×

พานินี vs. ฟานาติกส์ สงครามการ์ดสะสมกีฬาที่มีผลประโยชน์กว่าหมื่นล้านเป็นเดิมพัน

08.08.2023
  • LOADING...
panini fanatics

ตลาดการ์ดสะสมด้านกีฬานับวันมีแต่จะยิ่งเติบโตและทำเงินมหาศาลให้แก่คนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับมัน (และดวงดีพอ) ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของตลาดเกี่ยวกับการ์ดดังกล่าวเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก

 

ResearchAndMarkets.com, VerifiedMarketResearch.com และ Forbes ระบุว่า มูลค่าทางการตลาดของการ์ดสะสมเกี่ยวกับกีฬาเติบโตอย่างรวดเร็วมาก โดยในปี 2019 มีมูลค่าอยู่ที่ราว 4,707.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 164,408 ล้านบาท มาอยู่ที่ราว 7,878.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 275,160 ล้านบาท ในปี 2021 

 

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าตลาดการ์ดสะสมเกี่ยวกับกีฬาจะเติบโตทะลุ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 698,540 ล้านบาท ภายในปี 2027 ด้วย

 

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การเติบโตในระดับนี้จะทำให้ผู้ผลิตที่เกี่ยวข้องพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมาครองให้มากที่สุด และนั่นนำมาสู่เรื่องราวการฟ้องร้องครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและลากยาวมาจนถึงตอนนี้แล้ว

 

นิติสงครามระหว่างสองยักษ์ใหญ่ในวงการการสะสมกีฬา 

 

ความพยายามเปิดฉากฟ้องร้องกันของ 2 บริษัทการ์ดสะสมด้านกีฬายักษ์ใหญ่อย่าง พานินี อเมริกา (Panini America) และฟานาติกส์ (Fanatics) บนข้อพิพาทเรื่องเกี่ยวกับการผูกขาดลิขสิทธิ์การ์ด เริ่มต้นเมื่อวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อพานินี อเมริกา บริษัทด้านการ์ดสะสมเกี่ยวกับกีฬา ฟ้องร้องดำเนินคดีกับฟานาติกส์ บริษัทคู่แข่ง โดยกล่าวหาว่าพยายามครอบงำตลาดอย่างผิดกฎหมายผ่านการดำเนินธุรกิจที่ผูกขาดและต่อต้านการแข่งขัน จากความพยายามในการทำสัญญาระยะยาวกับบรรดานักกีฬาอาชีพ

 

ตัวแทนทางกฎหมายของพานินีเข้าฟ้องร้องกับศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาที่เมืองแทมปา รัฐฟลอริดา โดยกล่าวหาว่าฟานาติกส์เข้ามาจับธุรกิจการ์ดสะสมในปี 2021 โดยปราศจากความรู้และความเชี่ยวชาญ หลังเข้าซื้อกิจการในการผลิตการ์ดสะสมเกี่ยวกับกีฬาต่อจาก ท็อปปส์ (Topps) ในปี 2021

 

 

ตามคำฟ้องร้องของพานินีกล่าวอ้างต่อไปว่า ฟานาติกส์เซ็นสัญญาระยะยาวในการซื้อสิทธิในใบอนุญาตการผลิตมาทำการ์ดสะสมกับองค์กรกีฬาใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ ทั้ง NFL, MLB และ NBA รวมไปถึงยังมีการพูดคุยและเซ็นสัญญากับสมาคมผู้เล่นขององค์กรเหล่านี้ด้วย

 

ส่วนหนึ่งในคำฟ้องร้องของพานินีระบุว่า “เนื่องจากการกระทำที่เป็นการต่อต้านการแข่งขันทางการค้าของฟานาติกส์จะส่งผลให้ตลาดการ์ดสะสมประเภทลีกกีฬาอาชีพที่สำคัญของสหรัฐฯ ถูกผูกขาดโดยบริษัทเดียวเป็นเวลาหลายทศวรรษ”

 

พานินียังเปิดเผยว่า พวกเขาไม่ได้รับโอกาสให้ร่วมประมูลหรือแข่งขัน เพื่อแย่งสิทธิเหนือใบอนุญาตในการผลิตอย่างเป็นธรรม และยังกล่าวหาฟานาติกส์อย่างรุนแรงว่าผูกขาดทางการค้าด้วยการพยายามกีดกันพานินี รวมถึงคู่แข่งรายอื่นๆ ออกจากตลาดด้วย

 

แต่เมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ (8 สิงหาคม) ตามเวลาประเทศไทย ฟานาติกส์ก็ตัดสินใจตอบโต้ประเด็นดังกล่าวด้วยการฟ้องกลับพานินีที่ศาลของรัฐบาลกลางในเซาเทิร์น นิวยอร์ก เพื่อปกป้องชื่อเสียงและเรียกร้องค่าเสียหายที่ไม่ได้มีการเปิดเผยจำนวน

 

ภาพ: Paniniamerica.net

 

ฟานาติกส์ออกแถลงการณ์ว่า พานินีพยายามใส่ความและบิดเบือนความสำเร็จที่ได้มาอย่างยากลำบากของพวกเขา โดยหลังจากที่พวกเขาคว้าสิทธิในใบอนุญาตการผลิตเพื่อทำ NBA และ NFL ทางพานินีก็พยายามเล่นสกปรกและให้ข้อมูลที่เป็นเท็จเพื่อขัดขวางพวกเขา

 

ปูมหลังที่สำคัญ 

 

