The Secret Sauce สรุปเส้นทางชีวิต Jensen Huang ซีอีโอแห่งบริษัท Top 3 โลก NVIDIA ผู้ที่มีดวงตาทั้งสองไว้มองการณ์ไกล มีมือทั้งสองไว้คอยแผ้วถางเส้นทาง พาธุรกิจมุ่งสู่อนาคต จนมูลค่าบริษัทปัจจุบันทะลุ 2 ล้านล้านไปแล้ว
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ อดีตของเขาคือเด็กล้างจานในร้านอาหาร
🟡จากเด็กล้างจานสู่ซีอีโอ
Jensen Huang มีพื้นเพเป็นคนเมืองไถหนาน ไต้หวัน ที่อพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกาในช่วงของสงครามเวียดนาม เขาเคยทำงานเป็นเด็กล้างจาน บริกรที่คอยเช็ดโต๊ะในร้านอาหาร Denny’s จนมีโอกาสได้เรียนต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
การทำงานที่ LSI Logic Corp. บริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ คืองานสุดท้ายก่อนที่เขาจะผันตัวมาเป็นซีอีโอที่ NVIDIA
ในปี 1992 ไอเดียในการก่อร่างสร้างบริษัท NVIDIA ของเขาและผองเพื่อนเริ่มต้นขึ้น โดยมีวิสัยทัศน์เพื่อ ‘แก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ปกติไม่สามารถทำได้’
🟡อดีตที่ดีนำไปสู่อนาคตที่ดี
ไอเดียมีพร้อม แต่เงินทุนมีจำกัด ไม่เพียงพอจะทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์
ช่วงนั้น Jensen มีโอกาสได้เล่าถึงแผนธุรกิจให้เจ้านายเก่าที่ LSI Logic ฟัง ถึงแม้ไอเดียของเขาดูจะยังไม่เข้าท่านัก แต่สิ่งที่เจ้านายเก่าของเขาทำคือการยกหูหา Don Valentine แห่ง Sequoia Capital บริษัท VC ระดับโลก พร้อมบอกว่า
Don, I’m going to send a kid over,
I want you to give him a money,
He’s one of the best employees LSI Logic ever had.
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเงินทุนก้อนสำคัญที่ทำให้ NVIDIA มาถึงวันนี้
Jensen เคยให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ไว้ว่า
You can make up a great interview,
You can even have a bad interview.
But you can’t run away from your past,
And so have a good past.
🟡ถอดแนวคิดพา NVIDIA สู่องค์กร Top 3 โลก
1. สร้างเทคโนโลยีไม่พอ ต้องสร้างตลาดด้วย
ย้อนกลับไปต้นทศวรรษ 1990 ต้องบอกว่าสิ่งที่ NVIDIA คิดจะทำเป็นฝันที่ล้ำหน้าไปไกล การจะทำให้สำเร็จเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก Jensen จึงต้องเลือกว่าอะไรคือไม้เด็ดที่จะทำให้บริษัทอยู่รอด?
แล้วเขาก็มองไปที่การทำ GPU หรือการ์ดจอเกม แต่ปัญหาก็คือ อุตสาหกรรมเกมที่จะเป็นลูกค้ารายสำคัญของเขาตอนนั้นยังมีมูลค่าน้อยมาก เป็นตลาดที่มีค่าไม่ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ด้วยซ้ำ
ตอนนั้นเอง Don ผู้ที่ให้เงินทุนก้อนแรก ได้บอกกับเขาว่า การที่ NVIDIA จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องทำให้สตาร์ทอัพรายอื่นๆ ในวงการสำเร็จเช่นกัน Jensen จึงได้เข้าใจว่า
“เขาไม่เพียงแค่ต้องสร้างเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังจำเป็นจะต้องสร้างตลาดวิดีโอเกมขึ้นมาด้วย”
2. เราทุกคนสามารถสร้างอนาคตได้
ในการพัฒนาเทคโนโลยีกราฟิกจะมีสิ่งที่เรียกว่า Graphic API เอาไว้ใช้สั่งการ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ NVIDIA กำลังเติบโตก็คือ เทคโนโลยีที่ผลิตขึ้นมาในตอนนั้นไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Graphic API ของลูกค้ารายใหญ่ๆ อย่างเช่น Microsoft ได้
แทนที่จะปล่อยโอกาสให้หลุดลอย Jensen เลือกที่จะเดินเข้าร้านหนังสือ จนได้ไปพบกับหนังสือที่ช่วยไขคำตอบในการพัฒนาเทคโนโลยีของ NVIDIA นำไปสู่การปลดล็อกข้อจำกัดที่ไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จ
บทเรียนที่ Jensen ได้รับจากความพยายามนี้คือ “เราไม่ควรหันหลังให้กับสิ่งที่เรายังไม่รู้ และเราทุกคนสามารถสร้าง ‘อนาคต’ ได้ แม้ว่าเราจะไม่รู้จักมันเลยก็ตาม”
3. ตัวชี้วัดอนาคต ไม่ใช่ผลลัพธ์ในปัจจุบัน
หลังจากที่ NVIDIA พัฒนาเทคโนโลยีด้านกราฟิกขึ้นมาได้สำเร็จ Jensen Huang รู้ได้อย่างไรว่าบริษัทจะต้องปรับตัวมาสู่การทำชิปสำหรับ AI ในวันนี้?
ประเด็นสำคัญคือ ต้องมีตัวชี้วัดที่เรียกว่า EIOFS ซึ่งย่อมาจาก Early Indicators of Future Success
Jensen บอกว่า คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิด คิดว่าอัตรากำไรคือตัวชี้วัดที่สำคัญ แต่เขามองว่านั่นไม่ใช่ตัวชี้วัด แต่คือผลลัพธ์ต่างหาก
สิ่งที่บริษัทควรทำคือการหา Early Indicators เพื่อเป็นเครื่องประกันว่าเรากำลังมุ่งไปสู่การมีผลลัพธ์ที่ดี ยกตัวอย่างเช่น ในหลายๆ ครั้งที่ตลาดยังไม่เกิดขึ้น แต่บริษัทได้แก้ปัญหาต่างๆ ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรได้สำเร็จ นั่นเท่ากับว่าเราได้บรรลุ EIOFS แล้ว
“เพราะขนาดของตลาดที่เห็นในวันนี้อาจไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้อนาคต แต่ความสำคัญของปัญหาที่บริษัทได้เข้าไปแก้ต่างหากที่เป็น EIOFS ไปสู่ความสำเร็จ” Jensen Huang ทิ้งท้าย