ย้อนกลับไปในวันที่ 15 มีนาคม 2548 บทเพลงหวานเศร้าจาก เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร นักร้องชื่อแปลกที่ยัง ‘ไม่มีใครรู้จัก’ เริ่มส่งเสียงดังผ่านคลื่นวิทยุ และกลายเป็นเพลงที่ถูกร้องซ้ำๆ ในฐานะตัวแทนความรักของเขาและแฟนคลับมาตลอดระยะเวลา 16 ปี
จากจุดเริ่มต้นที่ไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ เด็กชายเป๊กที่เรียนอยู่แค่ชั้น ม.2 พกความฝันอยากเป็นศิลปินไว้เต็มกระเป๋า เข้าไปเป็นศิลปินฝึกหัดที่ค่ายแกรมมี่ ใช้ชีวิตหลังเลิกเรียนฝ่าการจราจรไปซ้อมเต้น เรียนร้องเพลงจนดึกดื่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ 7 ปี แต่ก็ยังไม่เคยได้ร้องเพลงของตัวเองสักครั้ง
กระทั่งวันหนึ่งโปรดิวเซอร์อย่าง ต๋อง-สุรพันธ์ จำลองกุล เข้ามาคุยงานที่ตึกแกรมมี่ แล้วสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใคร ทำไมมาวิ่งซนอยู่แถวๆ ห้องประชุม พอรู้ว่าเป็นศิลปินฝึกหัดและมองเห็นอะไรบางอย่างจึงให้เป๊กร้องเพลงให้ฟัง
3 วันต่อมามีเสียงโทรศัพท์จากค่ายแกรมมี่ บอกให้เป๊กเข้าไปทำสกรีนเทสต์และเป็นคนร้องไกด์เพลงให้ศิลปินคนอื่น แต่สุดท้ายทุกคนชอบที่เป๊กร้อง จึงมอบเพลงนั้นให้กับเขา
เพลงที่ชื่อ ‘ไม่มีใครรู้’ แต่ทำให้เป๊กรู้ว่าความพยายามทั้งหมดไม่ได้ไร้ความหมาย ทำให้เขาเติบโตกลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่ใครๆ ก็รู้จัก และเป็น ‘คุณหลวง’ ที่มีคนมอบความรักให้มากที่สุดในเวลานี้
หลังจากเพลง ไม่มีใครรู้ ถูกปล่อยออกมา เรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นไปอย่างที่หลายคนรู้จัก เป๊กประสบความสำเร็จอย่างมาก มีอัลบั้ม One ผลิตโชค อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในชีวิตที่มีเพลงฮิตอย่าง ใจหนึ่งก็รัก อีกใจก็เจ็บ, หรือแค่ขำขำ, รักคือรัก และ นิทานหิ่งห้อย ฯลฯ มาเป็นรางวัลตอบแทนความพยายามที่เขาอดทนมาตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี รวมทั้งโปรเจกต์ เป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ ที่กลายเป็นหนึ่งอีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญของวงการเพลง
แต่ไม่ใช่มีแค่ช่วงเวลาที่สวยงาม ถ้าพล็อตกราฟชีวิตออกมาเป็นเส้น เราจะเห็นเส้นกราฟที่ชีวิตของ เป๊ก ผลิตโชค วิ่งพุ่งขึ้นสูงสุด และดิ่งลงต่ำจนบางครั้งต้องร้องเพลงในเวทีที่มีคนฟังไม่ถึง 10 คน สลับไปมาตลอดทุกช่วงเวลาในวงการบันเทิง
แต่ไม่ว่ากราฟชีวิตจะเป็นอย่างไร เป๊กก็ยังพยายามอย่างไม่หยุด มาจนถึงช่วงที่ใกล้หมดสัญญากับค่ายแกรมมี่ในปี 2560 ระหว่างเตรียมแผนการไปเรียนต่อ และออกผจญภัยหาเรื่องตื่นเต้นให้กับชีวิตที่ต่างประเทศ
ชายปริศนาในชุด ‘หน้ากากจิงโจ้’ ปรากฏตัวขึ้นมาสร้างสีสัน ด้วยเทคนิคการร้องและเสียงทรงพลัง ท่าเต้นกวนๆ การตอบคำถามปั่นหัวกรรมการ ท่อนแรป ‘งงเด้ๆ’ กลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่หน้ากากจิงโจ้สร้างเอาไว้
ถึงแม้สุดท้ายจะพ่ายแพ้ให้กับหน้ากากทุเรียน หน้ากากจิงโจ้ต้องถอดหน้ากากที่ปิดบังตัวเองอยู่นาน และทันทีที่ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ถูกเปิดเผย
ประวัติศาสตร์วงการบันเทิงไทยก็ต้องเริ่มจารึกตำนานบทใหม่ของ ‘เป๊ก ผลิตโชค’ ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับปรากฏการณ์ ‘ห้างแตก’ และสร้างจักรวาลความรักระหว่างคุณหลวงและสารพัด ‘นุช’ (นุชes, นุชา และนิชนุช) ขึ้นมา
หลังจากนั้นเป๊กก็มีผลงานออกมามากมาย ทั้งซิงเกิล อัลบั้มใหม่ คอนเสิร์ตใหญ่ 3 ครั้ง และงานพรีเซนเตอร์จำนวนมากที่แฟนคลับทุกคนพร้อมช่วยกันสนับสนุน
ถ้ามองจากแค่ภายนอกที่แสดงออก เราจะเห็นเป๊กเลือกเปิดเผยด้านที่สวยงาม ตลก ทะเล้น น่ารัก เพื่อมอบความสุขให้กับทุกคนเสมอ แต่จากหลายครั้งที่ THE STANDARD POP มีโอกาสติดตามและพูดคุยกับเขามากขึ้น
เราสังเกตได้ว่าสิ่งที่เรา ‘รู้จัก’ เป็นเพียง ‘ยอดภูเขาน้ำแข็ง’ ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม ในขณะที่ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เป๊กเลือกเก็บซ่อนเอาไว้ใต้ผืนน้ำแห่งความรู้สึกที่หนาวเหน็บและมืดสนิท
หลายครั้งเขาต้องสู้กับอาการป่วยที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ต้องอยู่กับความรู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อแสงไฟจากงานคอนเสิร์ตจบลง หลายครั้งที่ล้มลงเพราะตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ไปจนถึงขั้น ‘บูลลี่’
ทุกครั้งเขาจะประคองเศษหัวใจที่แตกสลายแล้วประกอบขึ้นมาอีกครั้งด้วยตัวเอง ยิ่งแสดงออกว่าเข้มแข็งมากเท่าไร แต่ข้างในหัวใจของเขาบอบบางมากเกินกว่าที่ใครจะรู้
เวลา 16 ปีผ่านไป เป๊กยังร้องเพลง ‘ไม่มีใครรู้’ อยู่ซ้ำๆ ด้วยความตั้งใจในทุกๆ ครั้งที่มีโอกาส เพื่อบอกให้ทุกคน ‘รู้’ ว่าเขาจะยังยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป เพื่อมอบความรัก ส่งต่อความสุข และทำ ‘เวลาที่มีให้งดงาม’ จนกว่า ‘ฟ้าดินมลาย’
ถึงแม้ว่า “ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร” ก็ตาม
อ่านบทความของ เป๊ก ผลิตโชค ที่เคยให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP ได้ที่นี่
- ‘บาดแผลในวัยเด็ก’ ที่ส่งให้ เป๊ก ผลิตโชค กลายเป็น ‘คุณหลวง’ ที่มีคนรักมากที่สุดในเวลานี้ – THE STANDARD
- เป๊ก ผลิตโชค กับบทเรียนในวัย 36 ปี ที่ทำให้รู้ว่าชีวิตมีความสุขดี แต่ก็เจ็บปวดและยากเหมือนกัน – THE STANDARD
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
