×

Justin Bieber, Trump, Billie Eilish, Obama, Wonder Woman, Rihanna, Mulan… อะไรจะเกิดขึ้นในวงการบันเทิงต่างประเทศปี 2020

02.01.2020
  • LOADING...
อุตสาหกรรมบันเทิงต่างประเทศ

2020 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีสำคัญที่ต้องจับตามองและศึกษาอุตสาหกรรมบันเทิงต่างประเทศไว้ให้ดี เพราะจะเต็มไปด้วยผลงานและเหตุการณ์ที่เชื่อได้ว่าจะขับเคลื่อน สร้างบทสนทนา และ Disrupt วัฒนธรรมและสังคมทั่วโลก พร้อมสะท้อนว่าแค่เริ่มปีแรกของทศวรรษใหม่ โลกเราจะต้องเผชิญอะไรกันบ้าง THE STANDARD POP ได้คาดเดาและหยิบ 7 ประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นจริงๆ หรือไม่ก็ต้องกลับมาเช็กดูอีกครั้งใน 12 เดือนข้างหน้า

 

Trump Billie Eilish

 

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และบทบาทของบิลลี่ อายลิช 

แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2020 จะยังคลุมเครือ เพราะเรายังไม่รู้ผลลัพธ์สถานการณ์การถอดถอน โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเตรียมตัวสำหรับการลงเลือกตั้งใหม่ ส่วนฝั่งเดโมแครตก็ยังเคาะไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นตัวแทน แม้ โจ ไบเดน ดูมีสิทธิ์สูงสุดหากอิงตามโพลต่างๆ แต่แน่นอนว่าประมาณกลางปีเราจะได้เห็นคนดังต่างรณรงค์ให้คนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากมาย เช่น แคมเปญ Rock The Vote และเพราะชาวฮอลลีวูดเป็นฐานเสียงสำคัญของฝั่งเดโมแครตมาโดยตลอด เราจะได้เห็นคนดังระดับเอลิสต์ต่างออกมาสร้างจุดยืนสนับสนุนอย่างแน่นอนไม่ว่าใครจะเป็นตัวแทนพรรค ยิ่งถ้าทรัมป์เป็นตัวแทนฝั่งรีพับลิกัน (ซึ่งเป็นไปได้สูง) ก็เตรียมตัวเห็นคนดังออกมาต่อต้านอย่างหนักหน่วงกันได้เลย พร้อมทั้งใช้ทุกแพลตฟอร์มในมือเพื่อโจมตี เพราะไม่อยากเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

 

แต่ถ้าการเลือกตั้งในปี 2016 ที่ ฮิลลารี คลินตัน พ่ายแพ้ไปจะสอนอะไรเราเกี่ยวกับแวดวงฮอลลีวูด ก็คือคุณจะมี บียอนเซ่, เคที เพอร์รี, เลดี้ กาก้า มาขึ้นเวทีหาเสียงช่วยคุณ แน่นอนว่าด้านกระแสข่าวก็จะมา แต่คนจะเลือกตามหรือไม่นั้นคืออีกเรื่องหนึ่ง 

 

แต่! ในปีนี้เรากลับมองว่าหนึ่งในศิลปินที่จะเป็นตัวแปรสำคัญอย่างมากต่อฐานคนยุคใหม่ (Gen Z) ที่จะเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกก็คือ บิลลี่ อายลิช ที่เธอเพิ่งอายุ 18 ปี ซึ่งบิลลี่เองก็ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Times ว่าค่อนข้างเป็นกังวลว่าทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีอีกรอบ และเธอยังบอกอีกว่าเบื่อที่ผู้ใหญ่ชอบคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอไป ส่วนการจัดแสดงคอนเสิร์ตของเธอในสหรัฐอเมริกาปีนี้จะมีการติดตั้งบูธร่วมกับ HeadCount เพื่อให้คนได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่เธอจะถึงขั้นขึ้นปราศรัยบนเวทีและใช้โซเชียลมีเดียของตัวเองในช่วงการหาเสียงหรือไม่ก็ต้องติดตามกันให้ดี

 

barack obama

Photo: Hannes Magerstaedt / Getty Images

 

หนังสือชีวประวัติ บารัก โอบามา

พูดถึงประเด็นเรื่องประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแล้ว ชื่อของ บารัก โอบามา ก็จะวนเวียนในสารบบวัฒนธรรมป๊อปในปีนี้อย่างแน่นอน โดยสื่อสหรัฐอเมริกาหลายเจ้าทั้ง USA Today และ The Huffington Post ได้รายงานว่าหนังสือชีวประวัติของโอบามามีสิทธิ์วางแผงในช่วงการหาเสียงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งแม้โอบามาจะออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้สนับสนุนใครเป็นตัวแทนฝ่ายเดโมแครต (รวมถึง โจ ไบเดน ที่เคยเป็นรองประธานาธิบดีของเขามาสองสมัย) แต่ก็เชื่อว่าหนังสือจะสามารถสร้างกระแสและเพิ่มโปรไฟล์ฝ่ายเดโมแครตไม่มากก็น้อย และยิ่งถ้าตอนนั้นโอบามาตัดสินใจขึ้นหาเสียงช่วยปราศรัยเมื่อมีตัวแทนพรรค เราก็เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งหมากสำคัญด้านการเมือง 

 

โดยหนังสือเล่มที่กล่าวถึงนี้ โอบามาได้เซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์ Penguin Random House ไปเมื่อปี 2017 และมีการรายงานว่าค่าตัว (Book Advance) น่าจะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์หากเปรียบเทียบกับประธานาธิบดีคนก่อนๆ แต่ยอดขายจะชนะหนังสือ Becoming ของภรรยา มิเชล โอบามา ที่ทำไปกว่า 10 ล้านเล่มในปีเดียวหรือไม่ก็ต้องลุ้นกัน

 

อุตสาหกรรมบันเทิงต่างประเทศ

Photo: Getty Images

 

American Crime Story: Impeachment หนึ่งในซีรีส์ที่จะมีคนพูดถึงมากที่สุด 

เรายังคงไม่จบประเด็นการเมืองและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาง่ายๆ เพราะหนึ่งในซีรีส์แห่งปีที่หลายคนเฝ้ารอชมก็คือ American Crime Story: Impeachment ของผู้สร้าง ไรอัน เมอร์ฟีย์ ที่จะออกอากาศตอนแรกวันที่ 27 กันยายน 2020 ทางช่อง FX โดยเรื่องนี้ดัดแปลงจากหนังสือ A Vast Conspiracy: The Real Story of the Sex Scandal That Nearly Brought Down a President ของนักเขียน เจฟฟรีย์ ทูบิน เล่าเรื่องราวคดีฟ้องร้องประธานาธิบดีบิล คลินตัน ในปี 1998 สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ของเขาและ โมนิกา ลูวินสกี หญิงสาวที่มาฝึกงานในทำเนียบขาว ซึ่งลูวินสกีก็จะมาเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์และที่ปรึกษาอีกด้วย ด้านทีมนักแสดงก็มี ไคลฟ์ โอเวน มารับบทเป็น บิล คลินตัน, บีนนี่ เฟลด์สไตน์ มารับบทเป็น โมนิกา ลูวินสกี และซาร่าห์ พอลสัน รับบทเป็น ลินดา ทริปป์ โดยช่วงที่ซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งก็ต้องรอดูว่าเรื่องนี้จะส่งผลอะไรบ้าง โดยเฉพาะกับภาพลักษณ์ของทรัมป์ (ถ้าเขาเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน) ที่มีประเด็นเรื่องผู้หญิงและความเหลื่อมล้ำทางสังคมมาโดยตลอด 

 

อุตสาหกรรมบันเทิงต่างประเทศ

Photo: Courtesy of Studio

 

พลังหญิงต้องมา! Wonder Woman, Black Widow, Mulan ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี

เพราะฮอลลีวูดทำให้ได้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงปลายทศวรรษที่ผ่านมาว่าภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องโดยตัวละครผู้หญิง เกี่ยวกับผู้หญิง และกำกับโดยผู้หญิง ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งในเชิงพาณิชย์และคำวิจารณ์ ในปี 2020 เราจึงได้เห็นภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์หลายๆ เรื่องที่ตัวละครหญิงจะได้บทนำในช่วงซัมเมอร์ที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งแต่ละเรื่องก็มีฐานแฟนคลับนับล้านเตรียมตีตั๋วเข้าชม

 

เรื่องแรกคือ Mulan เวอร์ชัน Live-Action ของค่ายวอลต์ ดิสนีย์ ที่จะเข้าฉายช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งได้ หลิวอี้เฟย มารับบทนำ และนิกี้ คาโร ผู้กำกับหญิงจากนิวซีแลนด์ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่อง The Zookeeper’s Wife (2017) มากำกับให้ พร้อมทุนสร้างที่สูงถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

แต้มต่อของ Mulan คือการมีฐานแฟนคลับจากเวอร์ชันการ์ตูนในปี 1998 และที่สำคัญกว่าคือตลาดประเทศจีนที่เรื่องนี้มีสิทธิ์สร้างสถิติใหม่ด้านรายได้อย่างแน่นอน เห็นได้จากการที่ตัวอย่างภาพยนตร์สามารถทำยอดได้ 175.1 ล้านวิวภายใน 24 ชั่วโมงแรก ซึ่ง 52 ล้านวิวมาจากประเทศจีน

 

เรื่องที่สองมาจากค่ายวอลต์ ดิสนีย์ เช่นกันกับ Black Widow ภาพยนตร์เดี่ยวของตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ค่ายมาร์เวลซึ่งจะเข้าฉายต้นเดือนพฤษภาคม นำแสดงโดย สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน และกำกับโดยผู้กำกับหญิงชาวออสเตรเลีย เคต ชอร์ตแลนด์ ที่เคยฝากผลงานไว้ในภาพยนตร์สายประกวดอย่าง Somersault (2004) และ Lore (2012) เชื่อว่ารายได้ของ Black Widow ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะฐานแฟนคลับจักรวาลมาร์เวลก็คุ้นเคยมานานบนจอเงินตั้งแต่เรื่อง Iron Man 2 (2010) แต่ก็น่าจะถูกเปรียบเทียบเรื่องรายได้กับ Captain Marvel (2019) ที่ทำเงินทั่วโลกไปกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

ปิดท้ายด้วย Wonder Woman 1984 ภาพยนตร์ภาคต่อของซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลดีซีคอมิกส์ที่จะเข้าฉายกลางเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมทีมนักแสดงชุดเดิม นำทัพโดย กัล กาด็อต และกำกับโดย แพตตี้ เจนกินส์ ซึ่งได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้กำกับหญิงที่ได้ค่าตอบแทนสูงสุดจากเรื่องนี้ 

 

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ Wonder Woman เด่นกว่าหากเทียบกับ Mulan และ Black Widow คือความสำเร็จของภาพยนตร์ภาคแรก โดยเฉพาะในแง่คำวิจารณ์ อีกทั้งผลโหวตของแฟนๆ จากเว็บไซต์ชื่อดัง Fandango ก็ยกให้ Wonder Woman 1984 เป็นภาพยนตร์ที่แฟนๆ เฝ้ารอชมมากที่สุด

 

ครอบครัวคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์ 

Photo: Kevin Tachman / MG19 / Getty Images for The Met Museum / Vogue

 

ธุรกิจต่อไปของสาวๆ ครอบครัวคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์ 

พูดถึงหญิงแกร่งแล้ว แน่นอนว่าสาวๆ ตระกูลคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์ได้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่สำคัญที่สุดของทศวรรษที่ผ่านมาและสร้างอาณาจักรแสนล้าน ความน่าสนใจต่อเนื่องในปี 2020 คือสมาชิกแต่ละคนของครอบครัวจะสามารถต่อยอดธุรกิจของตัวเองไปในทิศทางไหน และทุกคนจะยังคงประคองยอดขายได้ต่อหรือไม่ 

 

เริ่มจาก คิม คาร์ดาเชียน เวสต์ ที่ได้เห็นแบรนด์ Skims ของตัวเองที่เปิดขายเมื่อปลายปีที่แล้วเติบโตอย่างรวดเร็วภายใน 4 เดือนแรก จากชุดกระชับสัดส่วนมาขายชุดชั้นในและชุดลำลอง (Loungewear) ซึ่งในปีนี้ก็น่าจะบุกสินค้าประเภทอื่นๆ และอาจจะมีการเซ็นสัญญาการขายแบบออนกราวด์ในห้างแบบเอ็กซ์คลูซีฟ 

 

ด้านมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลกอย่าง ไคลี เจนเนอร์ เราก็น่าจะเห็นธุรกิจความงาม Kylie Cosmetics ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หลังทางบริษัทยักษ์ใหญ่ Coty เข้ามาซื้อกิจการ 51% ในราคาสูงถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าทาง Coty จะเล่นใหญ่ให้แบรนด์โดยการเปิดเป็นเคาน์เตอร์ในห้างทั่วโลก หรือเน้นขายที่ Ulta Beauty และช่องทางออนไลน์อย่างเดียวต่อไป 

 

ส่วนถ้าให้ดูในเรื่องของตัวสินค้าเอง คอลเล็กชันที่แฟนคลับต่างรอกวาดซื้อหลังมีการแง้มออกมาบ้างแล้วก็คือการร่วมมือกับพี่สาว เคนดัลล์ เจนเนอร์ ซึ่งเคนดัลล์ยังไม่ได้ร่วมงานกับแบรนด์ความงามของพี่น้องตัวเองเลย (คิมเป็นเจ้าของแบรนด์ KKW Beauty ด้วย) เพราะน่าจะติดสัญญากับ Estée Lauder และ Proactiv แต่เมื่อคอลเล็กชันนี้วางขายก็เชื่อว่าต้อง sold out แน่นอน หรือเคนดัลล์จะเปิดแบรนด์ความงามของตัวเองบ้างหรือเปล่า… ต้องรอดูปีนี้ 

 

Justin Bieber

Photo: Courtesy of Justin Bieber

 

การกลับมาของจัสติน บีเบอร์ 

เริ่มต้นทศวรรษใหม่ ดูเหมือนแวดวงดนตรีต้องหลบให้การกลับมาของ จัสติน บีเบอร์ ที่กำลังจะปล่อยซิงเกิลใหม่ Yummy จากอัลบั้มใหม่ชุดที่ 5 ในวันที่ 3 มกราคมนี้ นอกจากนี้ยังประกาศทัวร์คอนเสิร์ตใหม่ในทวีปอเมริกาเหนือที่จะเริ่มในช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้าจนถึงเดือนกันยายน 

 

ต่อด้วยวันที่ 27 มกราคมนี้จะมีการปล่อยสารคดี 10 ตอนของเขาผ่านทางยูทูบในชื่อ Seasons ซึ่งมีรายงานว่าทางแพลตฟอร์มวิดีโอเบอร์หนึ่งได้ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์กว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อมาเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ด้านรายการ Originals แต่ที่น่าจับตามองคือทางนักร้องหนุ่มเองว่าเมื่อต้องกลับมาอยู่ในสปอตไลต์อีกครั้ง เขาจะสามารถทนกับสภาวะความกดดันได้แค่ไหน เพราะโมเมนต์ที่จะตามมาแน่ๆ คือการเดินสายโปรโมตและพูดคุยกับสื่อที่ต้องถามไถ่เรื่องราวชีวิตเกี่ยวกับตัวเขามากมาย  

 

Rihanna

 

ตกลงว่าริฮานนาจะเป็นนักร้องหรือแม่ค้าเบอร์หนึ่งของวงการ?

ปิดท้ายด้วยคำถามที่เราไม่แน่ใจที่สุด เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมาที่เราคิดว่านักร้องสาวริฮานนาต้องกลับมาแน่ๆ กับอัลบั้มชุดที่ 9 แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจปล่อยลิปสติกและรองพื้นใหม่ออกมาแทน 

 

แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังคงตั้งความหวังและภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าโปรดให้ริฮานนาตัดสินใจปล่อยผลงานเพลงใหม่สักที! ขณะเดียวกันเราก็เข้าใจว่าทำไมเธอจึงยังไม่พร้อมกลับมากับผลงานดนตรี เพราะการปล่อยเพลงและอัลบั้มใหม่แปลว่าเธอต้องทุ่มเทเวลาเกือบทั้งหมดในการถ่ายมิวสิกวิดีโอ ถ่ายแบบ เดินสายโปรโมต ออกทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งก็จะชนกับธุรกิจเสื้อผ้า Fenty ที่ยังต้องใช้เวลาปลุกให้ตื่นมากกว่านี้ นอกจากนี้ธุรกิจชุดชั้นใน Savage Fenty ที่กระแสกำลังมาหลังการจัดโชว์เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2019 ที่ผ่านมา และธุรกิจความงามมูลค่าพันๆ ล้านของเธออย่าง Fenty Beauty ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีก ซึ่งใครจะไปรู้ว่าริฮานนาอาจตามสาวไคลีไปทำแบรนด์สกินแคร์บ้างก็เป็นไปได้ เพราะในตลาด ณ ตอนนี้ก็มีอยู่ไม่กี่เจ้าที่ผลิตและโปรโมตด้าน Diversity อย่างจริงจัง

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising