หากใครติดตามการดำเนินงานของ OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) จะพบว่า OR นั้นกำลังค้นหาโอกาส เพื่อแสวงหาการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) เพื่อเพิ่มผลกำไรในระยะยาว โดยเน้นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบการร่วมทุนกับบริษัทที่มีศักยภาพ
ผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ และธุรกิจต่างประเทศ ซึ่ง OR นั้นได้มีนโยบายที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ในการเพิ่มโอกาสเติบโตทางธุรกิจ (Scale Up)
เรื่องนี้สะท้อนได้อย่างชัดเจน ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้เราจะเห็นได้ว่า OR ได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ธุรกิจบริการขนส่งพัสดุ ตลอดจนธุรกิจดิจิทัล
โดยหากให้เราไล่เลียงจะพบว่า OR ได้ร่วมลงทุนธุรกิจกับพาร์ตเนอร์ ไปแล้วกว่า 4 บริษัท ซึ่งทุกบริษัทต่างเติบโตกันถ้วนหน้า
‘พีเบอร์รี่ ไทย’ ต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจร้านกาแฟ
ด้วยเทรนด์ ‘ร้านกาแฟพิเศษ’ (Specialty Coffee) ที่มีมูลค่าราว 2,000 ล้านบาท กำลังเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมดื่มกาแฟมากขึ้น ทำให้ OR นั้นเข้าไปลงทุนใน บริษัท พีเบอร์รี่ ไทย จำกัด
ความน่าสนใจของ ‘พีเบอร์รี่ ไทย’ อยู่ที่การประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกาแฟอย่างครบวงจรในประเทศไทย โดยเป็นทั้งผู้จัดหา ผลิต และจัดจำหน่ายเมล็ดกาแฟ และอุปกรณ์สำหรับการเปิดร้านกาแฟ รวมถึงให้บริการดูแลรักษาเครื่องชงกาแฟ และประกอบธุรกิจร้านกาแฟประเภท Specialty Coffee ภายใต้แบรนด์ Pacamara
แน่นอนว่า พีเบอร์รี่ ไทย คือการเข้ามาต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจร้านกาแฟของ OR ซึ่งจะสามารถขยายขอบเขตธุรกิจกาแฟอย่างครบวงจร และเปิดโอกาสในการเข้าสู่ตลาดกาแฟกลุ่มพิเศษ (Specialty Coffee) ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการจัดหาวัตถุดิบและอุปกรณ์ให้ OR รวมถึงบริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายของร้าน Café Amazon ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การขยายธุรกิจเพื่อให้ร้าน Café Amazon เป็นร้านกาแฟระดับโลก
‘โอ้กะจู๋’ ผู้นำร้านอาหารเพื่อสุขภาพ
ถัดมาคือการเข้าลงทุนใน บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด หากพูดชื่อปลูกผักเพราะรักแม่หลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าเป็น ‘ร้านโอ้กะจู๋’ ทุกคนต้องร้อง อ๋อ! อย่างแน่นอน เพราะนี่คืออีกหนึ่งแบรนด์ผู้นำในกลุ่มร้านอาหารประเภทเพื่อสุขภาพ มีการบริหารตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ที่มีการเริ่มต้นจากการปลูกผักในฟาร์มของตนเองที่จังหวัดเชียงใหม่ และส่งตรงถึงหน้าร้านเพื่อรักษาไว้ซึ่งคุณภาพและความสดใหม่
การเข้าไปลงทุนในโอ้กะจู๋นั้น OR ต้องการเข้ามาร่วมกันผลักดัน พัฒนา รูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ของทางแบรนด์ และเสริมความแข็งแกร่งให้ทางแบรนด์เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งแผนการลงทุนของโอ้กะจู๋ที่ OR เข้าไปมีส่วนสนับสนุน ได้แก่
- การขยายสาขา (Store Expansion): โดยบริษัทตั้งเป้าขยายสาขาปีละประมาณ 5 แห่ง และมีแผนขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดภายในระยะ 5 ปี
- การปลูกผัก (Farming): การขยายฟาร์ม เพิ่มจำนวน 100 ไร่ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และมีการนำเทคโนโลยี Smart Farm มาใช้ในการบริหารฟาร์ม เพื่อทำให้ได้ผักสดที่สม่ำเสมอ
- ครัวกลาง (Central Kitchen): การก่อสร้างครัวกลาง พื้นที่ 7 ไร่ ที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรองรับความต้องการวัตถุดิบที่ครอบคลุม (ซอส น้ำสลัด เนื้อสัตว์ และน้ำผลไม้) ของสาขาปัจจุบัน และการขยายสาขาในอนาคต
นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาเมนูและรูปแบบการขยายแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Café Amazon ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคเหนือ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความหลากหลาย และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยเมนูที่เลือกมานั้นจะเป็นเมนูที่กินง่าย เช่น สลัดผัก แซนด์วิช ปัจจุบันนั้นได้เริ่มทดลองวางขายในร้าน Café Amazon ไปแล้วทั้งสิ้น 3 สาขา
‘Flash Express’ ยูนิคอร์นตัวแรกของไทย
ไม่เพียงแต่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ที่ OR มองเห็นศักยภาพในการต่อจิ๊กซอว์ให้กับธุรกิจ ในกลุ่ม ‘ธุรกิจบริการขนส่งพัสดุ’ ที่กำลังเติบโตจากเทรนด์การช้อปออนไลน์ของผู้บริโภคคนไทยที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ OR มองเห็น
กลายเป็นที่มาของการเข้าร่วมลงทุนใน ‘กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group)’ ผู้ให้บริการ E-Commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร ความน่าสนใจของกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) อยู่ที่อัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมกับมีธุรกิจในเครือหลากหลายประเภท อาทิ Flash Express ผู้ให้บริการขนส่งแบบครบวงจร ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการบริหารจัดการด้านระบบขนส่ง จนทำให้ขึ้นเป็นสตาร์ทอัพ ‘ยูนิคอร์น’ ตัวแรกของไทย
การเข้าร่วมลงทุนของ OR นอกจากส่งเสริมให้สตาร์ทอัพของไทยนั้นเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกันแล้ว ทาง OR และกลุ่มธุรกิจ Flash ได้มีความร่วมมือทางธุรกิจในด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมและต่อยอดธุรกิจหลักของทั้งสอง เช่น การที่ OR ให้บริการน้ำมันแก่รถที่ใช้ในการขนส่งของ Flash Express หรือการที่ Flash Express เริ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ของ OR
และยังเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจ ทั้งความร่วมมือในการทดลองเปิดให้บริการจุดรับส่งพัสดุของ Flash Express ภายในร้าน Café Amazon ซึ่งเริ่มนำร่อง 71 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกันได้มีการวางแผนในการพัฒนาพื้นที่ภายในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น บางแห่ง เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าของ Flash Express เป็นต้น
‘ORBIT Digital’ เสริมแกร่งศักยภาพด้านดิจิทัล
อย่างที่เรารู้กันว่า ‘ดิจิทัล’ คือสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่จะสามารถเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ ซึ่ง OR ได้มองเห็นความสำคัญของเรื่องนี้จึงได้ร่วมกับ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ Bluebik ซึ่งเป็นบริษัทคอนซัลต์ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านการทำ Digital Transformation ในการจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด หรือ ORBIT Digital เพื่อมุ่งยกระดับขีดความสามารถของธุรกิจไทยจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้อย่างครบวงจร
ซึ่งที่ผ่านมานั้น ‘ORBIT Digital’ ได้เข้าไปดำเนินการในโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบ Loyalty สำหรับลูกค้า OR และสมาชิก Blue Card ให้มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นคือระบบ Loyalty Management System ซึ่งถือว่าเป็นระบบหัวใจหลัก (Core System) ของการทำธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบัน
โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านดิจิทัลให้กับลูกค้า และผู้ใช้งานแอปฯ Blue Card แอปฯ Blue Connect และแอปฯ Café Amazon ให้สมบูรณ์แบบที่สุด ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากทาง OR ได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น
ขณะเดียวกัน OR และ ORBIT Digital ยังมีเป้าหมายให้การพัฒนาและปรับปรุงระบบในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านการบริการผ่านระบบสารสนเทศ และเพื่อให้ระบบสามารถรองรับการเชื่อมต่อระบบใหม่ๆ กับพันธมิตรธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าและสมาชิก Blue Card ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องมากยิ่งขึ้น ตาม Lifestyle ของลูกค้าที่กำลังเปลี่ยนไปอีกด้วย
‘ORZON Ventures’ การเดินทางครั้งใหม่บนเส้นทาง ‘สตาร์ทอัพ’
เห็นได้ว่าทุกธุรกิจที่ OR ได้เข้าไปลงทุนนั้นนอกจากจะต่อจิ๊กซอว์ให้กับธุรกิจของ OR เองแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นเติบโตอย่างแข็งเกร่งอีกด้วย
ซึ่งภารกิจของ OR ก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น ด้วยเป้าหมายที่จะเสริมสร้าง ‘สตาร์ทอัพ’ ของประเทศไทยเติบโตมากขึ้นไปอีก จึงเป็นที่มาของ ‘ORZON Ventures’ ที่มีเป้าหมายลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน Mobility & Lifestyle ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ไม่ใช่ทุกสตาร์ทอัพด้าน Mobility & Lifestyle ที่ OR จะเข้าไปลงทุน แต่สตาร์ทอัพนั้นจะต้องมีวิถีการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับ OR คือ Together for Betterment ที่เน้นการเติบโตไปด้วยกัน ไม่ได้มุ่งหวังแต่ผลกำไร แต่ยังมุ่งสร้างประโยชน์ให้กับสังคมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ
โดย ORZON Ventures จะเน้นให้ความสำคัญกับสตาร์ทอัพ ซึ่ง OR นั้นมองเป็นกลุ่มหลักของประเทศที่ควรส่งเสริมให้เติบโตร่วมกัน และนำจุดแข็ง OR ไปช่วยต่อยอดให้กับผู้ประกอบการ
บอกใบ้ให้นิดหนึ่งว่า ORZON Ventures นั้นได้ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านสตาร์ทอัพเข้ามาช่วยดูแล ส่วน ORZON Ventures จะมีลักษณะเป็นอย่างไร OR จะเข้าไปส่งเสริมสตาร์ทอัพได้อย่างไร เราขอชวนให้คุณมาร่วมค้นหาคำตอบด้วยตัวเองได้ที่ Facebook OR Official ซึ่งจะมีการเฉลยถึงรายละเอียดอย่างเป็นทางการวันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม 2564 เวลา 13:00-14:00 น.
อย่าพลาดงานนี้ เพราะคุณอาจจะเสียโอกาสทางธุรกิจดีๆ ไป!