×

อิชิอิทำถึง! อ่านแผนเสกช้างศึกต่อกรเกาหลีใต้ด้วยสไตล์ ‘วิ่ง-สู้-ฟัด’

22.03.2024
  • LOADING...
เกาหลีใต้ 1-1 ไทย

หมุนเข็มนาฬิกาย้อนไป 24 ชั่วโมงก่อน ถ้าบอกว่าไทยจะฉีกแต้มจากทีมอันดับ 22 ของโลก อาจจะเชื่อได้ยาก?

 

ก่อนเกมที่ทีมชาติไทยบุกไปเยือนเกาหลีใต้ในเกมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย (กลุ่ม C) นัดที่ 3 เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนอาจจะ ‘ทำใจ’ เผื่อไว้ประมาณหนึ่งสำหรับผลการแข่งขัน ในกรณีที่ทีมไทยมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะลงเอยด้วยความพ่ายแพ้

 

แต่หลังจบ 90+6 นาที สิ้นเสียงนกหวีดที่โซลเวิลด์คัพสเตเดียม ทีมไทยที่ทุ่มพลังกายและใจให้ในเกมนี้ สามารถรักษาผลสกอร์ 1-1 ไว้ได้จนจบ พร้อมฉีก 1 แต้มสำคัญมาจากเกาหลีใต้ได้อย่างน่าประทับใจ

 

มากกว่า 1 แต้มที่มีผลต่อการเข้ารอบ 3 ในศึกคัดบอลโลกหนนี้คือ ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่นักเตะและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชทุกคนจะทำได้

 

โดยเฉพาะกลยุทธ์หรือการวางหมากของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่สะท้อนให้เห็นว่า เขาคือคนที่เข้าใจระบบของฟุตบอลไทยแบบถ่องแท้และถึงแก่นจริงๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาสามารถปลุก ‘ช้างศึก’ ที่เคยเป็นช้างหลับให้กลับมา ‘วิ่ง-สู้-ฟัด’ ได้อย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

 

 

ความเข้าใจระบบบอลไทยและแท็กติกอันชาญฉลาดของอิชิอิ

 

ภายในเวลาไม่ถึง 3 เดือนของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่เข้ามารับเผือกร้อน พร้อมทำงานเก็บผลการแข่งขัน ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 2 ถือเป็นผลการแข่งขันที่ไม่แย่ โดยเฉพาะเมื่อเจอทีมที่มี FIFA Ranking เหนือกว่าทุกทีม!

 

  • แพ้ ญี่ปุ่น 0-5
  • ชนะ คีร์กีซสถาน 2-0
  • เสมอ โอมาน 0-0
  • เสมอ ซาอุดีอาระเบีย 0-0
  • แพ้ อุซเบกิสถาน 1-2
  • เสมอ เกาหลีใต้ 1-1

 

ภาพใหญ่ที่ได้เห็นจากการทำงานของอิชิอิคือ โค้ชชาวญี่ปุ่นวัย 57 ปีผู้นี้คือคนที่มีความเข้าใจระบบของฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง ทั้งที่มาทำงานที่ไทยได้เพียง 5 ปีเท่านั้นนับตั้งแต่ทำทีมสโมสรสมุทรปราการ ซิตี้

 

ความเข้าใจในส่วนนี้หมายถึงการรู้ว่า ‘นักเตะไทย’ มีสไตล์การเล่นแบบไหน, ระเบียบการซ้อมแต่เดิมเป็นอย่างไร และรู้ว่าควรป้อนระบบการฝึกฝนแบบไหนเข้าไปพัฒนาผู้เล่นให้กลายเป็นนักเตะที่สามารถเล่นได้ตามแผนของตัวเอง

 

ผลการแข่ง 5-6 นัดที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ‘ฝีมือ’ ของอิชิอินั้นไม่ธรรมดา การทำงานในฐานะโค้ชทีมชาติไทยของเขาไม่ได้อาศัยแค่ข้อมูลและความเข้าใจระบบพื้นฐานของบอลไทยเพียงอย่างเดียว 

 

แต่การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและแท็กติกที่อยู่ในหัวของอิชิอิ (รวมถึงทีมงาน) นับว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้ทัพช้างศึกหลังเปลี่ยนหน้าปฏิทินเข้าปี 2024 กลายเป็นทีมที่ดีขึ้น ชนิดพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืน

 

และมันชัดเจนมากๆ ในเกมที่ไทยเราบุกไปเสมอกับเกาหลีใต้

 

 

แบบแผนชัดเจน

 

หลายครั้งทีมไทยมักประสบปัญหาเรื่อง ‘ความฟิต’ ของนักเตะ นั่นคือหนึ่งในเรื่องที่สร้างความลำบากใจให้กับคนโค้ชทุกคนจากทุกยุคสมัย 

 

กับอิชิอิ…ก็ลำบากเหมือนกัน แต่เชื่อว่าอิชิอิได้ก้าวข้ามจุดนั้นไปแล้ว และหันมาโฟกัสกับ 23 นักเตะที่เลือกมาติดทีมด้วยความเชื่อที่ว่า ทุกคนสามารถเป็นกำลังหลักให้ทีมได้

 

ภาพรวมเกมนี้อิชิอิเลือกใช้ผู้เล่นจากชุดเอเชียนคัพที่มีความเข้าใจในแผนการและมายด์เซ็ตการเล่นของทีม และเพิ่มเติม ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่หายเจ็บกลับมาช่วยชาติอีกครั้ง

 

แนวทางการทำทีมของอิชิอิยังคงกลิ่นอายเหมือนช่วงเอเชียนคัพแบบชัดเจนคือ มองเกมและวางแผนแบ่งเป็นเซสชัน ครึ่งแรกสู่ครึ่งหลัง และสู่เกมนัดถัดไป โดยมีวิธีการและผลลัพธ์ที่ตั้งไว้เป็น ‘เป้าหมาย’ อยู่ในใจเสมอ

 

ใครไม่พร้อมจะไม่ส่งลงสนาม แต่จะหันไปเน้นนักเตะที่มีความฟิตที่ดีและเข้าใจแผนการของโค้ช รวมถึงผลการซ้อมเป็นหลัก เพราะอิชิอิต้องการคนที่พร้อมจริงๆ

 

 

เปิดยุทธการฉีก 1 แต้มจากโซลเวิลด์คัพสเตเดียม

 

หลังจากรับชมการแข่งขัน เชื่อว่าแฟนบอลคงสงสัยในกลยุทธ์ว่า อิชิอิใส่อะไรให้นักเตะกิน หรือมีวิธีกระตุ้นแบบไหนที่ทำให้ทัพช้างศึกที่โดนแซวว่าเป็นช้างหลับให้กลับมาวิ่ง-สู้-ฟัดกับเกาหลีใต้ได้อย่างสนุก

 

เกมนี้ทีมชาติไทย ‘ซื้อเกมรับ’ แบบเหมาหมดตลาด แต่ยังเน้นการสร้างโอกาสให้เกมรุกของไทยเราด้วยการตั้งรับรอสวนกลับ เพียงแต่จังหวะที่ไทยได้บอล เราจะพยายามเล่นโต้กลับด้วยความเร็วโดยการใช้บอลไม่เกิน 3 จังหวะ ส่วนใหญ่จะเน้นจังหวะแรกด้วยการโยนบอลไปข้างหน้าให้แนวรุกไปเก็บเล่นกัน

 

แม้ส่วนใหญ่แนวรุกไทยจะเก็บบอลที่ถูกโยนยาวมาจากหลังบ้านไม่ค่อยได้ แต่ในข้อดีที่เราเห็นนักเตะอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ คอยวิ่งเพรสซิ่งใส่กองหลังเกาหลีใต้อยู่ตลอดเวลา หลายครั้งการวิ่งไล่อาจไม่ได้กดดันคู่แข่งได้มากนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะบีบให้เกาหลีใต้ไปขึ้นเกมใหม่จากหลังบ้าน 

 

ขณะเดียวกันแดนกลาง-กองหลังของไทยจะได้ใช้ช่วงเวลา 5-7 วินาทีตรงนี้ในการกลับมา ‘จัดระเบียบเกมรับ’ เพื่อรอรับมือกับการบุกครั้งถัดไปโดยไม่เสียตำแหน่ง

 

นี่สะท้อนให้เห็นว่า นักเตะทุกคนฟังและเข้าใจแผนการของอิชิอิ ที่ต้องการให้ปิดเกมรุกของเกาหลีใต้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

และอีกสิ่งหนึ่งที่นักเตะทุกคนทำเหมือนกันคือ ‘ไม่ประมาท’ โดยไม่สนว่าช็อตไหนจะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ทุกคนจะไม่เลือกเล่นท่ายาก แต่จะเลือกเคลียร์ออกไปให้พ้นๆ หรือออกบอลไปหาเพื่อนด้วยจังหวะสั้นๆ อย่างมีสติ 

 

ภายใต้การถูกกดดันเกมรุกจากคู่แข่ง นักเตะทุกคนยังประคองสมาธิโฟกัสการหยุดเกมรุกของคู่แข่งได้จนถึงนาทีสุดท้าย แม้แขนและขาจะอ่อนแรงลงไปบ้าง

 

ในส่วนนี้นอกจากจะยกประโยชน์ชื่นชมในแผนการของอิชิอิและทีมงานแล้ว นักเตะทุกคนในสนามก็ควรได้รับเครดิตตรงนี้เช่นกัน

 

 

เสียประตู ไม่เสียกำลังใจ

 

ถึงจะนวดอย่างหนักและเสียประตูไปก่อนในช่วงครึ่งเวลาแรกจาก ซนฮึงมิน กัปตันคนเก่งของเกาหลีใต้

 

แต่ครึ่งหลังกลับมา ทีมไทยของอิชิอิกลับมาหาช่องเล่นเกมรุกได้ตั้งแต่ช่วงต้น และการเปลี่ยน ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ลงมาแทน เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ไม่ถึง 5 นาที

 

ทีมไทยได้ผลลัพธ์ตามที่ทีมงานอิชิอิคาดหวังไว้นั่นคือ การอาศัยโอกาสขึ้นเกมรุก ที่มีอยู่ในเกมอันน้อยนิดเพื่อจบสกอร์

 

จุดเปลี่ยนเกิดจากช็อตที่ศุภณัฏฐ์งัดบอลเปลี่ยนแกนจากซ้ายไปขวาในพื้นที่ว่างให้ นิโคลัส มิคเกลสัน ได้โอกาสเปิดบอลกึ่งยิงกึ่งผ่าน (ซึ่งเจ้าตัวบอกหลังเกมว่า จงใจเปิด) เข้าไปในกรอบเขตโทษให้ศุภณัฏฐ์ที่ใช้สัญชาตญาณกองหน้า แทรกตัวฝ่า 2 เซ็นเตอร์ของเกาหลี เข้าไปชาร์จจ่อพาบอลเข้าประตูไปชนิดที่ คิมมินแจ กองหลังเจ้าของค่าตัว 50 ล้านยูโรของบาเยิร์น มิวนิก ยังพลาดท่าให้ศุภณัฏฐ์ในการประกบตัวหนนี้

 

และประตูตีเสมอนี้เองที่ทำให้ไทยฉก 1 แต้มสำคัญจากทีมที่มีมูลค่านักเตะในทีมรวมกันกว่า 6,634 ล้านบาทกลับมาสู่ประเทศไทยได้สำเร็จ ซึ่งมีผลต่อการเข้ารอบ 3 ในศึกคัดบอลโลกของทีมไทยเป็นอย่างมาก

 

 

นี่คือฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและคู่ควรกับเสียงปรบมือให้เป็นอย่างมาก ถึงภาพรวมไทยจะเน้นเกมรับตลอดทั้งแมตช์ แต่เราต้องไม่ลืมว่าคู่แข่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือเกาหลีใต้ ทีมขาประจำของฟุตบอลโลก 

 

ดังนั้นการที่ทีมชาติไทยต่อกรกับโคตรทีมของเอเชียด้วยแบบแผนการเล่นที่หวังผลลัพธ์ได้แบบนี้ กับนักเตะที่ทุ่มพลังให้การแข่งเกินร้อย วิ่งบดจนหมดเสียงนกหวีด บวกกับแท็กติกและการตัดสินใจอันเฉียบคมของอิชิอิในช่วงเวลานี้

 

ถ้าเราไม่อวยตอนนี้ แล้วจะให้ไปอวยกันตอนไหนล่ะ แล้วไปเจอกันที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 26 มีนาคมนี้ครับ 🔥🇹🇭

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising