ปากีสถานน้ำท่วมฉับพลัน ตายแล้วอย่างน้อย 337 คน ประชาชนบางพื้นที่เผย ไม่ได้รับแจ้งเตือน

สำนักจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของปากีสถานรายงานว่า น้ำท่วมฉับพลันอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 337 คน โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน ขณะที่ยังมีผู้สูญหายอีกหลายสิบคน

พายุฝนฟ้าคะนองพัดถล่มปากีสถานอย่างหนักตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว บางพื้นที่เกิดดินโคลนถล่ม ทำให้ทีมช่วยเหลือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบาก แม้บางพื้นที่ระดับน้ำจะลดลงแล้ว แต่ก็เต็มไปด้วยตะกอนดินโคลนจำนวนมาก

ทางการปากีสถานเตือนว่า ในช่วงเดือนนี้หลายพื้นที่จะยังคงมีฝนตกหนักและน้ำท่วมสูง พร้อมสั่งให้หน่วยงานท้องถิ่นเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเลวร้ายยิ่งขึ้น ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากช่วงฤดูมรสุมในปากีสถาน ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนจนถึงขณะนี้สูงกว่า 600 คนแล้ว

ประชาชนในบางพื้นที่ของปากีสถาน เช่น เมืองบูเนอร์ ซึ่งเป็นเขตภูเขาในจังหวัดไคเบอร์ปัคตูนควา ได้แสดงความไม่พอใจหลังจากที่เจ้าหน้าที่รัฐล้มเหลวในการเตือนให้พวกเขาอพยพ หลังฝนตกหนัก จนทำให้น้ำท่วมและดินถล่มรุนแรง ไม่มีการเตือนผ่านลำโพงมัสยิด ซึ่งเป็นวิธีการแจ้งเตือนดั้งเดิมในพื้นที่ห่างไกล

โมฮัมหมัด อิกบาล ครูประจำโรงเรียนในพื้นที่ประสบภัยกล่าวว่า ระบบแจ้งเตือนไม่ทันเวลา ทำให้เกิดผู้สูญเสียและบังคับให้คนต้องหนีจากบ้านแบบกะทันหัน โดยไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปด้วยเลย ถ้าชาวบ้านได้รับการแจ้งเตือนเร็วกว่านี้ หลายคนอาจรอดชีวิตและสามารถย้ายไปที่ปลอดภัยได้

รัฐบาลปากีสถานระบุว่า แม้มีระบบเตือนภัยล่วงหน้า แต่ฝนตกหนักในบูเนอร์อย่างรวดเร็วเกินกว่าจะเตือนได้ทัน

ปากีสถานมักเผชิญกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มเป็นประจำในช่วงฤดูมรสุมระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน โดยเฉพาะในภาคตะวันตกเฉียงเหนือที่ภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและหมู่บ้านตั้งอยู่ตามลาดเขาและริมแม่น้ำ

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ภาวะโลกร้อนกำลังเพิ่มความถี่และความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่รุนแรงเหล่านี้ในเอเชียใต้ แม้ปากีสถานจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า 1% ของโลก แต่ก็ยังเผชิญกับคลื่นความร้อน ฝนตกหนัก น้ำแข็งละลาย น้ำท่วมฉับพลัน และพายุฝนฟ้าคะนองที่ทำลายชุมชนท้องถิ่นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง