ถ้าถามว่าไฟฟ้าที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้มาจากไหน คำตอบก็คงเป็น “การไฟฟ้าฯ”
หน่วยงานรัฐในประเทศที่อยู่เบื้องหลัง คือระบบขนาดใหญ่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่รวมศูนย์ไว้ และมีหน้าที่ซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตทุกราย แล้วขายต่อให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อกระจายไปถึงบ้านเรือนและโรงงานทั่วประเทศ
นี่คือระบบที่เรียกว่า Enhanced Single Buyer Model (ESB) ซึ่งมีข้อดีเรื่องความมั่นคงของพลังงาน แต่ในวันที่พลังงานหมุนเวียนกำลังมาแรง และคนธรรมดาเริ่มผลิตไฟฟ้าเองได้มากขึ้น ระบบแบบรวมศูนย์ก็เริ่มแสดงข้อจำกัดที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตพลังงานสะอาด
ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่นของราคาและการผลิต การรองรับการมาของพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์ แต่นั่นก็ทำให้เกิดแนวคิดและทางเลือกใหม่ที่ปรากฏขึ้น คือ P2P Energy Trading
P2P คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ
P2P ย่อมาจาก Peer-to-Peer Energy Trading เป็นระบบที่ให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยหรือที่เรียกว่า “Prosumer (ผู้ใช้และขายไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน)” สามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินให้กับผู้ใช้อื่นได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องขายกลับให้กับการไฟฟ้าเท่านั้น
ข้อดีของ P2P คือ
- ลดการสูญเสียพลังงานจากการส่งไฟฟ้าระยะไกล
- สนับสนุนพลังงานสะอาดที่ผลิตใกล้บ้าน
- เพิ่มความมั่นคงในระดับชุมชน
- สร้างตลาดใหม่ กระตุ้นนวัตกรรม และการลงทุน
การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีทำให้ต้นทุนในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปต่ำลงมาก ผู้คนและธุรกิจจำนวนมากเริ่มลงทุนติดตั้งแผงผลิตไฟไว้บนหลังคาและกลายเป็น “ผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อย” พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่ใช้ไฟเอง แต่ต้องการ “จัดการไฟที่ผลิตได้” อย่างมีอิสระ ทั้งใช้เอง แบ่งให้เพื่อนบ้าน หรือขายให้โรงงานใกล้เคียง
ความต้องการที่มากขึ้นนี้ ทำให้ภาครัฐได้เริ่มมีการทดลองโมเดลนี้ เกิดขึ้นในรูปแบบของ Sandbox ภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ สำนักงาน กกพ. กับโครงการ ERC Sandbox
ทดลองใช้ P2P จริงในจุฬาฯ
โครงการ ERC Sandbox เป็นการทดลอง P2P Energy Trading ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงาน กกพ. ซึ่งให้พื้นที่ทดลองพิเศษที่ยืดหยุ่นกว่ากฎเกณฑ์ทั่วไป
โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้า ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ตามมาตรา 97(4) ของ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มีการติดตั้งแผงโซลาร์บน 6 อาคาร ทำหน้าที่เป็นฝั่งขาย และอีก 10 อาคาร เป็นฝั่งซื้อ
Solar Rooftop บนอาคารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านโครงข่ายจำหน่ายของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ซึ่งโดยปกติแล้วจะถูกห้ามให้เกิดไฟฟ้าไหลย้อนกลับ แต่ใน Sandbox นี้ กกพ. อนุญาตให้ทดลองเชื่อมต่อ พร้อมคำนวณค่าใช้บริการโครงข่าย (Wheeling Charges) อย่างเหมาะสม
ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to- Peer ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หัวใจของระบบคือแพลตฟอร์มกลาง ที่ให้อาคารฝั่งขายเสนอราคาขายไฟ และอาคารฝั่งซื้อเลือกซื้อจากผู้เสนอราคาที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น
การทดลองนี้ดำเนินการเป็นเวลา 2 เดือน โดยกำหนดราคาระหว่าง 2-5 บาทต่อหน่วย ซึ่งต่ำกว่าราคาขายปลีกโดยทั่วไป และเป็นการพิสูจน์ว่าระบบซื้อขายแบบนี้ “ทำได้จริงในทางเทคนิค”
ภาพรวมมูลค่าการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลทดลองสำเร็จ ความกังวลคลี่คลาย
รศ.ดร.กุลยศ อุดมวงศ์เสรี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ดูแลโครงการ ระบุว่า ตลอดระยะเวลาทดลอง ไม่มีปัญหาแรงดันไฟตกหรือเกิน ไม่มีผลกระทบต่อระบบของ กฟน. แม้มีไฟไหลย้อนจากอาคารหนึ่งสู่อีกอาคารหนึ่ง
รศ.ดร.กุลยศ อุดมวงศ์เสรี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ข้อกังวลเรื่องความเสถียรของระบบจึงถูกคลายลง และกลายเป็นข้อมูลสำคัญที่รัฐสามารถใช้เป็นฐานในการพิจารณานโยบาย มากไปกว่านั้น โครงการยังแสดงให้เห็นว่า การมีตลาดซื้อขายกลางที่แข่งขันด้านราคากันจริง ๆ นั้น สามารถออกแบบและใช้งานได้ โดยไม่จำเป็นต้องผูกขาดระบบไว้กับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง
นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจทำให้การเปิดเสรีตลาดไฟฟ้าเป็นไปได้จริงในอนาคต
P2P ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือการปฏิรูป
P2P ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดทางเทคนิคหรือทางธุรกิจเท่านั้น แต่มันคือความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะทำให้ระบบพลังงานของไทย “มีทางเลือก มีการแข่งขัน และมีความเป็นธรรมมากขึ้น”
ในวันที่พลังงานหมุนเวียนกำลังเป็นทางรอดของโลก แต่ระบบรวมศูนย์แบบเดิมกลับเป็นอุปสรรค P2P คือคำตอบที่สมเหตุสมผล และเริ่มมีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า “ทำได้จริง”
สิ่งที่ต้องการในวันนี้จึงไม่ใช่เทคโนโลยีเพิ่ม แต่คือ “การตัดสินใจเชิงนโยบาย” ที่จะยอมให้ระบบนี้เติบโต เปิดทางให้ prosumer เข้ามามีบทบาทในระบบ และยกระดับความยั่งยืนของประเทศผ่านโครงสร้างที่เปิดกว้าง
ถึงเวลาปล่อยให้ไฟฟ้าไม่ต้องไหลทางเดียวอีกต่อไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: