วานนี้ (15 กันยายน) สื่อของปากีสถานรายงานว่า หลายพื้นที่ของประเทศอาจต้องรับมวลน้ำเพิ่มอีกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังพยากรณ์อากาศระบุว่าจะมีฝนตกหนักในรัฐมัธยประเทศของอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำบางสายของปากีสถานสูงขึ้นในวันเสาร์ (17 กันยายน) และอาจเกิดน้ำท่วมตามมา ส่วนยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้พุ่งขึ้นเฉียด 1,500 รายแล้ว ขณะมูลค่าความเสียหายอาจทะยานแตะ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบันพื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของปากีสถานกำลังจมอยู่ใต้บาดาลจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่กินเวลามากว่า 2 เดือน โดยยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,486 ราย ในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็กราว 530 ราย ขณะมีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 33 ล้านคน โดยผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่เร่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเสียชีวิตหรือทรัพย์สินเพิ่มเติมอีก
นอกเหนือจากปัญหาความเสียหายด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่ถูกน้ำพัดพานั้น ตอนนี้ปากีสถานยังเสี่ยงเผชิญกับวิกฤตด้านความมั่นคงทางอาหาร เนื่องจากพืชผลเสียหายหนัก และปศุสัตว์ก็ล้มตายหลายแสนตัวจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ขณะประชาชนหลายคนเริ่มมีอาการป่วยจากโรคติดเชื้อทางเดินอาหารซึ่งเกิดจากแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด รวมถึงโรคไข้เลือดออกและมาลาเรีย เพราะน้ำนิ่งที่ท่วมขังนั้นกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงชั้นดี
อย่างไรก็ตาม ยังพอมีข่าวดีอยู่ด้วยคือแคว้นสินธ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดของประเทศนั้น มีระดับน้ำลดลงแล้ว แต่ผลผลิตข้าวก็ได้รับความเสียหายไปมากกว่า 70% สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจบีบให้ปากีสถานต้องนำเข้าอาหารเพิ่มเติม ซึ่งนั่นจะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาดสินค้าการเกษตรโลกที่มีภาวะตึงตัวอยู่แล้วจากสงครามยูเครน-รัสเซีย โดยปากีสถานเพิ่งได้รับเงิน 1.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อนำมาใช้ในเหตุบรรเทาทุกข์เร่งด่วน
ภาพ: Farhan Khan/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: