Q: หนูเพิ่งเรียนจบและกำลังจะเริ่มงานเป็นครั้งแรก การเรียนได้เกียรตินิยมไม่ได้ช่วยให้หนูได้เงินเดือนมากกว่าคนอื่นเลย ถ้าจะได้เงินเดือนเท่านี้ รู้งี้ไม่เห็นจำเป็นต้องเรียนให้ได้เกียรตินิยมเลยค่ะ เกียรตินิยมมีประโยชน์อะไรในการทำงานกันคะ
A: ขอต้อนรับสู่ชีวิตจริงครับ พี่เชื่อว่าเดี๋ยวน้องจะเจออีกหลาย ‘รู้งี้’ แน่ๆ
เห็นน้องชวนคุยเรื่องนี้แล้วนึกถึงงานแรกในชีวิตของพี่เลยครับ ลองอ่านเรื่องเก่าๆ ของคน (ไม่ยอม) แก่หน่อยก็แล้วกันนะครับ
พี่เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ได้คะแนนสูงสุดในสาขาที่เรียน และพี่ได้เงินเดือนครั้งแรก 9,000 บาท น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำสมัยนี้เสียอีก แต่มันเป็นงานที่พี่รักและอยากทำ พี่ก็เลยไม่ลังเล จำได้ว่าตอนนั้นเจ้าของบริษัทถามว่าพี่จะเดินทางมาทำงานอย่างไร พี่มาคิดแล้วว่าด้วยเงินเดือนเท่านั้นจะให้พี่ขับรถมาทำงานคงรอดยาก เลยตัดสินใจว่าอย่างไรเสียก็จะต้องพึ่งตัวเองให้ได้ด้วยเงินเดือนเท่านี้ ก็เลยคิดว่าจะนั่งรถเมล์มาทำงาน
ชีวิตโคตรเปลี่ยนเลยน้อง สมัยตอนไม่มีเงินแล้วขับรถมาเรียน พอทำงานได้เงินกลับต้องเปลี่ยนมาขึ้นรถเมล์ เพิ่งมารู้ตอนหลังจากเพื่อนร่วมงานว่า ถ้าตอบไปว่าขับรถมาทำงานจะได้ค่าน้ำมันเพิ่มอีกตั้ง 1,500 บาท โธ่! รู้งี้ตอบว่าขับรถมาเสียก็ดี…ฮ่าๆ
ว่ากันตามตรง เงินเดือนสมัยนั้นโคตรน้อยเลย แต่ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าอยากเรียนรู้ให้มากที่สุด และต้องอยู่ให้ได้ด้วยเงินเดือนเท่านั้น เดี๋ยวค่อยหาวิธีบริหารชีวิตเอา มีเท่าไรก็ใช้ชีวิตเท่านั้น ไม่อยากขอเงินพ่อแม่แล้ว โตแล้ว
แต่จะบอกว่างานนั้นเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ทำแล้วสนุก ได้ความรู้และประสบการณ์ที่เป็นต้นทุนชีวิตให้กับพี่ในก้าวต่อๆ มาได้อย่างดีมาก สิ่งที่พี่จะบอกก็คือน้องจะไม่ได้เงินเดือนเท่านั้นตลอดไป มันเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น และน่าภูมิใจจะตายที่เราหาเงินได้ด้วยตัวเอง จะกี่บาทก็เถอะ เท่กว่าขอเงินพ่อแม่เยอะเลยนะน้อง พ่อแม่ให้เงินมาสิบล้านก็ไม่เหมือนเราหามาได้เอง
ถือเสียว่าเป็นโจทย์ของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีเท่าไร ลองใช้ให้น้อยกว่านั้นให้ได้ และต้องอยู่ให้ได้
ทีนี้เกียรตินิยมมีประโยชน์อะไร?
ถ้ามองในแง่เงินเดือนอย่างเดียว บางบริษัทอาจจะมีเรตเงินเดือนค่าเกียรตินิยมให้ แต่บางบริษัทอาจจะไม่มี อันนี้ก็แล้วแต่นโยบายของแต่ละที่
แต่ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากให้มองไปไกลกว่าแค่เรื่องเงินเดือน
ใครเรียนได้เกียรตินิยมพี่ก็ชื่นชม เพราะอย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่าเป็นคนมีวินัยสม่ำเสมอในระดับหนึ่งจึงสามารถรักษาระดับผลการเรียนในระบบได้ ประคับประคองตัวเองไม่ให้เป๋มาได้ตลอด 4 ปี ก็ถือว่าเก่งใช้ได้ และถือว่าความรู้จากในระบบก็น่าจะดีอยู่ เพราะงานบางอย่างต้องอาศัยความรู้ความสามารถที่สูงกว่า
เอาเป็นว่าถ้าน้องมาพร้อมกับเกรดสวยๆ ก็สะดุดตากว่าคนอื่นอยู่บ้าง และพี่ก็ยังเห็นว่ามันมีคุณค่าอยู่ถ้าใครจะได้มา ดังนั้นตั้งใจเรียนไปเถอะ มันดีกว่าไปทำงานแล้วเพิ่งมาเจอว่า รู้งี้น่าจะตั้งใจเรียนตั้งแต่ต้น
แต่เกียรตินิยมอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะเอาเข้าจริง การใช้ชีวิตในโลกแห่งการทำงานให้ได้ดี เราไม่ได้ใช้แค่ความรู้และประสบการณ์จากมหาวิทยาลัยเพียงอย่างเดียว แต่เรียกว่าใช้แทบจะทุกประสบการณ์ตั้งแต่เกิดเลยด้วยซ้ำ
นอกจากความรู้ในห้องแล้ว เรารู้อะไรนอกห้องบ้าง แล้วเรื่องที่เราคิดว่ารู้ เรารู้จริงแค่ไหน และต่อจากนี้ไปเราจะรู้อะไรเพิ่มนี่สิสำคัญ ไม่อย่างนั้นจะเจอคำว่า “รู้อย่างนี้น่าจะรู้ให้มากกว่านี้ตั้งนานแล้ว”
และต่อให้เรียนมาได้เกียรตินิยม เกรดสวยหรูแค่ไหน ถึงเวลาทำงานก็ต้องเรียนรู้ใหม่อยู่ดี และต้องเรียนรู้สิ่งใหม่อีกเยอะมากครับน้อง ดังนั้นอย่ากังวลไปเลยว่าเงินเดือนแรกในชีวิตทำไมมันน้อยจัง เพราะนี่มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์มาให้ได้มากที่สุดดีกว่า ที่ทำงานก็เป็นเหมือนอีกโรงเรียน ดังนั้นลองคิดแบบนี้ดีกว่าไหมว่าที่จริงแล้วเงินเดือนของน้องน่ะตั้ง 65,000 บาท แต่เขาเก็บค่าเรียนไป 50,000 บาท น่ะ เลยมาถึงมือน้อง 15,000 บาท
ค่าเรียนมันแพง เพราะฉะนั้นตักตวงความรู้จากโรงเรียนชีวิตแห่งนี้ให้คุ้มค่าเรียนที่สุด
จะได้ไม่มีคำว่า “รู้งี้น่าจะตั้งใจมากกว่านี้”
*ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai