Overseoul บุกสนามประลองเต้น หม่ำโซจูโยเกิร์ต และสตรีทฟู้ดเมียงดง

ไม่ต้องไปสนามบิน ลงสนามเป้าก็ถึงกรุงโซลได้ง่ายๆ แม้ว่า Overseoul (โอเวอร์โซล) จะเปิดมาได้ร่วมปี แต่กระแสความแรงของสตรีทบาร์แห่งนี้ไม่ธรรมดา ด้วยบรรยากาศและเพลงเคป๊อปที่ถูกใจวัยรุ่น จนทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสนามประลองเต้นกันไปเรียบร้อยแล้ว

มุมฮิปของคนรักสนุกสไตล์เกาหลี

The Concept

จริงอยู่ที่บาร์ Overseoul ดังเรื่องเพลงเกาหลี แต่อาหารและเครื่องดื่มก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร ด้วยความชอบส่วนตัวของเจ้าของเมื่อครั้งที่กำลังเรียนต่อ ณ อเมริกา และช่วงปิดเทอมก็บินไปบอสตันหาเพื่อน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของไอเดียบาร์เกาหลีในกรุงเทพฯ ที่เกิดจากการที่กลุ่มเพื่อนนัดไปบาร์เกาหลีในบอสตันกันบ่อยๆ และได้ซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมอาหารการกิน จนกระทั่งกลับมาไทย และลงเอยที่การเช่าตึกแถวย่านสนามเป้า ปรับปรุงแต่ละชั้นให้เป็นร้านนั่งชิลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีชั้น 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Overseoul เป็นจุดเด่นโดยบังเอิญ

หากมาในตอนกลางวัน Overseoul จะยังคงหลับใหล พื้นที่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นร้านอาหารเหนือ เฮือนนูน่า และเมื่อตะวันคล้อยดิน จึงจะถึงเวลาของ Overseoul

บรรยากาศของร้าน

The Vibe

ตัวร้านได้แรงบันดาลใจมาจากร้านที่เจ้าของชื่นชอบ ผสมกับความไนต์ไลฟ์ ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟนีออน กระจกเงา จุดถ่ายรูป และโปสเตอร์กับสแตนดี้ศิลปินเกาหลี เมื่อหรี่ไฟลง และเปิดเพลย์ลิสต์เคป๊อป ก็ได้อารมณ์อยู่ไม่น้อย

บรรยากาศสนุกๆ ของร้าน

เรื่องเพลงคงไม่ต้องพูดเยอะ เพราะที่นี่อัปเดตเพลย์ลิสต์ติดชาร์ตตลอดทุกสัปดาห์ ไม่มีเพลงสัญชาติอื่นนอกจาก ‘เกาหลี’ รีเควสต์เพลงที่อยากฟัง อยากเต้นได้ และมีดีเจทุกวันตั้งแต่สามทุ่มถึงเที่ยงคืน (วันศุกร์และเสาร์ สามทุ่มครึ่งถึงตีหนึ่ง) ส่วนดนตรีสดก็มีให้ฟังทุกวันจันทร์

อาหารและเครื่องดื่มสตรีทบาร์สไตล์เกาหลี

ความตั้งใจจริงของการทำ Overseoul คือต้องการให้เป็นสตรีทบาร์ที่มีอาหารเกาหลีอร่อย จับคู่โซจูแกล้มบรรยากาศดีๆ แบบที่เจ้าของเคยสัมผัสเมื่อครั้งอยู่บอสตัน แต่กลับกลายเป็นว่า ที่นี่รู้จักกันดีในเรื่องของเพลงและสายเต้นมากกว่าอาหารและเครื่องดื่มไปเสียอย่างนั้น เอาเป็นว่าเรามาดูกันว่ามีอะไรที่จะเพิ่มพลังวอร์มเครื่องก่อนออกแดนซ์กันได้บ้าง

สิ่งที่เป็นภาคบังคับของการไป Overseoul คือ หมูสามชั้นปลาร้าเกาหลีกระทะร้อน (221 บาท) เมนูเรียบง่าย หมูสามชั้นย่างเกลือ พร้อมดิปปลาร้าและซอสเกาหลีให้จิ้มกันตามใจชอบ กินคู่กับยำผักสไตล์เกาหลีแก้เลี่ยน

หมูสามชั้นปลาร้าที่ใส่ความไทย ไก่ไม่มีกระดูก และต๊อกบกกี

ขยับเข้าความสตรีทฟู้ดกับ ไก่ไม่มีกระดูกซอสเผ็ด (181 บาท) เมนูกินง่าย กินไว เติมพลังระหว่างพักเบรกก่อนเต้นเพลงถัดไป ตามด้วย ต๊อกบกกี (181 บาท) ที่ทางร้านปรับสูตรให้รสชาติจัดจ้านขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ถูกปากคนไทย ถ้าไม่จุใจกับฟิชเค้กที่ให้มา ก็สั่งเพิ่มท้อปปิ้งชีส รามยอน หรือซุนแด (ไส้กรอกเลือด) ได้อย่างละ 51 บาท

คนรักเส้นแนะนำ จาจังมยอน (181 บาท) บะหมี่เกาหลีซอสถั่วดำ หรือ จับแชหมู (211 บาท) ผัดวุ้นเส้นเกาหลีสัมผัสนุ่มๆ รสเข้มข้น

วุ้นเส้นเกาหลี บิบิมบับ และซุปกิมจิ

บิบิมบับหมูสับ (221 บาท) ข้าวยำเกาหลีเครื่องครบครัน ท็อปด้วยไข่แดงดิบ คลุกเคล้าให้เข้ากันขณะที่ถ้วยกำลังร้อนจัด เพื่อทุกส่วนผสมจะเข้ากัน ส่วนใครที่ชอบกินข้าวแข็งๆ ลองปล่อยทิ้งไว้สักพักจนข้าวกรุบกรอบ และจับกันเป็นแพ จึงค่อยคลุกเคล้ากับส่วนผสมอื่น

อย่าลืมสั่ง ซุปกิมจิ (211 บาท) ที่ใส่เต้าหู้ขาวและไข่ไก่ให้มีเทกซ์เจอร์ยิ่งขึ้น เป็นเมนูพื้นฐานไว้ซดคล่องคอแก้เลี่ยน

โยเกิร์ตโซจู

The Drinks

สำหรับเครื่องดื่ม แน่นอนว่าต้องเป็น Yogurt Soju (341 บาท) เบสิกดริงก์ที่บาร์เกาหลีในบอสตันมีแทบทุกแห่ง โดยเบสด้วยโซจูออริจินัลผสมกับโยเกิร์ต และตามด้วยสัดส่วนของวัตถุดิบลับอื่นๆ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน ทำให้โยเกิร์ตโซจูแต่ละแห่งมีรสชาติไม่เหมือนกัน สำหรับที่ Overseoul รสชาตินุ่มนวล ออกหวานและแอบซ่านิดๆ ดื่มง่ายมาก และแน่นอนว่าคงต้องเบิ้ลอีกหลายรอบอยู่เหมือนกัน

จินโทนิกเวอร์ชันพลิกแพลง

ใครที่ชื่นชอบความเรียบง่าย Ju Tonic (251 บาท) คือคำตอบ ตัวนี้ทวิสต์มาจาก Gin Tonic โดยเปลี่ยนจากจินเป็นโซจู จากนั้นท็อปด้วยโทนิก แล้วตามด้วยแตงกวาเกาหลีฝานบาง เพิ่มกลิ่นโทนเขียวๆ ให้เข้ากับรสชาติ

What You Should Know

อย่าลืมพกบัตรประชาชนมาด้วย เพราะที่นี่อนุญาตให้เข้าได้เฉพาะผู้ที่อายุเกิน 20 ปีเท่านั้น
แนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้า เพื่อความสะดวกและสบายใจ ส่วนใครที่จองโต๊ะมาแล้ว ต้องมารับโต๊ะก่อนทุ่มครึ่ง หลังจากนั้นจะปล่อยโต๊ะให้คนที่วอล์กอิน