“ผมนอนไม่หลับ”
ผู้ชายที่นั่งตรงหน้าพร้อมกับแก้วที่มีตราสโมสรอันเป็นที่รักของเขาบอกกล่าวทุกคนในวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ผ่านทาง Instagram ของเขา
ชายคนที่ว่าคือ ปาทริซ เอวรา อดีตแบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับตำนานของทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่รับใช้สโมสรมาอย่างยาวนาน ที่ปัจจุบันอำลาวงการลูกหนังมาได้สักระยะ แต่ยังคงมีบทบาทให้เห็นบ้างในการเป็นนักวิเคราะห์เกมทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆ
อย่างไรก็ดี ใช่ว่าเอวราจะไม่หลับไม่นอนเพียงเพราะอยากจะมาวิเคราะห์เกมหรือบอกเล่าเรื่องต่างๆ หากแต่เป็นเพราะเขารู้สึก หดหู่ และสิ้นหวังกับทีมรักที่พ่ายแพ้ต่อ คริสตัล พาเลซ อย่างหมดสภาพในเกมนัดแรกของฤดูกาลใหม่ 2020-21 คาสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดของตัวเอง
ความรู้สึกนั้นมันแน่นอก และเขาคิดว่าควรจะได้ระบายออกมา
มันจึงเป็นที่มาของวิดีโอความยาว 20 นาทีที่กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกฟุตบอลเวลานี้ เพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องของความรู้สึกเพียงอย่างเดียว
แต่มันมีเรื่องของ ‘ข้อมูล’ และ ‘ข้อเท็จจริง’ บางอย่างที่น่าเศร้าปะปนอยู่ด้วย ซึ่งเอวราตัดสินใจที่จะพูดออกมา เพราะเชื่อว่าเขารักสโมสรแห่งนี้ด้วยใจจริง และตลอดเวลาที่ได้รับใช้ทีมได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มี โดยไม่กลัวด้วยว่าการออกมาพูดครั้งนี้จะส่งผลกระทบอะไรต่อหน้าที่การงานในอนาคตหรือไม่
เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดคือสิ่งที่ควรจะพูดมานานแล้ว และไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับสโมสรและรู้ความจริงกล้าจะพูดออกมา
มีอะไรที่อดีตแบ็กซ้ายจอมแกร่งพูดออกมาบ้าง?
จาดอน ซานโช เป้าหมายหลักของฤดูกาลนี้เป็นอีกรายที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังคว้าตัวมาไม่สำเร็จ
- ปัญหาการเสริมทีม
เรื่องหลักที่เอวราพูดถึงคือการซื้อขายผู้เล่นที่เป็นปัญหาเรื้อรังของสโมสรมาเป็นระยะเวลานาน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นทีมที่มีข่าวกับผู้เล่นเยอะมาก เพียงแต่สิ่งที่ควรจะโฟกัสคือนักเตะที่เป็น ‘เป้าหมายหลัก’ เพราะนักเตะเหล่านี้คือคนที่ทีมต้องการจริงๆ โดยไม่จำเป็นที่ทีมจะต้องซื้อผู้เล่นทีละ 5-7 คนแต่อย่างใด
ปัญหาคือยูไนเต็ดแทบไม่เคยได้นักเตะเหล่านี้เลย แม้ว่าจะมีข่าวมากมายแค่ไหนก็ตาม (หรือต่อให้ได้ก็ยากลำบาก เช่น แฮร์รี แม็กไกวร์, บรูโน แฟร์นันด์ส) ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจาก ‘กระบวนการ’ และ ‘วิธีทำงาน’ ของสโมสรในปัจจุบัน
เอวราพาดพิงถึง แมตต์ จัดจ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็น Head of Corporate Development ของสโมสรมาตั้งแต่ปี 2016 และเป็นคนที่มีหน้าที่ในการเจรจากับนักฟุตบอลในการซื้อตัวเข้ามาร่วมทีม
ปัญหาคือจัดจ์เป็นนักกฎหมายไม่ใช่คนในวงการฟุตบอล ดังนั้นในการพบกับนักฟุตบอล บทสนทนาที่จะเกิดขึ้นคือเรื่องของตัวเลข เงิน และผลประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องของโปรเจกต์ เรื่องของทิศทางในอนาคต ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่นักกฎหมายจะตอบได้
เรื่องนี้แตกต่างจากสมัยก่อนในยุคของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังเป็นผู้จัดการทีม หากต้องการผู้เล่นคนไหนกุนซือชาวสกอตแลนด์จะไปพร้อมกับ เดวิด กิลล์ (อดีตรองประธานสโมสร) เพื่อจะพบกับผู้เล่นคนนั้นโดยตรงแบบ Face-to-Face เพื่อพูดคุยและสอบถามทุกเรื่อง ซึ่งเอวราบอกว่า “โหดยิ่งกว่าการสอบปากคำของ CIA หรือ FBI อีก”
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความเชื่อใจ และทำให้นักเตะระดับท็อปทุกคนยินดีย้ายมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีข่าวออกบนสื่อมากมาย ดีลได้ก็เปิดตัวทันที ซึ่งเป็นวิธีการทำงานของสมัยก่อน
ขณะที่ในปัจจุบันเอวราบอกว่าเขายังต้องรับโทรศัพท์จากผู้อำนวยการสโมสรระดับท็อปของโลกที่โทรมาบ่นว่า “ปาทริซ คุณช่วยบอกให้ แมตธิว จัดจ์ รับสายหน่อยได้ไหม”
“พวกเขาคือนักกฏหมาย ไม่ใช่คนในโลกของฟุตบอล” ในความหมายคือสิ่งที่คนเหล่านี้คุยด้วยได้คือเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว
อดีตนักเตะชุดแชมป์ยุโรป 2008 ให้ความเห็นที่น่าสนใจอีกว่า ที่ผ่านมาผู้คนกล่าวโทษ เอ็ด วูดเวิร์ด รองประธานสโมสร ซึ่งรับหน้าที่ในการบริหารแทนครอบครัวเกลเซอร์ เจ้าของสโมสรชาวอเมริกันแบบสาดเสียเทเสีย
ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะ “เขาไว้วางใจคนที่เขาไม่ควรจะไว้วางใจ”
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ได้รับความเคารพจากคนในสโมสรบางคน
- ความจองหอง-หลงลืมประวัติศาสตร์
เรื่องต่อมาที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงคือความกังวลต่อคนที่กำลังทำงานให้กับองค์กรซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอวรารู้สึกว่าปัจจุบันนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่เหมือนเก่า และเปิดเผยเรื่องที่น่าเหลือเชื่อว่าคนอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งทำคุณงามความดีให้แก่สโมสรอย่างมากมายยังไม่ได้รับความเคารพจากคนในสโมสรบางคนเลย
“ลดความเย่อหยิ่งลงมา ตอนนี้บางคนในสโมสรยังไม่ให้ความเคารพกับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเลย” เอวรากล่าวด้วยความรู้สึกรับไม่ได้
“ก่อนจะมาถึงรุ่นเรายังมี บ็อบบี ชาร์ลตัน, จอร์จ เบสต์ คนเหล่านี้สร้างประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้ขึ้นมา และเราพยายามที่จะเคารพมัน ไม่ว่าจะเป็นในปี 1999 หรือพวกเราในปี 2008 แต่คนบางคนพยายามที่จะทำลายสิ่งดีๆ เหล่านี้ที่คนรุ่นก่อนสร้างกันมา เพื่ออะไร เพื่อธุรกิจงั้นหรือ ไม่เอาน่า เราดีกว่านั้นมาก”
เอวราอยากเห็นทุกคนทุ่มเททั้งชีวิตให้สโมสรเหมือนที่เขาและคนรุ่นเขาเคยทำมาก่อนเพื่อปกป้องคุณค่าของสโมสรเอาไว้
ที่ผ่านมามีอดีตนักเตะได้ออกมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสโมสรบ้าง แต่กลับถูกแฟนๆ ต่อต้านว่าเป็นการสร้างบรรยากาศลบให้ทีม ซึ่งเอวราไม่เห็นด้วย เพราะสิ่งที่นักเตะเหล่านี้ (ยกเว้นบางคนที่ชอบเอานักเตะรุ่นปัจจุบันมาเชือดให้สนุกเล่น) พูดเป็นเรื่องจริง
“พวกเขาแค่พูดเรื่องจริง”
แบ็กซ้ายที่เฟอร์กีไปเจรจาคว้าตัวมาจากโมนาโกยังได้ปกป้อง โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน โดยขอให้ทุกคนให้กุนซือชาวนอร์เวย์ได้ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะเป็นคนที่นำ ‘ปรัชญา’ ดั้งเดิมของสโมสรกลับมา
ขณะที่ผู้จัดการทีมคนก่อนหน้าอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ก็พาทีมประสบความสำเร็จบ้างแต่ปัญหาคือความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดให้เล่น Tiki-Taka แบบบาร์เซโลนา
ส่วน โชเซ มูรินโญ ซึ่งเคยบอกว่าการได้คุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคือความฝันของเขา สิ่งที่ The Special One เผชิญคือความจริงที่ว่าสโมสรแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องน่าผิดหวัง ไม่เหมือนกับเชลซี ซึ่งเอวราเคยมองว่าเป็นทีมที่คล้ายคลึงกันกับยูไนเต็ดเพราะเต็มไปด้วยคนที่มีบุคลิกเข้มแข็ง
สำหรับ เดวิด มอยส์ ซึ่งเป็นคนที่เฟอร์กีสนับสนุนเต็มตัว เอวราฝากคำถามให้คิดว่า The Chosen One ได้นำคำแนะนำของเฟอร์กีมาปรับใช้อย่างจริงจังหรือไม่
เอวรากังวลว่าสิ่งดีๆ ที่คนรุ่นก่อนสร้างมาจนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยิ่งใหญ่ในวันนี้จะถูกทำลายลงไป
- อย่าทำลายสิ่งดีๆ ที่สืบทอดมา
เรื่องสุดท้ายที่เอวราอยากฝากไว้คือ ไม่อยากเห็นคนรุ่นนี้ “ทำลายสิ่งดีที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้”
เพราะคนรุ่นก่อนได้พยายามอย่างมากเพื่อวางรากฐานให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในวันนี้
ปัญหาหนึ่งคือการที่สโมสรไม่ถ่ายทอด ‘ประวัติศาสตร์’ ให้แก่คนรุ่นหลัง และทำให้เกิดเรื่องราวอย่างเช่นการที่อดีตผู้เล่นอย่าง รอย คีน ได้พบกับแฟนรุ่นเยาว์กลุ่มหนึ่ง แต่เด็กๆ กลับไม่รู้ว่านี่คืออดีตกัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่ของสโมสร
ถ้าไม่รู้จัก รอย คีน จะมาหวังให้รู้จัก บ็อบบี ชาร์ลตัน คงไม่ต้องพูดถึง
เอวราได้ฝากถึงความหวังแห่งอนาคตกับเด็กๆ โดยเล่าถึงเรื่องในตอนที่กำลังอบรมการเป็นโค้ช และได้มีโอกาสพูดให้เด็กๆ ในอคาเดมีฟัง ซึ่งในขณะที่สโมสรฉายพรีเซนเทชันเกียรติประวัติและคาดหวังว่าอดีตแบ็กซ้ายระดับตำนานจะมาคุยเรื่องความรู้ทางเกมลูกหนัง
สิ่งที่เอวราเล่าคือวันแรกที่เขามาถึงห้องแต่งตัวของสโมสร ได้เห็นชุดของตัวเอง
“ผมรู้สึกเหมือนได้ของขวัญวันคริสต์มาส
“เด็กๆ จำไว้นะ พวกคุณต้องรู้จักเคารพคนที่ทำงานให้สโมสร ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำความสะอาดอาคารหลังนี้ เชฟที่ปรุงอาหารให้คุณ เหมือนที่คุณเคารพเพื่อนร่วมทีมหรือผู้จัดการทีม เพราะเด็กๆ บางคนไม่ได้โชคดีแบบนี้ บางคนไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีอาหาร ไม่มีที่นอน
“ได้โปรดเถอะ เมื่อมาอยู่ที่แห่งนี้แล้ว ขอให้คุณทุ่มเทอย่างเต็มที่ แบ่งปันพลังงานบวกให้แก่กันง่ายๆ แค่ยิ้มให้กัน เพราะนี่คือคุณค่าของสโมสรแห่งนี้ ความเป็นครอบครัว”
เพียงตอนนี้ในความเห็นของเอวรา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้กลายเป็นสโมสรที่คนนอกหัวเราะเยาะใส่
และมันน่าเศร้าจนเขาเก็บความในใจเอาไว้ไม่ไหว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: