×

โบรกห่วง น้ำมันโลกวิ่งทะลุ 120 ดอลลาร์ ทำต้นทุนพุ่ง ฉุดกำไร บจ. หายไปกว่าครึ่ง

31.05.2022
  • LOADING...
ราคาน้ำมันดิ

ราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งกลับขึ้นมาแตะระดับ 123 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เทียบเท่ากับช่วงปลายเดือนมีนาคม 2565 อีกครั้ง หลังสหภาพยุโรปมีมติแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียราว 2 ใน 3 จากปริมาณการนำเข้าในระดับปกติ 

 

กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า หากราคาน้ำมันสูงกว่า 120 ดอลลาร์ต่อเนื่องราว 1-2 ไตรมาส จะทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ปรับต้นทุนไม่ทัน และเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อตลาดหุ้น ทำให้ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) น่าจะถูกปรับลงเหลือเติบโตต่ำกว่า 5% ในปีนี้ จากปัจจุบันที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ากำไรของ บจ. ปีนี้จะเติบโตได้ 10% 

 

“ถ้าน้ำมันสูงนานๆ นโยบายการเงินจะเปลี่ยนไป Fed อาจเร่งดอกเบี้ยมากกว่าคิด นักลงทุนต้องระวังมากขึ้น ตอนนี้เรายังมองเหมือนเดิมคือ ราคาน้ำมันน่าจะพีคครึ่งปีแรก ก่อนจะผ่อนลงครึ่งปีหลัง แต่การพีคครึ่งแรกไม่แน่ใจว่าจะอยู่ระดับไหน คิดว่าคงจะไม่ได้ขึ้นไปถึง 140-160 ดอลลาร์” 

 

ราคาน้ำมันที่สูงต่อเนื่องจะกดดันเรื่องเงินเฟ้ออีกครั้ง ซึ่งเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น 8.5% ช่วงเดือนมีนาคมก็เกิดจากราคาน้ำมัน และครั้งนี้ราคาน้ำมันกลับมาใกล้ระดับเดิม แต่ราคาอาหารสูงกว่าก่อนหน้านี้ 

 

ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ของเดือนพฤษภาคม จะประกาศวันที่ 10 มิถุนายนนี้ หากออกมา 8.3% เท่ากับเดือนก่อน ก็น่าจะทำให้ตลาดกังวล แต่หากสูงกว่าเดิมก็จะยิ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น 

 

จักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ราคาพลังงานปรับขึ้นแรงจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ตามมาด้วยการคว่ำบาตรรัสเซียจากสหภาพยุโรป ขณะที่ IEA คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันจากรัสเซียจะหายไปจากตลาดราว 3 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันทะลุขึ้นไปเกือบ 140 ดอลลาร์ 

 

“เวลานั้นน่าจะเป็นจุดพีคที่สุดก่อนที่ราคาน้ำมันจะไหลลงมาอยู่บริเวณ 100 ดอลลาร์ ส่วนการกลับมารอบนี้ไม่น่าจะกลับไปถึง 140 ดอลลาร์ เพราะที่ผ่านมาราคาน้ำมันหายไปเพียงประมาณ 1 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่การคว่ำบาตรล่าสุดก็น่าจะทำให้ปริมาณน้ำมันหายไปเพิ่มอีกราว 1 ล้านบาร์เรล” 

 

โดยสรุปแล้วราคาน้ำมันน่าจะแกว่งในกรอบ 100-140 ดอลลาร์ แต่หุ้นกลุ่มพลังงานอาจจะไม่ได้ขึ้นตามไปตลอด เพราะความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจถดถอยยังกดดันอยู่ อย่างในสหรัฐฯ ความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มจาก 20% เป็น 30% และอาจสูงขึ้นอีก ทำให้การให้มูลค่าของหุ้นกลุ่มพลังงานต่ำลง 

 

กลับกัน หากความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจถดถอยไม่ได้สูงขึ้น ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานก็มีแนวโน้มจะวิ่งตามราคาน้ำมันขึ้นไปได้ ส่วนระยะสั้นกำไรของกลุ่มพลังงานก็จะยังแข็งแกร่ง เทียบกับกลุ่มอื่น

 

“สำหรับใครที่ถือหุ้นพลังงานอยู่แล้วสามารถ Let Profit Run ต่อไป แต่ต้องติดตามเรื่องความเสี่ยงในการเกิด Recession ส่วนการเข้าซื้อ ณ จุดนี้ ก็ยังพอทำได้ เพราะแนวโน้มกำไรยังดี ช่วยหนุนให้ราคาหุ้นยังแข็งแกร่ง แต่ควรมีจุดตัดขาดทุนหากปัจจัยเริ่มเปลี่ยนแปลง” 

 

ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีอิงน้ำมันดิบดูไบ ปัจจุบันประเมินที่ 95 ดอลลาร์ แต่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีก เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 107-108 ดอลลาร์ และยังมองไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงแรง เว้นแต่จะเห็นการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา 

 

การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันแม้จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ในอีกด้านหนึ่งราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องอาจส่งผลเสียต่อหุ้นกลุ่มอื่นๆ ในตลาด 

 

ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า ภาคการผลิตจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีต้นทุนเป็นพลังงาน เช่น ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง สายการบิน โลจิสติกส์ และสุดท้ายผลกระทบก็จะส่งผ่านมายังผู้บริโภค 

 

ส่วนกลุ่มพลังงานหากเป็นกลุ่มต้นน้ำ เช่น PTTEP, BANPU และโรงกลั่นต่างๆ จะได้รับประโยชน์ ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี เช่น IRPC, PTTGC และ SCC จะได้รับผลกระทบ จากต้นทุนที่สูงขึ้น 

 

“การฟื้นตัวของดัชนี SET มาสูงกว่า 1,650 จุด นักลงทุนควรขายทำกำไรบ้าง เพราะน่าจะใกล้พักฐานแล้ว ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ยังไม่หมดไป ทั้งเรื่องของเงินเฟ้อ แม้อาจจะพีคแล้วแต่ยังน่ากังวล รวมถึงเรื่องของการเริ่มทำ QT และการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องที่กระทบต่อต้นทุนการเงินของบริษัทต่างๆ” 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising