การลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก เพื่อส่งคืนที่ดินราชพัสดุรวมเกือบ 1 ล้านไร่ และสวัสดิการเชิงธุรกิจของกองทัพ
ปฏิเสธได้ยากว่านี่คือปฏิกิริยาตอบรับจากเหตุการณ์กราดยิงโคราชซึ่งมีสาเหตุจากปัญหาในกองทัพบก แม้ พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง จะยืนยันว่ามีการหารือและเตรียมทำเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้
พล.อ. ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เสนาธิการทหารบก แถลงข่าวร่วมกันหลังพิธีลงนามใน MOU ว่าเรื่องสวัสดิการเป็นสิ่งที่กองทัพบกดำเนินการมาตั้งแต่ในอดีต เริ่มจากการดูแลกำลังพล ขยายตัวมาสู่ประชาชนทั่วไป สิ่งนี้เป็นสิ่งที่กองทัพบกตระหนัก เพราะทราบว่าเป็นพื้นที่ของแผ่นดิน
“สิ่งที่จะยืนยันคือไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการในลักษณะใด ทั้งการดำเนินการภายในหน่วยหรือสวัสดิการเชิงธุรกิจ กำลังพลและครอบครัวของกองทัพบกยังคงได้รับสิทธิค่าใช้บริการในอัตราที่ได้รับการลดราคา” พล.อ. ธีรวัฒน์ กล่าว
.
สำหรับสวัสดิการในกองทัพบกมี 2 อย่างคือสวัสดิการภายในหน่วยกับสวัสดิการเชิงธุรกิจ โดยจะมีการกำหนดลักษณะ ซึ่งกรณีถ้ามีประชาชนใช้บริการเกินกว่า 50% ก็จะเป็นสวัสดิการเชิงธุรกิจ โดยจากนี้กรมธนารักษ์จะไปตรวจสอบร่วมกับกองทัพบกว่ามีสิ่งใดที่เข้าข่ายเป็นสวัสดิการเชิงธุรกิจ
แต่ในชั้นต้นจะมีการจัดสวัสดิการเชิงธุรกิจที่จะขอกรมธนารักษ์ 40 กว่าโครงการ ซึ่งจะเสนอให้อธิบดีกรมธนารักษ์พิจารณาเป็นกรณีๆ ไป
ประสงค์กล่าวถึงการจัดเก็บรายได้ด้วยว่ากองทัพบกจะจ่ายให้กรมธนารักษ์ ส่วนกำไรจากกิจการจะนำเข้ากองสวัสดิการกลางของกองทัพบก
นักข่าวถามด้วยว่ารายได้จากสวัสดิการเชิงพาณิชย์ทั้งหมดรวมเป็นกี่พันล้านบาทต่อปี
พล.อ. ธีรวัฒน์ กล่าวว่า “ไม่ถึงหรอก การจัดการเราไม่ใช่มืออาชีพ รายได้จึงไม่มากนัก”