันมาแล้ว แต่เราแค่ไม่ได้พูดถึงมัน บางครั้งเราอาจจะไม่รู้ตัวด้วยว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า เราแค่อยากจะแยกตัวออกไปอยู่คนเดียว สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณที่แน่แท้”

 

สิ่งที่หลายคนสงสัยคือนักฟุตบอลที่ครั้งหนึ่งมีอนาคตสดใส ถูกคาดหวังว่ามีโอกาสจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของโลกในยุคสมัยใหม่ อะไรที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้?

 

คำตอบของป็อกบาคือ โชเซ มูรินโญ

 

“ในมุมมองส่วนตัวของผมเอง มันเริ่มในตอนที่ผมทำงานกับ โชเซ มูรินโญ ในแมนเชสเตอร์ มันคือช่วงที่ผมกลับมาถามตัวเองว่าผมทำอะไรที่ผิดไป เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยเผชิญมาก่อนเลยในชีวิต

 

“แน่นอนว่าเราทำเงินได้มาก และเราก็ไม่คิดที่จะโวยวาย แต่เงินมันไม่ได้ช่วยปกป้องเราจากการที่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาแบบนี้ในชีวิต เหมือนกับทุกอย่างบนโลกใบนี้มันดูยากไปเสียหมด ในเกมฟุตบอลมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ แต่ลึกๆ แล้วเราก็ไม่ได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ เราก็เป็นแค่คนธรรมดา”

 

เพราะนักกีฬาก็มีหัวใจ

ประเด็นปัญหาสภาพจิตใจของนักฟุตบอลหรือในหมู่นักกีฬาเป็นสิ่งที่เริ่มได้รับความสนใจในช่วงที่ผ่านมา จากกรณีของนักกีฬาระดับสุดยอดของโลกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสหญิงที่เป็นไอคอนของวงการในช่วงที่ผ่านมา หรือ ซิโมน ไบลส์ นักยิมนาสติกหญิงที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งต่างยอมรับว่ามีปัญหาสภาพจิตใจจนไม่สามารถที่จะลงทำการแข่งขันได้ไหว

 

ในวงการฟุตบอล โลกลูกหนังเคยสูญเสียมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ต เอ็งเค อดีตนายทวารทีมชาติเยอรมนี หรือ แกรี สปีด อดีตผู้จัดการทีมชาติเวลส์ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ซึ่งเมื่อความสูญเสียเกิดก็มีการพยายามที่จะหาทางช่วยเหลือหรือดูแลนักฟุตบอลไม่ให้ต้องต่อสู้กับปัญหาสภาพจิตใจเพียงลำพัง

 

แต่ในความเห็นของ เธียร์รี อองรี อดีตนักฟุตบอลระดับตำนานทีมชาติฝรั่งเศส เวลานี้ทุกฝ่ายยังเอาจริงเอาจังกันไม่มากพอ ซึ่งป็อกบาเองก็เป็นอีกคนที่เห็นด้วย

 

“ผมเห็นด้วยเต็มที่กับติติ (อองรี)” ป็อกบากล่าว “ฟุตบอลเป็นกีฬาประเภททีมที่เหมือนเป็นกีฬาประเภทเดี่ยวมากที่สุด ทุกคนจะถูกตัดสินในทุก 3 วัน เราต้องทำให้ดีในทุกครั้ง แม้ว่าเราก็อาจจะมีความกังวลไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป เช่น อาจจะเป็นเรื่องคู่ชีวิต เรื่องของโค้ช หรือเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน

 

“แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เรารู้สึกได้ในร่างกายของเรา ในหัวของเรา และเราอาจจะมีช่วงเวลาเดือนหนึ่ง หรืออาจจะปีหนึ่งที่ทำได้ไม่ดี แต่เราก็พูดอะไรแบบนี้ต่อสาธารณะไม่ได้ ทุกอย่างถูกเก็บอยู่ในหัวของเรา โดยที่จิตใจเป็นสิ่งที่ควบคุมทุกสิ่ง และนักกีฬาระดับท็อปทุกคนต่างก็ต้องเคยเผชิญกับช่วงเวลาเหล่านี้ แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะพูดมันออกมา”

 

ป็อกบายังได้ยกตัวอย่างของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสที่กลายเป็น ‘จำเลย’ ของคนทั้งชาติเมื่อยิงจุดโทษพลาดจนทำให้ทีมพ่ายแพ้ต่อสวิตเซอร์แลนด์ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 เมื่อกลางปีที่แล้ว จนโดนถล่มยับจากกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าแฟนฟุตบอล

 

“อย่างคีเลียน ตอนที่เขายิงจุดโทษพลาดในเกมกับสวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีใครที่คิดถึงเขาเลยหลังจากนั้นว่าเขาต้องเจอกับเสียงวิจารณ์หนักหนาและการพูดถึงเขาในทางที่เลวร้ายขนาดไหน”

 

ก่อนที่ดาวเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะยืนยันว่า หากคิดจะอยู่ในวงการนี้ก็ต้องมีหัวจิตหัวใจที่เข้มแข็งอย่างมาก ไม่เช่นนั้นไม่มีทางรอดแน่นอน

 

โชคดีสำหรับป็อกบาที่เขายังมีรุ่นพี่ที่เข้าใจกันอย่าง ปาทริซ เอวรา ซึ่งเคยผ่านช่วงเวลาที่มืดมนแบบนี้มาเหมือนกัน รวมถึงทุกคนรอบกายและจิตแพทย์ที่เป็นไหล่ให้พักพิงในวันหนักๆ บ้าง

 

“ผมไม่อยากจะกลายเป็นตัวอย่างของคนที่เจอกับเสียงวิจารณ์ในทางลบแล้วจะทำให้ผมลืมความสำเร็จทั้งหมดที่ผมเคยทำมา” นักเตะผู้เคยพิชิตแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 กล่าว “แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และเวลาที่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมก็จะคุยกับตันตัน ปั๊ต (เอวรา) ที่เคยเจอกับช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกัน เพราะเขาจะเข้าใจผมได้ทันที

 

“จิตแพทย์ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมได้ รวมถึงภรรยาและลูกของผม ในการได้พูดคุย ในการที่มีคนรับฟัง เพื่อที่จะได้นำตัวเองออกจากความโกรธและความเศร้าที่กัดกินจิตใจกลายเป็นสิ่งที่ผมต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้”

 

และนี่คืออีกด้านของนักฟุตบอลที่คนจับจ้องและจับผิดมากที่สุดคนหนึ่งในโลก ที่อาจชวนให้ผู้คนในวงการหรือแม้แต่แฟนฟุตบอลเองคิดและทบทวน

 

ว่าบางครั้งคนที่ดูเหมือนภายนอกแข็งแกร่งภายในของเขาอาจจะอ่อนแอ และคำพูดแย่ๆ ที่ไม่ผ่านการกลั่นกรองของสมองเน้นแค่ความสะใจของเรา สามารถที่จะทำร้ายใครบางคนได้เจ็บและรุนแรงกว่าที่เราคิด

 

อ้างอิง:

FYI
  • ป็อกบาเคยถูกมูรินโญปลดจากตำแหน่งรองกัปตันทีม หลังทั้งคู่มีปัญหากันในเดือนกันยายน 2018 ก่อนที่กุนซือชาวโปรตุเกสจะถูกปลดจากตำแหน่งในอีก 3 เดือนต่อมา
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising