รายงานผลประกอบการบริษัทชั้นนำในตลาดวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ ต่างทยอยแสดงผลออกมาให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั้งหลายเห็นเรื่อยๆ โดยล่าสุดถึงคิวของ 3 บริษัทชั้นนำอย่าง Starbucks, Amazon และ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google เสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่ระดับโลก ซึ่งผลประกอบการออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ สะท้อนให้เห็นทิศทางและแนวโน้มของสัญญาณเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ร้านเชนกาแฟยักษ์ใหญ่อย่าง Starbucks เผยตัวเลขผลประกอบการประจำไตรมาสต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ยังไม่ฟื้นตัวดีในตลาดจีน ทำให้แม้จะมียอดขายที่แข็งแกร่งในตลาดอเมริกาเหนือเข้ามา แต่ก็ไม่สามารถชดเชยรายได้โดยรวมของบริษัทได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- นักลงทุนแห่เข้าหุ้นตลาดเกิดใหม่กว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน แต่ระวัง ‘งานเลี้ยงอาจใกล้เลิกรา’
- การลงทุนฟื้นตัว ‘เร็วและแรง’ แซงเศรษฐกิจไปไหม?
- Goldman Sachs แนะกลยุทธ์การลงทุน ยึดมั่นเป้าหมาย อย่าวิตกกับภาวะถดถอยมากเกินไป
รายงานดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของ Starbucks เมื่อวานนี้ (2 กุมภาพันธ์) ปรับตัวลดลงราว 3% ปิดที่ 106.34 ดอลลาร์
แถลงการณ์ระบุว่า ยอดขายในตลาดจีนยังคงปรับตัวลดลงถึง 29% ซึ่งทำให้ยอดขาย Starbucks ในตลาดต่างประเทศทั้งหมดลดลงถึง 13%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าภาวะที่เกิดขึ้นจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น โดยการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ของจีน ที่ทำให้ประเทศกลับมาเปิดอีกครั้ง น่าจะเป็นประโยชน์ต่อยอดขายของ Starbucks ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นในช่วงหลังของปีนี้
ด้านยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon ได้ออกมาคาดการณ์ผลประกอบการ และกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทเมื่อวันพฤหัสบดี (2 กุมภาพันธ์) ซึ่งพบว่า โดยภาพรวมกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสปัจจุบันน่าจะยังคงตกต่ำ เนื่องจากการปลดพนักงานจำนวนมากของหลายบริษัท รวมถึง Amazon เอง ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อกำลังการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในขณะที่ลูกค้าที่ใช้บริการระบบคลาวด์ของ Amazon ต่างก็ส่งสัญญาณจำกัดการใช้จ่ายเช่นกัน
แม้ว่าอิทธิพลจากช่วงวันหยุดเทศกาลจะทำให้ยอดขายของ Amazon โตกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ผลกำไรของแผนกคลาวด์คอมพิวติ้งในช่วงไตรมาส 4 กลับชะลอตัวลง ทำให้ภาพรวมของผลประกอบการไม่ค่อยดีนัก
การออกมาคาดการณ์ดังกล่าวทำให้หุ้นของ Amazon เมื่อวานนี้ (2 กุมภาพันธ์) ในการซื้อขายนอกเวลาทำการปรับตัวลดลง 5%
ด้านยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของสหรัฐฯ อย่าง Alphabet บริษัทแม่ของ Google ก็เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัท ซึ่งพบว่าตัวเลขน้อยกว่าที่ประมาณการกันไว้ เนื่องจากธุรกิจโฆษณาดิจิทัลประสบปัญหาภายใต้การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ทำให้องค์กรหลายแห่งต้องหันมาปรับลดการใช้จ่าย รวมถึงปรับโครงสร้างขนานใหญ่จนทำให้เกิดการปลดพนักงานจำนวนมาก
Reuters รายงานว่า หุ้นของ Alphabet เมื่อวานนี้ (2 กุมภาพันธ์) ปรับตัวลดลงไปประมาณ 4% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ โดยก่อนหน้านี้ตลอดทั้งปี 2022 หุ้นของ Alphabet ปรับตัวลดลงไปแล้วประมาณ 40%
รายงานระบุว่า รายได้จากการโฆษณาของเสิร์ชเอนจินอย่าง Google และ YouTube ลดลงจาก 6.124 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือ 5.904 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากบรรดาบริษัทผู้ซื้อโฆษณาทั้งหลาย และถือเป็นผู้สนับสนุนรายได้หลักของ Alphabet หันกลับมาประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสภาพคล่องให้บริษัทสามารถรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อเตรียมการรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
หุ้น Meta วิ่ง 23% รับข่าวผลประกอบการโต
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram กลับเคลื่อนไหวในทางบวก สวนทางกับบริษัทส่วนมากในตลาด โดยมีรายงานหุ้นของ Meta เมื่อวานนี้ (2 กุมภาพันธ์) ปรับตัวมากขึ้นกว่า 23% ขณะที่ตัวเลขรายได้ของบริษัทก็ดีกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า
เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า หุ้นของ Meta พุ่งขึ้นกว่า 23% กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี โดยได้อานิสงส์จากรายงานตัวเลขรายได้ประจำไตรมาส 4 ที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ บวกกับการคาดการณ์รายได้ในเชิงบวกของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ทั้งนี้ หุ้นของ Meta ขยับตัวอยู่ที่จุดสูงสุดตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ก่อนที่จะปรับตัวดิ่งลงอย่างหนัก หลังตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ค่อนข้างเลวร้ายจนน่ากังวล รวมถึงความกังขาในภาวะความเป็นผู้นำของซักเคอร์เบิร์ก
อย่างไรก็ตาม มุมมองของนักวิเคราะห์ได้พลิกกลับมาอยู่ในทางบวก หลังจากที่ตัวเลขรายได้ไตรมาส 4 ปรับตัวอยู่ที่ 3.217 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์กันไว้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับให้หุ้นของ Meta อยู่ในระดับ ‘Buy’ หรือซื้อลงทุน
สำหรับรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการปรับลดค่าใช้จ่ายของบริษัท บวกกับการซื้อหุ้นคืนที่มากกว่าที่คาดไว้ รวมถึงการแสดงจุดยืนของซักเคอร์เบิร์กล่าสุดที่ออกมากล่าวถึงธีมในการบริหารจัดการบริษัทในปี 2023 ว่าจะเป็นปีแห่งประสิทธิภาพ (Year of Management) ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การเป็นองค์กรที่แข็งแกร่ง และว่องไวคล่องตัวมากขึ้น
อ้างอิง:
- www.reuters.com/technology/alphabet-revenue-misses-estimates-ad-business-takes-hit-2023-02-02/
- www.reuters.com/technology/amazon-beats-estimates-quarterly-sales-2023-02-02/
- www.reuters.com/business/retail-consumer/starbucks-misses-quarterly-sales-estimates-china-weakness-weighs-2023-02-02/
- www.cnbc.com/2023/02/02/meta-stock-rockets-20percent-on-solid-earnings-analyst-reactions.html