อันที่จริงแล้วทั้งพานินีและฟานาติกส์ต่างเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการกีฬาสหรัฐฯ แต่เพิ่งมามีจุดตัดทางด้านผลประโยชน์กัน หลังจากที่ฟานาติกส์กระโดดเข้ามาเล่นในฐานะผู้ผลิตการ์ดสะสมเกี่ยวกับกีฬาด้วยการเทกโอเวอร์ท็อปปส์ในปี 2021

 

แต่เดิมพานินี อเมริกา เป็นส่วนหนึ่งของพานินี กรุ๊ป บริษัทสัญชาติอิตาลีที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยผลิตหนังสือ นิตยสาร การ์ดสะสม และสินค้าอื่นๆ 

 

ภาพ: Paniniamerica.net

 

ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของพานินีที่คนไทยหลายคนต่างรู้จักกันดีคืออัลบั้มสะสมสติกเกอร์ฟุตบอลโลก ซึ่งพานินีผลิตขึ้นมาครั้งแรกในยุคทศวรรษ 1970 และต่อมาในทศวรรษ 1980 พวกเขาก็ยังได้ผลิตอัลบั้มสะสมสติกเกอร์สำหรับฟุตบอลยูโรขึ้นด้วย

 

พานินีกระโดดเข้ามาทำธุรกิจการ์ดสะสมด้านกีฬาเต็มตัวในปี 2009 โดยเริ่มต้นจาก NFL และ NBA และยังทำการ์ด MLB กับ NHL ในปี 2011 ด้วย

 

โดยพวกเขาแข่งขันกับท็อปปส์ และมีฟานาติกส์ที่ในตอนแรกเป็นแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกีฬาเป็นคู่ค้าและพันธมิตรสำคัญ

 

เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด

 

จุดเปลี่ยนสำคัญในความสัมพันธ์ของฟานาติกส์กับพานินีเกิดขึ้นในปี 2021 หลังจากที่พวกเขาสามารถระดมทุนเพิ่มได้อีก 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 24,241 ล้านบาทเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ทำให้ปัจจุบันมูลค่ารวมของทางบริษัทพุ่งสูงขึ้นถึงราว 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1 ล้านล้านบาท

 

ภาพ: Fanatics.com

 

หลังจากได้ทุนก้อนใหญ่ ฟานาติกส์เข้าซื้อกิจการของท็อปปส์ ทำให้พวกเขากลายเป็นคู่แข่งกับพานินีไปโดยปริยาย และด้วยความสัมพันธ์ที่ดีในฐานะตัวแทนรายใหญ่ในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบรรดาลีกกีฬายักษ์ใหญ่ ทำให้ฟานาติกส์สามารถเซ็นสัญญากับสหภาพผู้เล่นของ NFL หรือ NFLPA เพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์เหนือภาพใบหน้านักกีฬา NFL เป็นเวลา 20 ปีเต็มอย่างง่ายดาย

 

ตรงนี้เองที่สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับพานินีที่มองว่าพวกเขาเองไม่ได้สิทธิในการประมูลสู้ และการเซ็นสัญญายาว 20 ปีของฟานาติกส์ก็ตัดโอกาสของพวกเขาในการแข่งขันในตลาดการ์ดสะสมไปถึง 2 ทศวรรษ จนนำมาสู่การฟ้องร้องดังกล่าว

 

ตัวเลขที่น่าสนใจ

 

จากรายงานของ Forbes เปิดเผยว่า ตัวเลขในตลาดของที่ระลึกเกี่ยวกับกีฬาในสหรัฐฯ ในปี 2021อยู่ที่ราว 12,2000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 426,000 ล้านบาท แต่กว่าครึ่งในนั้น หรือราว 7,878.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 275,160 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่นับเฉพาะการ์ดสะสม

 

รายงานจาก Forbes ซึ่งอ้างอิงจากตัวเลขจาก Buffalo News เปิดเผยอีกว่า ตลาดซื้อขายการ์ดสะสมจะเติบโตถึงราว 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 454,050 ล้านบาทในอีก 10 ปีข้างหน้า ขณะที่ตลาดประมูลการ์ดจะทำรายได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 17,560 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว

 

อนาคตของตลาดการ์ดสะสมเกี่ยวกับกีฬา

 

สำหรับการพิจารณาคดีที่ว่ามายังไม่มีการประกาศรายละเอียดออกมา แต่ผลการตัดสินใจคราวนี้จะชี้ขาดในหลายๆ ประเด็น 

 

หากพานินีเป็นฝ่ายชนะ นั่นอาจทำให้การเซ็นสัญญาของฟานาติกส์เป็นโมฆะ ซึ่งจะมีผลตามมาอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดการเซ็นสัญญาและถือสิทธิในใบอนุญาตการผลิตมาทำการ์ดสะสม ซึ่งต้องว่ากันตามข้อกฎหมายต่อไป

 

แต่หากฟานาติกส์ชนะ นั่นจะทำให้ลิขสิทธิ์ผูกขาดอยู่กับพวกเขายาวนานถึง 20 ปี และอาจหมายถึงจุดจบของพานินีในการทำการ์ดลิขสิทธิ์เกี่ยวกับกีฬาในสหรัฐฯ หลังจากนี้เลยก็ว่าได้ 

 

ซึ่งคดีดังกล่าวคงจะยืดเยื้อไปอีกพักใหญ่กว่าจะรู้ผลการพิจารณาคดี แต่ที่แน่ๆ ทั้งสองฝ่ายคงจะสู้กันจนถึงที่สุด และมีการต่อสู้ไปจนถึงขั้นแตกหัก เพราะชัยชนะในชั้นศาลครั้งนี้สามารถบ่งชี้ถึงอนาคตในวงการของทั้ง 2 บริษัท และลิขสิทธิ์ในอนาคตของการ์ดสะสมเกี่ยวกับกีฬาได้เลยทีเดียว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising