Sam Altman คือประธานบริษัทที่ประกาศว่าเขาจะมุ่งมั่นในการทำให้โลกอนาคตดีกว่าสำหรับมนุษยชาติ แต่นั่นมิได้หมายถึงการสานเป้าหมายนี้ผ่าน OpenAI ที่เขาร่วมก่อตั้งและดำรงตำแหน่งซีอีโอในปัจจุบัน แต่กลับเป็น Oklo บริษัทที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์
CNN รายงานว่า ความต้องการใช้งาน AI ทั่วโลกผลักให้ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาลในการดำเนินงาน หมายความว่าในไม่ช้าความต้องการจะพุ่งสูงเกินอุปทานที่มี และนั่นอาจนำมาสู่ปัญหากับเหล่าบริษัทเทคโนโลยีที่มี AI เป็นแกนกลางของธุรกิจสำหรับใช้ขับเคลื่อนวิถีชีวิตและการทำงานยุคดิจิทัลของเรา
ในขณะที่ผู้นำบริษัทเทคโนโลยีชี้ว่าพลังงานนิวเคลียร์จำเป็นต่ออนาคต แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบางคนกลับตั้งคำถามว่าการลงทุนของพวกเขาจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนอย่างมีนัยสำคัญจริงหรือไม่? หรืออาจเป็นแค่เพียงหนทางใช้ปกป้องขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจตนเองเท่านั้น
นักวิเคราะห์ของ UBS ระบุในรายงานการวิจัยเมื่อต้นเดือนนี้ว่า ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูลของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 50% ตั้งแต่ปี 2020 และปัจจุบันคิดเป็น 4% ของการใช้พลังงานของประเทศ โดยภายในปี 2030 ตัวเลขดังกล่าวอาจโตเป็น 9%
นอกจากนี้ความต้องการพลังงานโดยรวมในสหรัฐฯ ยังคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13% ถึง 15% ต่อปีจนถึงปี 2030 ซึ่งอาจทำให้ไฟฟ้ากลายเป็นทรัพยากรที่มีจำกัดมากกว่าเดิม
บริษัทบิ๊กเทคชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ด้านความเสถียรของแหล่งพลังงานที่มาจากนิวเคลียร์เมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือลม โดยในเดือนกันยายน Microsoft บรรลุข้อตกลงการเปิดเตาปฏิกรณ์อีกครั้งบนเกาะ Three Mile เพื่อขับเคลื่อน AI ในขณะเดียวกัน Amazon และ Meta ก็เริ่มจับจองแหล่งพลังงานนิวเคลียร์สำหรับการดำเนินงานศูนย์ข้อมูลของพวกเขาในอนาคต
Amazon ลงทุนจำนวน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปกับ X-energy สตาร์ทอัพพลังงานนิวเคลียร์เมื่อเดือนตุลาคม หรือ Google ที่ลงทุนกับ TAE Technologies สตาร์ทอัพพลังงานนิวเคลียร์อีกหนึ่งรายด้วยเงิน 250 ล้านดอลลาร์ในปี 2022
กลับมาที่ Oklo บริษัทนี้ไม่ใช่การลงทุนด้านพลังงานนิวเคลียร์เพียงแห่งเดียวของ Sam Altman แต่เขายังลงทุนใน Helion Energy สตาร์ทอัพนิวเคลียร์อีกแห่งที่มีทั้ง Dustin Moskovitz ผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook, Reid Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn และ Peter Thiel มหาเศรษฐีนักลงทุนด้านเทคโนโลยี ลงทุนในบริษัทนี้เช่นกัน การลงทุนดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า Sam Altman ไม่ใช่ผู้นำบริษัทเทคโนโลยีเพียงคนเดียวที่พยายามจะผลักดันพลังงานนิวเคลียร์
เมื่อเดือนสิงหาคม Mithril บริษัทร่วมทุนของ Peter Thiel ถือหุ้น 5.3% ของ Oklo และมีรายงานว่า เขาให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านนิวเคลียร์รายอื่นๆ และ Ark Invest ของ Cathie Wood อีกหนึ่งนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชื่อดังก็ลงทุนใน Oklo เมื่อต้นปีนี้
ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่าการลงทุนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันแหล่งพลังงานสะอาดที่แม้มีราคาแพง แต่สามารถช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
Oklo ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 และบริษัทกำลังพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า ‘เครื่องปฏิกรณ์เร็ว’ (Fast Reactors) โดยบริษัทเคลมว่าอุปกรณ์สามารถสร้างพลังงานในสัดส่วนที่มากขึ้นโดยใช้เชื้อเพลิงน้อยลง หมายความว่าพวกมันมีขนาดเล็กลง ราคาถูกลง และสามารถรีไซเคิลเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้วจากโรงงานอื่นได้ ซึ่งบริษัทวางแผนที่จะขายพลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กเหล่านั้นให้กับลูกค้าโดยตรง
หุ้นของ Oklo เพิ่มขึ้น 2 เท่านับตั้งแต่เริ่มมีการเปิดซื้อ-ขายในเดือนพฤษภาคม หลังจากการควบรวมกิจการกับ AltC Acquisition Corp ของ Sam Altman โดยผลตอบแทนของหุ้นที่แข็งแกร่งนั้นมาจากการเติบโตของ AI ที่คาดว่าจะผลักดันความต้องการพลังงานนิวเคลียร์ให้สูงขึ้น
แม้ว่า Oklo จะยังไม่ทำเงิน แต่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทได้รับอนุมัติจากกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ ประจำรัฐไอดาโฮที่อนุญาตให้ใช้พื้นที่สำหรับตั้งเครื่องปฏิกรณ์ อีกทั้ง Oklo ระบุเพิ่มเติมว่าปัจจุบันบริษัทได้บรรลุข้อตกลงการขายพลังงานให้กับศูนย์ข้อมูลบางแห่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของ Squassoni ชี้ว่า ณ ขณะนี้ เครื่องปฏิกรณ์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็กยังอยู่ในช่วง ‘ทฤษฎี’ หมายความว่าการจะนำการผลิตและขายพลังงานที่มาจากเครื่องปฏิกรณ์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็กยังมีหนทางที่ยาวไกล
อ้างอิง: