×

โอลิเวอร์ แบร์แมน หนุ่มหน้าใสเด็กมหัศจรรย์คนใหม่ของทีมเฟอร์รารี

13.03.2024
  • LOADING...
โอลิเวอร์ แบร์แมน

HIGHLIGHTS

4 MIN READ
  • การป่วยกะทันหันของ คาร์ลอส ไซน์ซ นักขับตัวจริงที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งด่วน ทำให้เขาไม่สามารถลงสนามได้ นั่นทำให้แบร์แมน ในฐานะของนักขับสำรองของทีม ต้องรับหน้าที่แทน โดยที่มีเวลาในการเตรียมตัวน้อยนิด แถมยังต้องขับรถของรุ่นพี่ที่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสำหรับนักขับแล้วรถแข่งต้องเชื่อมโยงกันถึงจิตวิญญาณ
  • ความเป็นไปได้มากที่สุดในอนาคตอันใกล้คือฮาสที่แบร์แมนมีชื่อเป็นนักขับสำรองอยู่แล้ว หรืออาจจะเป็นซอเบอร์ในแบบเดียวกับเลอแกลร์กที่เคยไปขับให้ในปี 2019 ซึ่งการเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมเหล่านี้ก่อนถือเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน

‘A Star is Born’ ดาราคนใหม่ได้ถือกำเนิดแล้ว

 

คำพูดนี้มาจาก เดมอน ฮิลล์ นักขับระดับตำนานชาวอังกฤษ และอดีตแชมป์โลกในปี 1996 ที่ออกมากล่าวชื่นชม โอลิเวอร์ แบร์แมน นักขับสำรองของทีมสคูเดอเรีย เฟอร์รารี ที่ควบ ‘ม้าลำพอง’ SF-24 คันของ คาร์ลอส ไซน์ซ นักขับตัวจริงที่ไม่สามารถลงแข่งขันได้อย่างกะทันหัน เนื่องจากต้องผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ แต่สามารถเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 7 ของรายการซาอุดีอาระเบียกรังด์ปรีซ์

 

สำหรับนักขับที่เพิ่งเคยลงสนามในระดับ F1 ครั้งแรก แค่นี้ก็นับว่าสุดยอดแล้ว

 

แต่ที่สุดยอดยิ่งกว่าคือ แบร์แมนเพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น!

 

เด็กมหัศจรรย์คนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร มาจากไหนกันนะ ทำไมเก่งขนาดนี้?

 

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

A post shared by FORMULA 1® (@f1)

 

 

ย้อนกลับไปในรายการซาอุดีอาระเบียกรังด์ปรีซ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เมืองเจดดาห์ นอกเหนือจากสีสันของการแข่งขันแบบไนต์เรซที่สวยงามแล้ว มีอีกหนึ่งนักขับที่เปล่งประกายไม่น้อยไปกว่าซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ

 

นักขับคนนั้นคือ โอลิเวอร์ แบร์แมน เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ซึ่งกลายเป็นนักขับที่อายุน้อยที่สุดอันดับที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ได้โอกาสลงแข่งขันในรายการระดับ F1 ในนามของทีมสคูเดอเรีย เฟอร์รารี ซึ่งกลายเป็นนักขับที่แฟน F1 ทั่วโลกต่างพากันส่งใจช่วยมากมายมหาศาล ประหนึ่งส่งพลังบอลเกงกิให้

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มที่สดใสของแบร์แมนทำให้เขาเป็นที่สนใจได้ไม่ยาก แต่มากกว่านั้นคือ เรื่องของความท้าทายสำหรับเด็กหนุ่มในวัยที่หากเป็นคนธรรมดาก็เพิ่งจะย่างเท้าก้าวเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย

 

การต้องลงแข่งขันรถแข่งในระดับ F1 เป็นเรื่องที่อยู่เหนือจินตนาการไม่น้อย

 

เพียงแต่เมื่อโอกาสมาถึงแบบไม่คาดคิด แบร์แมนก็พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของชีวิตแบบไม่คาดฝันเหมือนกัน

 

การป่วยกะทันหันของ คาร์ลอส ไซน์ซ นักขับตัวจริงที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งด่วน ทำให้เขาไม่สามารถลงสนามได้ นั่นทำให้แบร์แมน ในฐานะของนักขับสำรองของทีม ต้องรับหน้าที่แทน โดยที่มีเวลาในการเตรียมตัวน้อยนิด แถมยังต้องขับรถของรุ่นพี่ที่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสำหรับนักขับแล้วรถแข่งต้องเชื่อมโยงกันถึงจิตวิญญาณ

 

แต่สุดท้ายแบร์แมนก็สร้างความประทับใจให้กับทุกคน ไม่เพียงผ่านรอบคัดเลือก แต่ยังสามารถเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 7 โชว์ทักษะการขับขี่ที่ไม่ธรรมดา (แม้ว่าคุณพ่อจะแทบดมยาดม เพราะเห็นลูกเกือบหลุดโค้งตั้งแต่รอบคัดเลือก) ที่เป็นการเปิดตัวให้โลกรู้จักดาวดวงใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

 

แม้แต่ เซอร์ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 7 สมัย ยังเดินมารอที่ข้างรถหลังจบการแข่งขัน เพื่อแสดงความยินดีกับรุ่นน้องที่เขาเชื่อว่าจะเป็นคนรับไม้ต่อในฐานะสุดยอดนักขับของชาวอังกฤษรุ่นต่อไป

 

โอลิเวอร์ แบร์แมน

ปัจจุบันและอนาคตของอังกฤษ

 

แล้วแบร์แมนเป็นคนที่ไหน?

 

ดาวดวงใหม่ของ F1 เป็นคนลอนดอนแต่กำเนิด เกิดในย่านเชล์มส์ฟอร์ดในครอบครัวที่อบอุ่น คุณพ่อเดวิด คุณแม่เทอร์รี และพี่น้องอีก 3 คน โดยที่เขาเป็นพี่คนโต

 

ในวัยเด็กแบร์แมนก็เล่นซุกซนเหมือนเด็กทั่วไป แต่การตกหลุมรักครั้งแรกของชีวิตเกิดขึ้นตอน 5 ขวบ เมื่อเขาได้รับรถคาร์ตสำหรับน้องหนู ก่อนที่จะเริ่มเอาจริงเอาจังกับเส้นทางของการแข่งรถตั้งแต่อายุ 8 ขวบ

 

เมื่อได้อยู่หลังพวงมาลัย ไม่มีใครจะหยุดเขาได้

 

แบร์แมนใช้เวลาไม่นานก็ฉายแววของการเป็นนักแข่งแห่งอนาคต เริ่มมีผลงานในวงการระดับประเทศที่กลายเป็นเรื่องตื่นเต้นจนโรงเรียนต้องประกาศข่าวให้เพื่อนๆ ได้รับรู้เมื่อปี 2017 “โอลิเวอร์ แบร์แมน ในเกรด 7 ได้ลงแข่งขันในรายการรถคาร์ตชิงแชมป์ระดับประเทศ”

 

ถัดมาอีก 2 ปี โรงเรียนได้ประกาศข่าวดีอีกครั้ง เมื่อเด็กหนุ่มที่เรียนเก่งไม่เบา (เพราะคุณแม่เป็นสายวิชาการ) ไปคว้าแชมป์การแข่งขันได้ที่บาเลนเซีย

 

ชีวิตของแบร์แมนมาถึงทางแยกที่สำคัญในปี 2021 เมื่อเขาต้องเลือกแล้วว่าจะเรียนหนังสือไปด้วยหรือจะเข้าสู่โรงเรียนนักแข่งเฟอร์รารีอะคาเดมี ในเมืองโมเดนา ทางตอนเหนือของอิตาลี ซึ่งเจ้าหนูที่มีวัยแค่ 15 ปีในขณะนั้นยอมรับว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

เพราะถ้าเลือกไปเฟอร์รารีอะคาเดมี หมายถึงการที่เขาต้องอยู่ห่างจากครอบครัว ซึ่งสำหรับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นมาตลอด การไปใช้ชีวิตเพียงลำพังในต่างประเทศ ต่อให้มีคนดูแล ก็เป็นเหมือนการไปอยู่ในโลกอีกใบ

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

A post shared by Ollie Bearman (@olliebearman)

 

คุณพ่อกับคุณแม่อยู่เคียงข้างเสมอ

 

แต่หัวใจบอกแบร์แมนว่า ไปเถอะ ไปตามความฝัน

 

สุดท้ายเขาเลือกที่จะไปโคโม โดยที่ช่วงเวลา 3 ปีนับจากนั้นชีวิตของแบร์แมนพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง จากนักแข่งรถคาร์ตขยับขึ้นมาในระดับฟอร์มูลา 4 คว้าแชมป์ได้ 2 รายการที่อิตาลีและเยอรมนี ก่อนจะได้เลื่อนขึ้นมาอยู่ฟอร์มูลา 3

 

ตามด้วยฟอร์มูลา 2 ที่เขาคว้าแชมป์ได้ 4 สนาม ขึ้นโพลโพสิชัน 3 ครั้ง และขึ้นโพเดียมอีก 6 ครั้ง รวมถึงโอกาสได้ลองขับรถแข่งในระดับ F1 ในรอบฝึกซ้อมให้กับทีมฮาสเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ที่กลายเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับครอบครัว

 

“แม่กับพ่อมาดูผมด้วย” แบร์แมนบอกในตอนนั้น “แม่บอกว่าแม่ร้องไห้ตอนที่ผมออกจากพิตไป ซึ่งเป็นเรื่องขำๆ ของพวกเรา แต่การมีพ่อกับแม่อยู่ด้วยที่นี่เป็นเรื่องที่ดีมากๆ พ่อกับแม่อยู่กับผมตลอดการเดินทางของผม และนี่คือหมุดหมายใหญ่ที่สำคัญกับการทดสอบใน F1 ครั้งแรก ซึ่งมันดีเหลือเกิน”


สำหรับครอบครัวแบร์แมน แต่ละย่างก้าวของโอลิเวอร์เป็นความภูมิใจ โดยเฉพาะฝั่งพ่อ เพราะพ่อ ลุง และปู่ ต่างก็เคยเป็นนักแข่งรถเหมือนกัน เพียงแต่แตกต่างกันออกไปตามระดับ ซึ่งแน่นอนว่าโอลิเวอร์เป็นคนที่ไปได้ไกลที่สุดของครอบครัว

 

“การแข่งรถอยู่ในครอบครัวของเราเสมอ ทางฝั่งพ่อนะ” โอลลีเคยให้สัมภาษณ์กับยูทูเบอร์ทอมโมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

 

โอลิเวอร์ แบร์แมน

โลดโผนโจนทะยานในวันแจ้งเกิดที่เจดดาห์

 

มาถึงตรงนี้ สิ่งที่หลายคนอยากรู้คือ แล้วเส้นทางของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป?

 

กับเฟอร์รารีบางทีอาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ มีสัญญากับทีมจนถึงปี 2027 โดยที่ในปีหน้า ลูอิส แฮมิลตัน จะย้ายมาร่วมทีมด้วยและมีสัญญาถึงปี 2027 เช่นเดียวกัน ดังนั้นก้าวต่อไปของแบร์แมนไม่น่าใช่กับม้าลำพอง

 

ความเป็นไปได้มากที่สุดคือฮาสที่เขามีชื่อเป็นนักขับสำรองอยู่แล้ว หรืออาจจะเป็นซอเบอร์ในแบบเดียวกับเลอแกลร์กที่เคยไปขับให้ในปี 2019 ซึ่งการเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมเหล่านี้ก่อนถือเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน

 

เพียงแต่หลังจากแจ้งเกิดที่เจดดาห์ แบร์แมนมีโอกาสที่เป็นที่สนใจของทีมอื่นด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจรวมถึงเมอร์เซเดสหรือเรดบูล

 

แต่ก่อนจะมองไปไกล ทาง เฟรเดริก วาสเซอร์ หัวหน้าทีมเฟอร์รารี ดึงสติแบร์แมนกลับจากดวงดาวสู่พื้นโลกอีกครั้งว่า ‘ที่’ ของเขาในตอนนี้คือระดับ F2 เป้าหมายคือการคว้าแชมป์ในระดับนี้ให้ได้ก่อน แล้วจึงค่อยคิดจะขึ้นชั้นขึ้นมาอย่างจริงจัง

 

ความสำเร็จที่เจดดาห์สวยงามเหมือนฝัน แต่โลกความจริงของการแข่งขันมันโหดร้ายกว่านั้นมาก ยังมีสิ่งที่เจ้าหนูคนนี้ต้องเรียนรู้อีกมากมาย มีคนไม่น้อยที่แจ้งเกิดรวดเร็ว แต่ก็ดับสูญเหมือนดอกไม้ไฟ

 

โชคดีที่ โอลลี แบร์แมน ก็รู้ตัวดีว่าเขาต้องทำอะไรและต้องไม่ทำอะไร

 

“ผมกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง” ก่อนจะปิดท้ายที่สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจลึกๆ ในตัวเอง “แต่ผมคิดว่าวันนี้ผมก็ทำได้ดีนะ”

 

อ้างอิง:

FYI
  • ในตอนเด็ก พ่อของแบร์แมนพยายามให้เขาเล่นฟุตบอลด้วย เพราะชอบดูฟุตบอลตอนเด็กๆ เหมือนกัน โดยล่อด้วยการสัญญาว่า ถ้าไปเตะบอลจะซื้อรองเท้าสตั๊ดใหม่ให้ทุกสัปดาห์ แต่ก็ไม่สำเร็จ (แต่ครั้งหนึ่งที่ถูกถามว่า ใครเป็นนักฟุตบอลเบอร์หนึ่งในใจ แบร์แมนตอบว่า ลิโอเนล เมสซี!)
  • บริษัทของพ่อ Aventum เป็นสปอนเซอร์ให้ทีมรถแข่งของลูกชายด้วย
  • น้องชายของเขา โธมัส อายุ 14 ปี เป็นนักขับรถคาร์ตอยู่ในตอนนี้ ส่วนน้องสาวคนเล็ก เอเมลี อายุ 12 ปี เป็นนักขี่ม้า
  • โอลลีมีช่อง YouTube ของตัวเองในชื่อ ‘THE BEAR NECESSITIES’ ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับรถแข่งเลย แต่เป็นชีวิตอีกด้านหนึ่งของเขา เช่น พูดคุยเรื่องเพลย์ลิสต์เพลงที่ชอบ การไปช็อปน้ำหอม หรือแม้แต่การเรียนหั่นแฮมแบบสเปน
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising