×

One Piece’s Day: ชุดที่ 1

22.07.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • จะมีคอนเทนต์แบบนี้ปล่อยตลอดทั้งวันที่ 22 กรกฎาคม (มีประมาณ 15 ชิ้น) นะครับ 
  • ทยอยปล่อยตามลำดับทีละ 1 เรื่อง หลังจากคอลัมน์ Tip 
  • ทำเป็นเวอร์ชันเว็บไซต์ด้วย แต่ไม่ต้องแปะโควตในภาพเปิด ใช้เฉพาะประโยคโควตมาตั้งเป็นชื่อบทความ

 

“สมบัติของข้าหรือ ถ้าอยากได้ก็จะยกให้ ลองหาดูสิ ข้าได้นำทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไปไว้ ณ ที่แห่งนั้นแล้ว”

 

สิ้นเสียงประโยคสุดท้ายที่ตะโกนก้องสุดขอบฟ้าของ โกล ดี. โรเจอร์ โลกก็ได้อ้าแขนต้อนรับยุคสมัยแห่งโจรสลัด พร้อมกับชีวิตของเจ้าแห่งโจรสลัดผู้พิชิตท้องทะเลสิ้นสุดลง และเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ One Piece กลายเป็นหนึ่งใน ‘ตำนาน’ ของวงการมังงะ ที่ครบรอบวันที่เริ่มตีพิมพ์ในนิตยสาร Shonen Jump ในวันนี้ (22 กรกฎาคม 1997) เมื่อ 23 ปีที่แล้ว 

 

แม้ร่างกายจะจากไป แต่จิตวิญญาณของ โกล ดี. โรเจอร์ ยังคงถูกสืบทอด เหล่าโจรสลัดนักล่าฝันจากทั่วทุกมุมโลกส่งเสียงป่าวร้อง กางเรือใบ เสียงชีวิต ออกผจญภัยไปสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่เพื่อตามหามหาสมบัติ One Piece ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก 

 

รวมทั้ง ‘ความจริง’ ที่ถูกทำให้เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ จอยบอยคือใคร, ตระกูล ‘ดี’ มีความสำคัญอย่างไรในประวัติศาสตร์, รัฐบาลโลกหวาดกลัวและปกปิดสิ่งใดเอาไว้ในเบื้องหลังช่วงเวลา 100 ปีที่หายไป และมหาสมบัติ One Piece ที่หลายคนยอมแลกชีวิตเพื่อตามหาคืออะไรกันแน่ ฯลฯ 

 

คำตอบสุดท้ายของคำถามทั้งหมด รอเหล่านักผจญภัยแห่งท้องทะเลอยู่ ณ เกาะสุดท้ายปลายทางแห่งความฝัน โกล ดี. โรเจอร์ และลูกเรือเป็นเพียงคนกลุ่มเดียว (ที่ไม่ใช่คนของรัฐบาลโลก) หลังจากเดินทางไปถึงเกาะสุดท้าย และล่วงรู้ ‘ความจริง’ ที่ถูกทำให้หายไปตลอดระยะเวลา 800 ปี 

 

ณ วันที่เขาและลูกเรือล่วงรู้ความจริงทุกอย่าง โรเจอร์และพวกพ้องได้เปล่งเสียงหัวเราะกันออกมาอย่างสุดชีวิต พร้อมกับตั้งชื่อดินแดนแห่งความลับนั้นว่า ‘ลาฟเทล’ ดินแดนที่ซุกซ่อน ‘ความจริง’ บางอย่างที่ทำให้คนที่ไปถึงทำได้เพียง ‘หัวเราะ’ ออกมา

 

มหาสมบัติ และความจริงเพียงหนึ่งเดียว ที่ไม่อาจรับรู้ได้ด้วยคำบอกเล่า นอกจากเหล่านักผจญภัยทั้งหลาย ต้องค้นหาและไปพบเจอสิ่งนั้นด้วยพลังของตัวเอง 

 

เหล่านักผจญภัยแห่งท้องทะเลทั้งหลายต้องค้นหาสิ่งนั้นด้วยพลังของตัวเอง

 

#วันพีซเป็นมากกว่าการ์ตูน #OnePieceDay #OnePiece23Years 

 

 

ย้อนกลับไปตอนลูฟี่เป็นเด็กน้อยอายุ 7 ขวบ ที่เชื่อว่าตัวเองแข็งแกร่ง ไม่เกรงกลัวสิ่งใด พร้อมออกเดินทางในฐานะโจรสลัด ระหว่างที่กลุ่มโจรสลัดผมแดงกำลังสังสรรค์อยู่ในร้านเหล้าเล็กๆ แล้วมีกลุ่มโจรภูเขามาก่อกวน ฟาดขวดเหล้าเข้าไปที่ตัวของแชงก์สแบบเต็มแรง 

 

แทนที่จะโกรธ แชงก์สและเพื่อนๆ กลับระเบิดเสียงหัวเราะอย่างเริงร่า อาสาเก็บกวาดเช็ดพื้นให้เรียบร้อย แล้วปล่อยให้เรื่องผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นฝ่ายเด็กน้อยลูฟี่ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยซ้ำที่โกรธแทนเป็นฟืนเป็นไป และผิดหวังเหลือเกินว่า ทำไมโจรสลัดที่เขาเคารพถึงได้อ่อนแอและไร้ศักดิ์ศรีได้ถึงเพียงนี้ 

 

แต่อีกมุมหนึ่งที่ลูฟี่ยังเด็กเกินกว่าจะรับรู้ การตอบโต้ด้วยเสียงหัวเราะที่เรียบง่ายของแชงก์สต่างหากคือการแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของ ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ อย่างแท้จริง เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะถือสาเอาความกับโจรกระจอก ที่ยิ่งต่อสู้ก็มีแต่จะทำให้ร้านเหล้าที่พวกเขาชื่นชอบถูกทำลายลงเท่านั้น

 

ใครจะทำอย่างไรกับแชงก์สก็ได้ ขอแค่อย่างเดียวคือ อย่าได้คิดทำร้าย ‘พวกพ้อง’ ของเขาเป็นอันขาด และเมื่อโจรภูเขาล้ำเส้นต้องห้ามนั้นขึ้นมาจริงๆ แชงก์สและลูกเรือที่ดูภายนอกเหมือนจะไม่เอาไหน ก็แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวและเด็ดขาดของโจรสลัดที่เดิมพันชีวิตไว้กับท้องทะเลได้ทันที 

 

เช่นเดียวกับตอนที่แชงก์สเอาตัวเข้าปกป้องลูฟี่จากเจ้าแห่งท้องทะเลโดยไม่ลังเล  ไม่มีท่าทางโกรธเกรี้ยวและเสียดายเมื่อต้องสูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง มีเพียงรอยยิ้มและคำปลอบใจที่แสนอ่อนโยนให้กับเด็กน้อยผู้อ่อนเดียงสา 

 

“ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้หรอกนะ คุ้มแล้วล่ะ แขนแค่ข้างหนึ่ง แลกกับที่เธอปลอดภัย”

 

เพราะการหัวเราะได้ในช่วงเวลาที่ไม่มีประโยชน์ โกรธเฉพาะกับเรื่องที่ไม่อาจให้อภัย และเสียสละปกป้องพวกพ้องโดยไม่เสียดายชีวิตนี่ล่ะ 

 

คือหนึ่งในคุณสมบัติของ ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ อย่างแท้จริง

 

#วันพีซเป็นมากกว่าการ์ตูน #OnePieceDay #OnePiece23Years 

 

 

ถึงแม้ดูภายนอกบูโดลจะดูเหมือนคุณลุงใส่แว่น ร่างกายผอมแห้ง ดูไกลๆ เหมือนเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่ใช้เวลามากกว่าครึ่งชีวิตร่วมมือกับทุกคนสร้างเมืองออเรนจ์ทาวน์ขึ้นมา และได้รับการยอมรับจากชาวเมืองให้เป็น ‘นายกเทศมนตรี’ ดูแลความเป็นอยู่ของผู้คนอย่างสงบสุข 

 

แต่เมื่อถึงเวลาคับขัน เมืองออเรนจ์ถูกกลุ่มกัปตันบักกี้และกลุ่มโจรสลัดตัวตลกรุกราน ทั้งทำลายบ้านที่ทุกคนร่วมสร้างกันมา เผาร้านขายอาหารสัตว์ของเพื่อนรัก ที่เจ้าหมาชูชูเสี่ยงชีวิตปกป้องเอาไว้ 

 

“พวกชาวเมืองกับเมืองนี้คือสมบัติของฉัน ถ้าปกป้องเมืองของตัวเองไม่ได้จะมีหน้าเป็นนายกฯ (เทศมนตรี) ได้อย่างไร” 

 

เขาก็พร้อมที่จะหยิบอาวุธ คว้าชุดเกราะ เสี่ยงชีวิตบุกไปต่อสู้ (แต่ถูกลูฟี่ใช้กำลังหยุดไว้ก่อน) ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีทางเอาชนะปีศาจอย่างบักกี้ได้ สุดท้ายความพยายามปกป้องเมืองจากใจจริงของบูโดลก็ทำให้ชาวบ้านที่ถูกกดขี่ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมาปกป้องเมืองของพวกเขาด้วยเหมือนกัน 

 

และในตอนสุดท้าย เมื่อรู้ว่านายกเทศมนตรีถูกลูฟี่ซัดจนสลบ ทุกคนในเมืองโกรธมาก พร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตไล่ทำร้ายลูฟี่ที่เพิ่งประกาศตัวว่าเป็นโจรสลัดกันทันที 

 

“เป็นเมืองที่ดีนะ เพราะทุกคนโกรธได้ถึงขนาดนั้น เมื่อมีคนมาทำร้ายลุง”

 

กลายเป็นอีกหนึ่งฉากที่น่ารัก ประทับใจ แต่อ่านแล้วก็เศร้าจากการ์ตูนเรื่อง One Piece เพราะในขณะที่ชาวเมืองออเรนจ์มีคุณลุงบูโดลผู้น่ารักเป็นนายกฯ คอยดูแล และพร้อมโกรธทุกคนที่เข้ามาทำร้าย 

 

ไม่เหมือน ‘ลุง’ อีกหลายๆ คนในอีกดินแดนหนึ่ง ที่มักจะก่อเรื่องและกลายเป็นต้นเหตุทำให้ประชาชน ‘โกรธ’ ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมาทำร้ายเลยด้วยซ้ำ 

 

#วันพีซเป็นมากกว่าการ์ตูน #OnePieceDay #OnePiece23Years 

 

 

“ทุกคนหนีเร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มีโจรสลัดบุกเข้ามาในหมู่บ้าน”

 

ถ้าเดาจากชื่อ ‘อุซป’ ที่ผสมมาจากคำว่า ‘อีสป’ นักเล่านิทานชาวกรีก กับคำว่า อุโซะ (嘘) ที่แปลว่า โกหก และจมูกที่ยื่นยาวเหมือนพินอคคิโอ ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่านี่คือการโกหกคำโตที่ไม่มีคนสนใจของเด็กหนุ่มผมหยิก หน้ารูปไข่ แห่งหมู่บ้านไซรัป จากเรื่อง One Piece

 

ยกเว้นเพียงคนเดียวคือ คายะ คุณหนูที่ป่วยหนัก สภาพจิตใจย่ำแย่หลังจากสูญเสียพ่อแม่ ที่ได้ ‘เรื่องเล่า’ เกี่ยวกับสัตว์ประหลาด การผจญภัยสุดแฟนตาซีที่ไม่เคยออกไปเห็นด้วยตาของอุซปมาเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เยียวยาหัวใจเหี่ยวเฉาให้คายะอยากมีชีวิตต่อไปได้เสมอ 

 

กระทั่งวันหนึ่งที่แผนชั่วร้ายของคุระ ฮาโดล คือ คุโระ จอมร้อยเล่ห์ อดีตหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดแมวดำ ที่แฝงตัวมาดูแลคายะเพราะหวังสมบัติถูกเปิดเผย คำโกหกของเขากลายเป็นเรื่องจริงเป็นครั้งแรก หากแต่นั่นเป็นเพียงเรื่องเดียวที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น 

 

“ทุกคนหนีเร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มีโจรสลัดบุกเข้ามาในหมู่บ้าน”

 

และแน่นอนว่าไม่มีคนในหมู่บ้านเชื่อคำพูดนั้น สุดท้ายกลายเป็น ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ คนนี้ที่ต้องร่วมมือกับลูฟี่ โซโล นามิ และเด็กน้อยสมาชิกกลุ่มโจรสลัดอุซปเสี่ยงชีวิตปกป้องหมู่บ้านจนสำเร็จ 

 

“ฉันคือนักรบแห่งท้องทะเลผู้ห้าวหาญ ฉันชอบหมู่บ้านนี้มาก ฉันอยากปกป้องทุกคน จะไม่ยอมให้พวกแกแตะต้องคนในหมู่บ้านได้แม้แต่ปลายนิ้ว” 

 

ครั้งนี้สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง!

 

สุดท้าย แม้แต่เด็กขี้โกหกอย่างอุซปก็ยังรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะ ‘สร้างเรื่อง’ โกหกขึ้นมาเรื่อยๆ ยกเว้นเสียแต่ว่าเขาจะพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองว่า สิ่งที่พูดมาเป็นความจริง

 

ถ้าไม่มีเรื่องโกหก ก็ออกไปผจญภัย ไปมองเห็นด้วยตา สัมผัสด้วยกาย รับรู้ด้วยใจ ว่าโลกใบนี้มี ‘ความจริง’ อีกมากมายรอให้เขาไปค้นพบ และเอากลับมาเล่าให้ทุกคนฟังโดยไม่ต้องสร้างเรื่องขึ้นมา

 

“ตอนที่ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้ง ไว้ฉันจะเล่าการผจญภัยที่ดูยิ่งใหญ่กว่าการโกหกให้ฟังนะ” 

 

เรายังไม่รู้ว่าสุดท้ายเขาจะได้กลับมาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคายะได้เมื่อไร 

 

แต่เรามั่นใจได้ว่า นี่เป็นอีกครั้งที่เจ้าแห่งคำโกหกพูด ‘ความจริง’

 

#วันพีซเป็นมากกว่าการ์ตูน #OnePieceDay #OnePiece23Years

 

 

ทันทีที่พูดจบประโยค ‘ดาบดำ’ ของ ดราคูล มิฮอว์ก ผ่ากลางหน้าอก พร้อมเลือดที่กระเด็นออกมาเป็นสาย แม้ดาบดำของนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกจะไม่ได้ตัดเข้าไปที่ขั้วหัวใจ แต่รสชาติของความเจ็บปวด เมื่อความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ก็ทำให้ ‘ความฝัน’ ของการอยากเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของ โรโรโนอา โซโร อดีตนักล่าโจรสลัดผู้ห้าวหาญ ก็แหลกสลายลงในพริบตา 

 

เมื่อความฝันถูกเหยียบย่ำ หลายคนอาจเลือกที่จะทิ้งความปรารถนา ใช้ชีวิตเพียงเพื่อให้อยู่รอดอย่างเจ็บปวดน้อยที่สุด แต่ไม่ใช่กับ โรโรโนอา โซโร ที่ชูดาบขึ้นฟ้า เลือดท่วมกาย น้ำตาลูกชายนองหน้า ประกอบเศษหัวใจที่แหลกสลายขึ้นมาใหม่ พร้อมเอ่ยสัญญากับลูฟี่ ‘ว่าที่’ เจ้าแห่งโจรสลัดที่เพิ่งพบกันได้ไม่นานว่า 

 

“ลูฟี่ เมื่อกี้คงทำให้นายไม่สบายสินะ จากนี้ไปฉันจะไม่แพ้ใครอีกเป็นครั้งที่ 2 จนกว่าจะถึงวันที่เอาชนะหมอนั่น และได้กลายเป็นนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ ฉันจะไม่แพ้ใครอย่างเด็ดขาด มีปัญหาอะไรไหม เจ้าแห่งโจรสลัด” 

 

“ไม่มี” ลูฟี่ยิ้มตอบรับคำสัญญานั้นด้วยรอยยิ้ม และคำพูดสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความเชื่อใจในตัวเพื่อนรัก 

 

การเจอกำแพงของคำว่า ‘แข็งแกร่งที่สุด’ ทำให้พวกเขารู้ดีว่าโลกใบนี้ช่างยิ่งใหญ่ ทั้งคู่เป็น ‘ละอองของฟองคลื่น’ ไร้พลังในมหาสมุทร ที่สักวันจะเติบโต แข็งแกร่ง กลายเป็น ‘คลื่นยักษ์’ ที่พร้อมจะซัดใส่ทุกคนที่ขวางหน้า 

 

แม้กระทั่งชายตาเหยี่ยวที่เพิ่งฝังรอยดาบที่จะติดตัวโซโรไปตลอด ยังยอมรับในความเข้มแข็งและหัวใจของนักดาบรุ่นน้อง ที่วันหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาแย่งชิงตำแหน่ง ‘นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุด’ กับเขาในอนาคต 

 

“เจ้าหนุ่มน้อย จงอย่าใช้ชีวิตรีบร้อนเกินไป ชื่อของข้าคือ ดราคูล มิฮอว์ก มันเร็วเกินไปที่เจ้าจะต้องมาตาย จงรู้จักโลก รู้จักตัวเอง แล้วจงเข้มแข็งขึ้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่เดือนกี่ปี ข้าจะครองตำแหน่งผู้เก่งกาจที่สุดในโลกรอเจ้า ฝึกฝนตัวเอง ฝึกฝนใจ แล้วลองก้าวข้ามดาบนี้ไปให้ได้ จงแกร่งก้าวข้ามข้าคนนี้ให้ได้ดูสิ โรโรโนอา”

 

หลังจบเหตุการณ์นั้น โซโรออกเดินทางพร้อมลูฟี่และเพื่อนพ้องในฐานะหน่วยต่อสู้ สมาชิกคนที่ 2 ของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง เสี่ยงชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน ฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก เพื่อกลับไปพิชิตความฝันที่อยู่ห่างออกไปจนแทบมองไม่เห็นฝั่งอย่างไม่เคยลังเล 

 

หากความพ่ายแพ้คือสัญลักษณ์ของความอ่อนแอ โซโรคือคนอ่อนแอที่มีหัวใจเข้มแข็งมากที่สุด และเป็นลูกผู้ชายที่ใช้ชีวิตได้อย่างสง่างาม น่าภาคภูมิใจ ไม่มีบาดแผลใดทำให้เขาต้อง ‘อับอาย’ ได้อีกต่อไป (ถ้าไม่นับเรื่องหลงทาง!)

 

#วันพีซเป็นมากกว่าการ์ตูน #OnePieceDay #OnePiece23Years

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising