×

จากสตาร์ทอัพเล็กๆ ที่ไม่แสวงหาผลกำไร สู่บิ๊กเทคเพื่อทำกำไร Sam Altman กำลังพา OpenAI ตามรอยเท้าของ Meta และ Apple สู่การเป็นเจ้าตลาดได้อย่างไร?

12.12.2023
  • LOADING...
OpenAI

HIGHLIGHTS

  • Sam Altman ใช้วิธีการกล่าวสุนทรพจน์แบบ Keynote Speech ที่มีจุดเริ่มต้นมาจาก Steve Jobs ซึ่งสามารถโน้มน้าวให้คนทั่วโลกมีความหลงใหลในสินค้าของ Apple จนกลายมาเป็นหนึ่งในผู้กุมอำนาจของวงการเทค และ Sam ก็กำลังใช้กลยุทธ์เดียวกันกับ OpenAI
  • ความตั้งใจในพันธกิจของ OpenAI เริ่มเปลี่ยนไปนับตั้งแต่บริษัทตกลงรับเงินลงทุนจาก Microsoft ในปี 2019 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร กลายเป็นบริษัทเพื่อกำไรแทน
  • การเปิดตัวของ GPT Store ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้อาจกลายเป็นเหมือนเครื่องมือทำลายสตาร์ทอัพที่ต้องอาศัย ChatGPT ในการสร้างธุรกิจ เพราะเมื่อ GPT Store เปิดให้ใช้งาน มันจะขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศ Generative AI แทนที่ผู้เล่นรายเล็ก
  • OpenAI กำลังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเส้นทางที่บริษัทกำลังจะเดินไปกับจุดต้นกำเนิดที่เคยระบุไว้ว่า มาจากความตั้งใจในการพัฒนา AI เพื่อให้โลกดีขึ้น

Nitasha Tiku นักข่าวสายเทคโนโลยีประจำ Washington Post ได้เผยแพร่บทความวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงของบริษัท OpenAI ด้วยข้อสังเกตที่เห็นได้จากวิธีการทำธุรกิจที่ต่างออกไปจากคำมั่นสัญญาในพันธกิจของบริษัทที่เคยให้ไว้ตั้งแต่วันแรก

 

ณ งานสัมมนา OpenAI DevDay ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก อีเวนต์ที่รวมวิศวกรซอฟต์แวร์และนักวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แถวหน้าของวงการกว่า 1,000 ชีวิต ณ กรุงซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2023 Sam Altman ก้าวขึ้นบนเวทีอย่างมั่นใจ บรรยากาศคล้ายคลึงกับการมาถึงของว่าที่ Steve Jobs คนต่อไป หรืออย่างน้อยก็เหมือนกับลุคของ Mark Zuckerberg ในงานอีเวนต์ Meta Connect ปีนี้

 

งานสัมมนาดังกล่าวเป็นเหมือนสัญญาณที่ OpenAI กำลังบอกถึงความพร้อมเพื่อก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของ Silicon Valley

 

“พลังและความครึกครื้นนี้มันช่างดีเหลือเกิน” Sam Altman เอ่ยปากระหว่างที่เขาเดินขึ้นเวที

 

การกล่าวสุนทรพจน์แบบ Keynote Speech โดยซีอีโอจากบริษัทเทค ถูกทำให้เป็นที่นิยมโดยบุคคลนามว่า Steve Jobs ซึ่งใช้เป็นการพูดสำหรับเปิดตัวสินค้าของ Apple ตั้งแต่ยุคแรกๆ และคำพูดของ Steve Jobs ก็สามารถสร้างความคลั่งไคล้ของผู้คนกับผลิตภัณฑ์ Apple ได้อย่างเหลือเชื่อ จนนำพาบริษัทมาสู่เจ้าตลาดอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และเวลานี้ Sam Altman ก็กำลังใช้วิธีนั้นเช่นเดียวกัน

 

จุดเปลี่ยนของ OpenAI จาก ‘ไม่หวัง’ สู่ ‘เพื่อ’ กำไร

 

OpenAI เริ่มต้นทุกอย่างเป็นวันแรกเมื่อปี 2015 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีจุดประสงค์ต้องการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ออกจากเงื้อมมือบริษัทใหญ่ที่จะพามันไปสู่สภาพตลาดที่ผูกขาด แต่ความตั้งใจนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อบริษัทรับเงินลงทุนจาก Microsoft ในปี 2019 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร กลายเป็นบริษัทเพื่อกำไรแทน

 

ถึงแม้ว่า OpenAI จะยังยืนยันว่าเป้าหมายเดิมของความมุ่งมั่นพัฒนา AI เพื่อ ‘ผลประโยชน์ส่วนรวมของมวลมนุษยชาติ’ จะคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่การกระทำที่ผ่านมากลับสะท้อนว่า ที่แห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการทำงานธุรกิจทั่วไป

 

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา OpenAI เดินหน้าจ้างงานอย่างเต็มสูบ ดึงตัวผู้บริหารจากบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Meta, Apple และ AWS นอกจากนั้นบริษัทยังขยายตัวไปยังซานฟรานซิสโก เมืองแห่งบิ๊กเทคของสหรัฐฯ

 

ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ Sam ได้ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดจาก OpenAI ที่มีชื่อว่า GPTs ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ให้ผู้คนสามารถเข้าไปปรับแต่งแชตบอตตามจินตนาการของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องอาศัยความรู้เรื่องการเขียนโค้ดเลยแม้แต่นิดเดียว พร้อมทั้งยังสามารถสร้างรายได้จากแชตบอตที่ผู้ใช้งานนั้นๆ สร้างขึ้นจากการนำไปเผยแพร่ผ่าน GPT Store ที่ถือเป็นแหล่งรวบรวมแชตบอตที่มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันออกไป เว้นแต่ทุกอย่างจะอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมดูแลของ OpenAI 

 

หากเป็นไปตามแผน GPT Store อาจกลายเป็นเหมือนเครื่องมือทำลายสตาร์ทอัพที่ต้องอาศัย ChatGPT ในการสร้างธุรกิจ เพราะเมื่อ GPT Store เปิดให้ใช้งาน มันจะขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศ Generative AI แทน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีสตาร์ทอัพจำนวนไม่น้อยพยายามหาช่องทางสร้างบริการเพิ่มเติมนอกเหนือจากสิ่งที่ ChatGPT ทำได้ เช่น การสรุปเอกสาร PDF และการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น แต่มีความเป็นไปได้สูงที่ความต้องการเหล่านั้นจะถูกดึงกลับมาสู่มือของ OpenAI เมื่อ GPT Store แล้วเสร็จ ซึ่งไม่ผิดไปจากที่ Apple เคยใช้มาก่อนหน้านี้ในการสร้างแพลตฟอร์มที่ธุรกิจหน้าไหนก็ยากจะหลีกเลี่ยง

 

“การตัดสินใจเปิด GPT Store ซึ่งมีแค่ผู้ใช้งาน ChatGPT Plus เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ก่อให้เกิดแรงจูงใจที่จะทำให้ผู้ใช้งานไม่หนีออกนอกแพลตฟอร์มและเอามูลค่าออกไปด้วย การต่อสัญญาบริการ หรือ Subscribe กับ OpenAI ต่อไปจึงดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลมากที่สุด” Sarah Guo ผู้ก่อตั้งกองทุน AI กล่าวกับ Washington Post

 

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์สายเทคโนโลยีบางคนมองว่า ความสำเร็จที่ท่วมท้นของ ChatGPT เป็นสาเหตุที่ทำให้การ OpenAI ต้องเลือกเดินบนเส้นทางนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากแชตบอตดังกล่าวกลายเป็นเครื่องมือที่มีผู้คนจำนวนมากต้องการใช้มัน

 

อนาคตของ AI สตาร์ทอัพในเงาของ OpenAI

 

OpenAI หวังที่จะคว้าตำแหน่งเบอร์ 1 ในวงการปัญญาประดิษฐ์ด้วยเทคนิคที่คล้ายคลึงกับวิธีที่ Facebook และ Google เคยใช้ เพื่อพาตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุดของอุตสาหกรรมเทค ส่งผลให้ตอนนี้ OpenAI กำลังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเส้นทางที่บริษัทกำลังจะเดินไปกับจุดต้นกำเนิดที่เคยระบุไว้ว่ามาจากความตั้งใจในการพัฒนา AI เพื่อให้โลกดีขึ้น

 

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ OpenAI ดูแล้วจะตรงข้ามกับแนวคิดที่คนในวงการเทคช่วงเวลานี้ต้องการ ซึ่งคือความเปิดกว้าง การกระจายอำนาจ และกฎเกณฑ์ที่ไม่รัดกุมจนเกินไป แต่การขยับตัวของบริษัท AI ยักษ์ใหญ่นี้ก็ก่อให้เกิดการตรวจสอบที่อาจนำไปสู่การออกกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการผูกขาด ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นประโยชน์กับผู้เล่นรายเล็ก แต่เหล่า AI สตาร์ทอัพ กลับมองว่านี่คืออุปสรรคและข้อจำกัดที่มีผลเสียมากกว่าผลดีในแง่ของการเปิดรับนวัตกรรมใหม่ๆ

 

Marc Andreessen สมาชิกบอร์ดบริหารของ Meta กล่าวประณาม Sam Altman ในประเด็นที่ซีอีโอของ OpenAI พยายามที่จะใช้ข้อกฎหมายในการกีดกันการแข่งขัน และยังมี Bill Gurley ที่เสริมเรื่องนี้ในรายการ All-In Podcast ว่า “กฎหมายเพื่อควบคุมดูแลมีไว้เพื่อปกป้องผู้เล่นที่อยู่ในตลาดอยู่แล้ว”

 

ท่ามกลางคำวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย Sam Altman ยังคงยืนหยัดและมองไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการเห็นเทคโนโลยี AI สร้างประโยชน์ให้กับโลก “ผมคิดว่านักพัฒนาหลายๆ คนจะต้องยินดีกับการที่เวอร์ชันของ ChatGPT ที่พวกเขาสร้างถูกเผยแพร่ไปสู่ผู้คนในวงกว้างมากขึ้น”

 

คำกล่าวนี้ของ Sam Altman อาจถูกตีความได้สองแง่มุม มุมหนึ่งเป็นเรื่องของการสร้างชื่อเสียงให้กับนักพัฒนาให้เป็นที่รู้จักโดยการส่งต่อผลงานของตัวเองให้คนทั่วโลกได้รับรู้ แต่อีกมุมที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไรก็คือ สัญญาณที่กำลังส่อถึงความเพิกเฉยในความเสี่ยงและเลือกที่จะมองเหรียญด้านเดียว

 

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร แนวโน้มที่ OpenAI จะเดินหน้าแผนเปิดตัว GPT Store ที่จะมาในต้นปี 2024 คงจะไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งก็จะเป็นผลให้สตาร์ทอัพ AI ที่ไม่สามารถหาโซลูชันที่แตกต่างได้ต้องหายจากไป

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising