×

Burn the House Down ซีรีส์ล้างแค้นรสวาซาบิ เผ็ดอยู่หรอกนะแต่ไม่อูมามิ

20.07.2023
  • LOADING...

หมายเหตุ: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์ Burn the House Down

 

 

 

อาจเป็นเพราะบรรยากาศหรือสภาพของสังคมในปัจจุบัน ทำให้ช่วงนี้มีซีรีส์และละครแนวล้างแค้นออกมาให้ดูกันอยู่เรื่อยๆ ไล่มาตั้งแต่ The Glory มาจนถึง Celebrity ซึ่งก็เข้าข่ายการเอาคืนด้วยเหมือนกัน ส่วนฝั่งไทยก็มีละครเรื่อง แค้น ที่กำลังออกอากาศอยู่ และเมื่อเร็วๆ นี้ Netflix ก็แนะนำซีรีส์ล้างแค้นรสชาติใหม่สัญชาติญี่ปุ่นเรื่อง Burn the House Down ที่ตอนนี้ไต่ระดับความนิยมมาอยู่ระดับต้นๆ ซีรีส์ที่มีคนดูมากที่สุดในไทย 

 

 

Burn the House Down สร้างจากมังงะชื่อเดียวกัน ว่าด้วยเรื่องราวของ อันซึ มุราตะ เด็กสาวที่เกิดในครอบครัวร่ำรวย มีคุณพ่อเป็นหมอและผู้บริหารโรงพยาบาลชื่อดัง แต่แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ ทุกคนเชื่อว่าเป็นเพราะความประมาทของคุณแม่ของเธอ ต่อจากนั้นไม่นานพ่อแม่ของอันซึก็แยกทางกัน แม่ของเธอต้องทุกข์ทรมานจากความรู้สึกผิด และมีอาการความจำเสื่อม ส่วนพ่อไปแต่งงานใหม่กับ มากิโกะ มิตาราอิ แม่ม่ายลูกติดที่เป็นเพื่อนสนิทของแม่ ทำให้อันซึ น้องสาว และแม่ต้องระเห็จออกจากบ้านไป โดยที่อันซึเชื่อเสมอว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นคือมากิโกะ

 

เวลาผ่านไป 13 ปี อันซึกลับไปที่บ้านมิตาราอิอีกครั้ง พร้อมตัวตนใหม่ในฐานะพนักงานทำความสะอาด ในวันนี้มากิโกะกลายเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์และนางแบบชื่อดังด้วยการก๊อบปี้ภาพลักษณ์และไลฟ์สไตล์ของแม่เธอ โดยต้องให้อันซึคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันอันซึก็ปฏิบัติการสืบความลับในบ้านหลังนั้น จนได้พบกับอดีตคนรักคือ คิอิจิ ลูกติดของมากิโกะ ทว่าปัจจุบันเขากลายเป็นคนเก็บตัวอยู่ในห้องมาร่วม 10 ปี ความซับซ้อนเรื่องความสัมพันธ์ยังไม่จบอยู่แค่นั้น เมื่อยูซึน้องสาวของอันซึก็กำลังสานสัมพันธ์กับชินจิน้องชายของคิอิจิอยู่ด้วยเหมือนกัน ซึ่งความสัมพันธ์ของทุกคนจะจบลงอย่างไร และใครเป็นมือวางเพลิงตัวจริง ต้องไปติดตามในซีรีส์

 

 

อ่านจากเรื่องย่อก็ต้องบอกว่า Burn the House Down ครบถ้วนองค์ประกอบความแซ่บสำหรับคอซีรีส์แนวนี้ และดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นของคนดูด้วยบุคลิกตัวละครอันแปลกประหลาด รวมทั้งความร้ายกาจของนางร้าย ในขณะเดียวกันเนื้อเรื่องก็เต็มไปด้วยคำถามและจุดบกพร่องหลายอย่าง จนขาดความกลมกล่อมอูมามิอย่างที่ซีรีส์แนวล้างแค้นควรจะมี 

 

อย่างแรกเลยคือเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ชวนให้ตั้งคำถามว่า ครอบครัวของอันซึมีความสัมพันธ์อย่างไร จริงอยู่ที่เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ต้องลงท้ายถึงขั้นเลิกรากันเชียวหรือ แม้ในตอนท้ายๆ ของซีรีส์จะพยายามหาเหตุผลว่าแม่ของอันซึก็ไม่ได้มีความสุขกับครอบครัวฝั่งสามีสักเท่าไร แต่ก็ไม่มีเหตุผลมากพอที่จะต้องยอมหอบลูกไปลำบากข้างนอก ความเอ๋….(สำเนียงรายการญี่ปุ่น) ยังไม่จบอยู่แค่นั้น เพราะแม้แต่พ่อก็ยังจำอันซึไม่ได้ และถึงจะเลวร้ายแค่ไหนตลอดระยะเวลา 13 ปีจะไม่ได้ติดต่อกับลูกๆ เชียวหรือ ยังไม่นับรวมการก้าวเข้าไปเป็นเมียใหม่ของพ่อ และสมาชิกตระกูลมิตาราอิของมากิโกะ ก็ไม่ได้มีการปูเรื่องราวอย่างที่ควรจะเป็น 

 

 

ส่วนต่อมาคือการวางบุคลิกตัวละครขาดมิติ โดยเฉพาะมากิโกะ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเดินเรื่องที่ออกจะเป็นนางร้ายแบบดาดๆ คือผู้หญิงทะเยอทะยาน ฐานะยากจน และขาดคุณสมบัติที่ดีของผู้หญิงญี่ปุ่นคือความเป็นแม่บ้านรักสะอาด ทำอาหารอร่อย แต่ขยันสร้างภาพเพื่อชื่อเสียง จนแทบหาข้อดีไม่ได้เลย ทั้งที่ซีรีส์สามารถขยี้ได้มากกว่านี้ เพราะการที่ใครสักคนจะขโมยชีวิตของผู้หญิงอีกคนคงต้องอาศัยความซับซ้อนของบุคลิกมากพอสมควร ส่วนตัวละครพ่อของอันซึก็ดูเป็นคนหัวอ่อนจนไร้เหตุผล จริงอยู่ที่ซีรีส์พยายามปูพื้นฐานว่าเป็นผู้ชายที่อยู่ภายใต้เงาผู้หญิงซึ่งก็คือบรรดาพี่สาว รวมทั้งเมียใหม่ แต่ถึงขั้นไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจุดนี้ก็ทำให้รู้สึกไม่อินได้เหมือนกัน

 

ในส่วนของความสัมพันธ์ตัวละครก็ออกมาค่อนข้างงง ทั้งคิอิจิกับแม่ที่ตอนเริ่มต้นเรื่องนำเสนอออกมาน่าติดตาม ในประเด็นความขัดแย้งจนทำให้คิอิจิเกลียดแม่และเก็บตัวอยู่ในห้อง ซึ่งทางฝั่งแม่ก็ดูพออกพอใจกับความสัมพันธ์รูปแบบนี้ และมีบางฉากที่ดูสะใจในความผิดปกติของลูกชาย ก่อนมาเฉลยในตอนท้ายว่าเป็นไปเพราะความรัก จนอาจทำให้คนดูอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘ความสะใจ’ ตอนต้นเรื่องมันคืออะไร และมาได้อย่างไร 

 

 

ความจริงแล้วมีหลายๆ ส่วนที่บทสามารถทำให้มีความซับซ้อนมากกว่านี้ แต่ก็เหมือนจะพอใจพูดถึงเพียงผิวๆ ทั้งซีนการแก้แค้นจากบุคคลที่คาดไม่ถึง รวมทั้งการเฉลยมือวางเพลิงตัวจริงก็ดูขาดเหตุผลสนับสนุนว่าเพราะอะไรถึงยอมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับทั้งที่ทำลายชีวิตคนที่รักไปต่อหน้าต่อตาได้ถึง 13 ปี อาจเพราะซีรีส์ตั้งใจขมวดจบทุกอย่างในสองตอนสุดท้าย และกลัวคนดูไม่เซอร์ไพรส์จนมองข้ามรายละเอียดระหว่างทางอย่างน่าเสียดาย

 

นอกจากการเขียนบทและบุคลิกตัวละคร ปัญหาอีกอย่างคือลักษณะการแสดงโอเวอร์แอ็กติ้งแบบญี่ปุ่นโดยเฉพาะเมื่อมาอยู่ในซีรีส์ล้างแค้นแล้ว บางซีนกลายเป็นดูตลกมากกว่าสะใจ ซึ่งไม่ได้หมายถึงฉากตบตี แต่คือความเหนือชั้นทั้งการวางแผนและจิตวิทยาต่างๆ จนคิดว่าซีรีส์แนวนี้อาจไม่ใช่ทางของญี่ปุ่น (อย่างน้อยๆ ก็ในซีรีส์เรื่องนี้) เท่ากับประเทศกินรสจัดอย่างเกาหลีและไทย

 

โดยภาพรวม Burn the House Down คือซีรีส์ล้างแค้นรสชาติกลางๆ ที่ถ้าหากคุณผ่าน The Glory, Celebrity และ แค้น มาแล้ว ก็อาจแค่รู้สึกแสบๆ คันๆ แต่ถ้าหวังความมัน สะใจ แบบเกาะติดหน้าจอ Burn the House Down คงไม่เหมาะกับคุณ 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising