Speedmaster คือตำนานของ OMEGA นี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เพราะยิ่งค้นหาภูมิหลังของ Speedmaster มากเท่าไร เราก็ยิ่งได้ค้นพบเรื่องราวน่าสนใจที่สลักหลังอยู่บนนาฬิกาเรือนนี้มากเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ Speedmaster เป็นดั่งลูกรักของค่าย OMEGA มักถูกหยิบยกมาพัฒนาเป็นคอลเล็กชันสำคัญมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดกับรุ่น OMEGA Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary
ทันทีที่ถูกเผยโฉม OMEGA Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary ก็ขึ้นแท่นเป็นนาฬิกาเนื้อหอมที่อยู่ในความสนใจของคนรักนาฬิกาทั่วโลก เพราะนอกเหนือจากคาแรกเตอร์การ์ตูนอมตะอย่าง สนูปี้ (Snoopy) ที่ประทับอยู่บนหน้าปัดและด้านหลังตัวเรือนแล้ว ยังประกอบร่างด้วยรายละเอียดน่าทึ่งในทุกๆ ด้าน ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้นาฬิกาเรือนนี้น่าครอบครองไม่เป็นรองนาฬิกาในตำนานรุ่นใดๆ ในโลก ที่แม้ว่าราคาจะเทียบเคียงได้กับรถยนต์ขนาดเล็กคันหนึ่ง แต่ก็เร้าความรู้สึกให้คนรักนาฬิกาอยากไขว่คว้ามาครอง
และนี่คือความหมายเหนือมูลค่าของ OMEGA Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary ที่เราอยากจะบอกคุณ
1. สุดยอดกลไกเหนือตำนาน
OMEGA เปิดหน้าประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ปี 1848 ถ้านับถึงปัจจุบัน (ปี 2020) ก็จะเป็นตำนานที่มีอายุ 172 ปี ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ศตวรรษของ OMEGA เต็มไปด้วยเรื่องราวของการพัฒนากลไกอย่างไม่หยุดยั้ง หลายครั้งที่ OMEGA สร้างนาฬิกาที่อาจเรียกได้ว่า ‘มาก่อนกาล’ เพราะต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดของยุคสมัย จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมแห่งความเที่ยงตรงมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งหนึ่งในรุ่นที่เป็นบทพิสูจน์ของ OMEGA ก็คือ Speedy หรือ Speedmaster นาฬิกาที่ปลดแอกระบอบเดิมๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นความต้านทานสนามแม่เหล็กจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หรือแม้แต่สมรรถนะในการป้องกันแรงกระแทกจากไลฟ์สไตล์ที่โลดโผนโจนทะยาน ฯลฯ ทำให้ Speedy สอบผ่านกฎนาซ่า กระทั่งได้ฉายาว่า Moonwatch เพราะเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ได้ขึ้นไปบนดวงจันทร์
ความเที่ยงตรงของเวลานำพามาสู่กลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 3861 ใน OMEGA Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary ที่มีความโดดเด่นในการช่วยลดการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในและทำให้นาฬิกาทำงานอย่างสมบูรณ์แบบทุกสถานการณ์ ซึ่งกลไกของ Speedy รุ่นนี้ได้รับการยกระดับขั้นสุดจนเป็น Master Chronometer เหนือกว่านาฬิกาสัญชาติสวิสชั้นนำอื่นๆ ที่อ้างอิงมาตรฐานความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ของสถาบัน COSC (Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres) ที่ริเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 1973 หรือกว่า 47 ปีที่แล้ว
การพัฒนากลไกเหนือตำนานของ OMEGA Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง OMEGA และสถาบันมาตรวิทยาแห่งสหพันธ์สวิส หรือ METAS (Swiss Federal Institute of Metrology) ที่ระดมพลังกันทดสอบกลไกภายใต้เงื่อนไขมหาโหดถึง 8 ข้อ ได้แก่ การทดสอบกลไกภายใต้สนามแม่เหล็กเข้มข้น 15,000 เกาส์ หรือเทียบเท่าเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI), ทดสอบประสิทธิภาพของระบบกันน้ำภายใต้แรงดันน้ำมหาศาล, ทดสอบประสิทธิภาพการสำรองพลังงานของกลไก, ทดสอบการทำงานในตำแหน่งต่างๆ ภายใต้อุณหภูมิสุดขั้วทั้งเย็นจัดและร้อนจัด ฯลฯ จึงไม่น่าแปลกใจหากความเข้มข้นเหล่านี้จะหล่อหลอมให้กลไกชุดนี้เป็นที่สุดแห่งประสิทธิภาพที่นาฬิกาเรือนหนึ่งจะมีได้
2. เรื่องราวของตำนานที่ไม่อาจลบเลือน
เรื่องราวในการร่วมสำรวจอวกาศกับองค์การนาซ่าของ Moonwatch ยังคงเป็นที่กล่าวขานจากรุ่นสู่รุ่น เพราะไม่เพียงแค่เป็นบทพิสูจน์ของนาฬิกาที่มีกลไกเก่งกาจอย่างยอดเยี่ยม หากแต่นี่คือบันทึกหน้าสำคัญของประวัติศาสตร์ว่านาฬิกาเรือนหนึ่งเคยอยู่เคียงข้างนักบินอวกาศและร่วมภารกิจจนสำเร็จลุล่วง
ความเชื่อมโยงกับอวกาศของ Speedmaster เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่นักบินอวกาศ วอลเตอร์ ไซร์รา เลือกสวมนาฬิกาเรือนนี้ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจโครงการ Mercury ในปี 1962 ซึ่งหลังเสร็จสิ้นโครงการ เขาก็ได้ขอให้ฝ่ายปฏิบัติการองค์การนาซ่าคัดเลือกนาฬิกาสำหรับฝึกบินและการบินอวกาศอย่างเป็นทางการ ทำให้เกิดการทดสอบนาฬิกาที่เหมาะสมขึ้นในอีก 2 ปีถัดมา ซึ่ง OMEGA Speedmaster คือหนึ่งในนั้น โดยหลังจากที่ผ่านบททดสอบอันเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นความทนทานต่ออุณหภูมิต่ำสุดถึงสูงสุด, ความชื้น, ระดับออกซิเจน, การสั่นสะเทือนขนาด 40G, แรงกดดันระดับต่ำถึงสูงและการเผชิญเสียงรบกวน, ระบบการจับเวลาโครโนกราฟต่อเนื่องยาวนาน 7 ชั่วโมง ในที่สุด Speedmaster ก็ได้ครองตำแหน่งเป็นนาฬิกาที่นาซ่าประกาศรับรองอย่างเป็นทางการเพียงหนึ่งเดียว
หลังจากนั้น บัซ อัลดริน หนึ่งในนักบินอวกาศที่ร่วมภารกิจ Apollo 11 ก็เลือกที่จะใส่ OMEGA Speedmaster ลงไปเดินเล่นบนดวงจันทร์ นั่นคือที่มาของชื่อ Moonwatch ที่ชาวโลกจดจำมาจนถึงปัจจุบัน ไม่เพียงแค่นั้น Speedy ยังเคยอยู่ในโครงการ Apollo 13 ช่วยเหลือนักบินอวกาศจากอุบัติเหตุจนกลับสู่โลกอย่างปลอดภัย รวมถึง Apollo 17 ภารกิจพานักบินไปดวงจันทร์ครั้งสุดท้าย
นอกเหนือจากเรื่องราวบนห้วงอวกาศ OMEGA ยังเคยสร้างตำนานในฐานะนาฬิกาที่เดินทางจากขั้วโลกเหนือสู่ขั้วโลกใต้เป็นเรือนแรก เพราะไปอยู่บนข้อมือของ ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ ผู้ที่ได้รับจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ว่าเป็นมนุษย์ที่เดินเท้าไปเหยียบทวีปแอนตาร์กติกาอันแสนเย็นยะเยือกได้เป็นผลสำเร็จอีกด้วย
3. ตำนานแห่งเกียรติยศ
ความพิเศษของ OMEGA Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary คือการเป็นตัวแทนฉลองครบรอบ 50 ปีของการกอบกู้ยาน Apollo 13 ให้ผ่านช่วงเวลาวิกฤต คำถามคือทำไมต้องเป็นสนูปี้ คาแรกเตอร์นี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับองค์การนาซ่า รวมถึง OMEGA มีภารกิจอะไรกับโครงการ Apollo 13 คำตอบอยู่ในบรรทัดถัดไปนี้
สายสัมพันธ์ขององค์การนาซ่าและสนูปี้เริ่มต้นในยุค 1960 เมื่อ ชาร์ลส์ ชูลซ์ ผู้ให้กำเนิดตัวการ์ตูนสนูปี้เลือกที่จะวาดตัวละครเอกของเขาให้สวมชุดอวกาศ พร้อมบอกเล่าเรื่องราวโครงการ Apollo 10 ที่เป็นภารกิจสำรวจดวงจันทร์ให้เข้าใจง่าย ทำให้คนอเมริกันรู้จักภารกิจนี้อย่างกว้างขวาง เมื่อนาซ่าริเริ่มโครงการ Watchdog เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องความปลอดภัย จึงได้เลือกใช้สนูปี้เป็นสัญลักษณ์ของโครงการ ตัวนักบินอวกาศเองก็ผูกพันกับคาแรกเตอร์นี้โดยไม่รู้ตัว ถึงกับตั้งชื่อเล่นให้ยานส่วนควบคุมในโครงการ Apollo 11 ว่าชาร์ลี บราวน์ และตั้งชื่อยานลูน่าโมดูลว่าสนูปี้ ตัวการ์ตูนน้องหมาบีเกิลหูดำตัวขาวจึงผูกพันกับองค์การนาซ่ามานับแต่นั้น
ในขณะที่เหตุการณ์ที่ Speedmaster เข้าไปมีส่วนร่วมมากกว่าการเป็นแค่นาฬิกาข้อมือเกิดขึ้นเมื่อปี 1970 เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับยาน Apollo 13 จนนักบินต้องเอาชีวิตรอดด้วยการลำเลียงตัวเองออกจากยานหลักไปอยู่ยานลูน่าโมดูลก่อนที่จะระเบิด ซึ่งเป็นยานขนาดเล็กที่มีทรัพยากรอยู่อย่างจำกัดมาก เรียกว่าไม่เพียงพอในการรองรับชีวิตนักบินอวกาศพร้อมๆ กันหลายคนก็ว่าได้ ดังนั้นนักบินอวกาศจึงต้องประหยัดทรัพยากร ปิดระบบที่ไม่สำคัญเกือบทั้งหมด แม้แต่นาฬิกาดิจิทัล เพื่อให้เหลือพลังงานเพียงพอสำหรับการติดต่อสื่อสารและกลับสู่โลก ตอนนั้น OMEGA Speedmaster เป็นนาฬิกาเพียงเรือนเดียวที่ยังคงทำหน้าที่บอกเวลา และได้พิสูจน์ความเที่ยงตรงในการแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้ยานออกนอกเส้นทางจนอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่ง Speedmaster ช่วยพลิกสถานการณ์ นำพานักบินอวกาศกลับสู่โลกอย่างปลอดภัยภายใต้ขีดเวลาที่กำหนดไว้ 14 วินาทีได้เป็นผลสำเร็จ
เพื่อรำลึกถึงภารกิจสุดท้าทาย และเป็นการขอบคุณผู้มีส่วนร่วม องค์การนาซ่าจึงมอบรางวัลพิเศษ Silver Snoopy Award แด่ OMEGA ในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่มีส่วนช่วยเหลือนักบินอวกาศ Apollo 13 โดยนำสนูปี้ในชุดนักบินอวกาศมารังสรรค์เป็นเข็มกลัดเงินมอบให้พร้อมประกาศนียบัตร และนับแต่นั้น OMEGA และสนูปี้จึงหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวจนออกมาเป็นคอลเล็กชันทรงคุณค่ารุ่นล่าสุด
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลของความคุ้มค่าในการครอบครอง OMEGA Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary ที่ตัวเลขมูลค่าก็ไม่อาจเทียบเคียงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อันเป็นบ่อเกิดของตำนานเรือนเวลาเรือนนี้ได้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์