“เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงหลังการระบาด (Post-Pandemic Period) ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ดำเนินไปถึงจุดสิ้นสุดตามธรรมชาติ” เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2010 ดร.มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ในขณะนั้น ได้ประกาศว่า การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ A/H1N1/2009 ยุติลงแล้ว นับเป็นระยะเวลาเพียงปีกว่าหลังพบการระบาดเมื่อเดือนเมษายน ปี 2009
10 ปีถัดมา โลกต้องตกอยู่ในการระบาดใหญ่ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็นไวรัสโคโรนา หรือโรค ‘โควิด-19’ ซึ่งพบระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อปลายปี 2019 และแพร่กระจายไปทั่วโลก จน WHO ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2020 และยกระดับเป็นการระบาดใหญ่ (Pandemic) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2020
ปี 2021 เป็นระยะเวลา 1 ปีเต็มที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับโควิด-19 การระบาดผ่านไประลอกแล้วระลอกเล่าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเพลาลง เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ที่ทุกคนคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็น ‘ปีสุดท้าย’ ของการระบาดใหญ่
การระบาดใหญ่จะสิ้นสุดอย่างไร
หากมองการระบาดใหญ่เป็นสงครามระหว่างมนุษย์กับไวรัส ผลลัพธ์จะมีอยู่ 3 ทาง คือ ชนะ แพ้ และเสมอกัน ในทางระบาดวิทยาชัยชนะของมนุษย์จะมีอยู่ 2 คำ คือ ‘การกวาดล้าง’ (Eradication) หมายถึง การทำให้เชื้อโรคหมดสิ้นไปจากทุกพื้นที่ ซึ่งมนุษย์เคยประสบความสำเร็จในการกวาดล้างไข้ทรพิษได้สำเร็จมาแล้วด้วยการปลูกฝี และที่ WHO กำลังดำเนินการอยู่คือ โรคโปลิโอ
ส่วนอีกคำคือ ‘การกำจัด’ (Elimination) หมายถึง การลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือน้อยที่สุดในพื้นที่ที่มีขอบเขตชัดเจน เช่น โรคหัด และโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งจะตรงกับแนวคิดโควิดเป็นศูนย์ (Zero COVID) ในบางประเทศ เช่น จีน ที่ดำเนินมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นเมื่อพบผู้ติดเชื้อ และยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประเทศ แม้ว่ากำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้
สำหรับการแพ้คงเป็นผลลัพธ์ที่มนุษย์ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น กว่าจะถึงผลลัพธ์นี้คงต้องผลัดกันแพ้-ชนะอย่างยาวนาน หรืออาจมองว่าการเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 5 ล้านคนทั่วโลกเป็นความพ่ายแพ้ก็ได้
ส่วนการเสมอ ไวรัสจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) ที่หมุนเวียนระบาดในประเทศต่างๆ ทั่วโลกตามฤดูกาล และมนุษย์จะคอยควบคุม (Control) ไม่ให้แพร่ระบาดเป็นวงกว้าง เช่น ไข้หวัดใหญ่ที่กลุ่มเสี่ยงต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคทุกปี หรือโรคไข้เลือดออกที่มีการรณรงค์เรื่องการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกฤดูฝน ซึ่งตรงกับแนวคิดอยู่ร่วมกับโควิด-19 (Living with COVID-19) ที่ประเทศส่วนใหญ่ใช้ในขณะนี้
“เป็นไปได้ยากที่เราจะสามารถกำจัดโควิด-19 ได้” ดร.ทิโมธี บริเวอร์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) ให้สัมภาษณ์เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาสอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน “ไวรัสปรับตัวในการแพร่จากคนสู่คนได้เป็นอย่างดีจนไม่มีวันหายไป จะมีช่วงเวลาที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและลดลงเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ในทุกปี”
อย่างไรก็ตาม “โรคประจำถิ่นไม่ได้หมายความว่าไม่อันตราย” ดร.มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าทีมเทคนิคของ WHO ยกตัวอย่างโรคมาลาเรียที่ยังคงเป็นโรคที่รุนแรง แม้จะเป็นโรคประจำถิ่น
การระบาดใหญ่จะสิ้นสุดลงเมื่อใด
“คุณไม่ได้กำหนดไทม์ไลน์ ไวรัสต่างหากที่กำหนด” ดร.แอนโทนี เฟาชี ที่ปรึกษาระดับสูงด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ เคยกล่าวประโยคนี้ไว้เมื่อ 26 มีนาคม 2020 เขาพูดถึงการกำหนดวันผ่อนคลายมาตรการของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเพิ่มสูงขึ้น “ไม่สำคัญว่าคุณจะพูดว่าอย่างไร หนึ่งสัปดาห์ สองสัปดาห์ สามสัปดาห์ คุณจะต้องไปตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่”
ความจริงสหรัฐฯ เคยเข้าใกล้การใช้ชีวิตตามปกติมากที่สุดเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงจากจุดสูงสุด 300,000 รายต่อวัน (90 รายต่อแสนคน) ในสัปดาห์แรกของปี 2021 เหลือ 10,000 รายต่อวัน (3 รายต่อแสนคน) ในเดือนมิถุนายน ขณะเดียวกันประชาชนครึ่งหนึ่งได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ประกาศให้ผู้ได้รับวัคซีนครบไม่ต้องสวมหน้ากากอีกต่อไป
แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้เร็วขึ้น และประสิทธิผลของวัคซีนลดลงตามเวลา CDC ต้องกลับมาแนะนำการใส่หน้ากากภายในอาคารอีกครั้ง
ส่วน ดร.แอนโทนี เองก็ใช่ว่าไม่เคยกำหนดไทม์ไลน์ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2020 เขาคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะสามารถกลับมาเปิดกิจการและกิจกรรมได้ตามปกติหากมีประชาชนได้รับวัคซีนเพียงพอ “ผมคิดว่าเราสามารถไปถึงตรงนั้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 ถ้าเราดำเนินการฉีดวัคซีนอย่างเหมาะสมและจริงจัง” ทว่า จากคำให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2021 ไทม์ไลน์นี้กลับถูกเลื่อนออกไปเป็น ‘ฤดูใบไม้ผลิ ปี 2022’
ยังไม่แน่ว่าการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนในปลายปี 2021 จะทำให้ไทม์ไลน์การควบคุมโควิด-19 ได้ในต้นปีหน้าต้องเลื่อนไปอีกหรือไม่ เพราะผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสร้างสถิติใหม่เป็น 500,000 รายต่อวัน (150 รายต่อแสนคน) ทั้งนี้ สหรัฐฯ อาจไม่ใช่ตัวอย่างถิ่นประจำของโควิด-19 ที่ดี เพราะจนถึงปลายปี 2021 ยังมีผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม เพียง 60% ของประชากรทั้งหมด
“ปี 2022 จะต้องเป็นจุดสิ้นสุดการระบาดใหญ่ของโควิด-19” ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO คนปัจจุบัน เป็นอีกคนหนึ่งที่ขีดเส้นให้กับไวรัสไว้เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา
ทำอย่างไรถึงจะสิ้นสุดการระบาดใหญ่
ย้อนกลับไปอ่านแถลงการณ์ของ ดร.มาร์กาเร็ต ที่กล่าวถึงในตอนต้น เขาบรรยายถึงสถานการณ์ในขณะนั้นว่า ‘ระดับ’ และ ‘รูปแบบ’ การระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต่างไปจากที่สังเกตได้ในช่วงการระบาดใหญ่ โดยมีระดับความรุนแรงใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และไม่มีรายงานการระบาดนอกฤดูกาล (Out-of-Season Outbreaks) ทั้งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้
นั่นคือไวรัสเป็นผู้กำหนดไทม์ไลน์อย่างแท้จริง เมื่อคณะผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า ไวรัส H1N1 รุนแรงลดลงและระบาดตามฤดูกาล WHO จึงประกาศว่าการระบาดใหญ่สิ้นสุดลง แต่ขณะเดียวกันก็กล่าวถึงฝั่งมนุษย์ด้วยว่า ประชากรในบางพื้นที่มีสัดส่วนผู้ติดเชื้อ 20-40% และมี ‘ภูมิคุ้มกัน’ ที่ป้องกันโรคแล้ว รวมถึงบางประเทศรายงานความครอบคลุมของ ‘วัคซีน’ ดี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงและทั่วชุมชน
“การระบาดใหญ่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ และมีแนวโน้มที่จะสร้างความประหลาดใจ ไม่มีการระบาดใหญ่ครั้งใดที่เหมือนกัน” ดร.มาร์กาเร็ต กล่าวในตอนท้ายของแถลงการณ์
“การระบาดใหญ่ครั้งนี้กลับกลายเป็นโชคดีกว่าที่เรากลัวเมื่อปีที่แล้ว” เขาสรุปความโชคดีในการระบาดใหญ่ครั้งนั้นไว้ 3 ประการ คือ
- ไวรัสไม่ได้กลายพันธุ์ในรูปแบบที่มีความรุนแรงขึ้น
- ไวรัสไม่ดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ (ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 1999) เป็นวงกว้าง
- วัคซีนที่ผลิตขึ้นตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาดและมีความปลอดภัย
เปรียบเทียบกับโควิด-19
- ไวรัสกลายพันธุ์ตลอดเวลา บางสายพันธุ์มีความรุนแรงขึ้น และทุกครั้งที่มีสายพันธุ์ใหม่จะแทนที่จนสายพันธุ์เก่าหายไป
- เราเพิ่งจะมียาต้านไวรัสที่จำเพาะกับไวรัสชนิดนี้ (ยาแพ็กซ์โลวิดและโมลนูพิราเวียร์เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแบบฉุกเฉินเมื่อปลายปี 2021)
- เมื่อไวรัสยังคงกลายพันธุ์ วัคซีนที่ผลิตจึงไม่ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาด และยังฉีดวัคซีนไม่ทันกับความเร็วในการระบาด
ไวรัสยังต่างออกไปจากไวรัสโคโรนา 2 สายพันธุ์ก่อนหน้า คือโรคซาร์ส (ปี 2002-2004) ที่ระบาดไม่หนักและหยุดระบาดไปโดยไม่ต้องใช้วัคซีน และโรคเมอร์ส (ปี 2012-ปัจจุบัน) ที่มีความรุนแรงสูงและระบาดประปราย
แม้การระบาดใหญ่จะยืดเยื้อ แต่ ดร.ทีโดรส ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ปี 2022 จะต้องเป็นจุดสิ้นสุดของ ‘การระบาดใหญ่’ โดยต้องเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่ง ‘ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน’ (Solidarity) ด้วย ทั้งสองประเด็นนี้เป็นเรื่องเดียวกัน เพราะ WHO ต้องการให้ทั่วโลกได้รับวัคซีนอย่างน้อย 70% ภายในกลางปี 2022 ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกประเทศในการกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรม
ปัจจุบันสายพันธุ์โอไมครอนกำลังระบาดคู่กับสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดอยู่ก่อนหน้า ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และยอดผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเสียชีวิตพุ่งขึ้นอีกครั้ง เราไม่สามารถควบคุมการกลายพันธุ์ของไวรัสได้ แต่เราสามารถควบคุมวัคซีนและยาต้านไวรัสได้ ดังนั้นไทม์ไลน์ที่เป็นไปได้ของมนุษย์คือ การเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากที่สุดและเร่งกระจายยาต้านไวรัสให้ทั่วถึง
“วิทยาศาสตร์ วิธีแก้ปัญหา และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” (Science, Solutions, and Solidarity) ดร.ทีโดรส สรุปบทเรียนการต่อสู้ที่ผ่านมาในการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายของปี 2021
ไทม์ไลน์ที่กำหนดได้ในปี 2022
ไทยมีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จำนวน 45 ล้านคนแล้ว (65% ของประชากร) น่าจะถึงเป้าหมายของ WHO ได้ไม่ยาก แต่เมื่อแยกตามกลุ่มเป้าหมายแล้ว ผู้สูงอายุในบางจังหวัดยังได้รับวัคซีนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรทั่วไป และไทยมีผู้ได้รับเข็มกระตุ้นยังมีเพียง 6 ล้านคนเท่านั้น (9%) ดังนั้นปี 2022 ยังต้องระดมฉีดวัคซีนต่ออีก 1 ปี เพื่อให้เปลี่ยนผ่านจากการระบาดใหญ่เป็นโรคประจำถิ่นได้อย่างปลอดภัย
ส่วนยาต้านไวรัสทั้งแพ็กซ์โลวิดของบริษัท Pfizer และโมลนูพิราเวียร์ของบริษัท Merck ไทยไม่ได้รับอนุสิทธิบัตรให้ผลิตยาภายในประเทศเอง เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ประเทศรายได้ต่ำ-ปานกลางตามที่บริษัทกำหนด ทำให้ต้องจัดซื้อยาจากต่างประเทศ ซึ่ง นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ชี้แจงความคืบหน้าเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2021 ว่า ยาทั้งคู่น่าจะนำเข้ามาใช้ในไทยได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
หวังว่ารัฐจะสามารถจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิผลสูงมาเป็น 2 เข็มแรกสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับและเป็นเข็มกระตุ้น เพราะการป้องกันโรคคุ้มค่ากว่าการรักษาในภายหลัง และจัดซื้อยาต้านไวรัสเพียงพอกับผู้ติดเชื้อทุกคน
ทั้งนี้ ในระดับโลก “ไม่มีใครปลอดภัย จนกว่าเราทุกคนจะปลอดภัย” (None of us will be safe until everyone is safe.) ดร.ทีโดรส เคยเรียกร้องให้นานาประเทศร่วมมือกันในการหยุดการระบาดตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2020 จนกระทั่งผ่านมา 2 ปี สายพันธุ์โอไมครอนเริ่มระบาดจากทวีปที่มีความครอบคลุมการฉีดวัคซีนต่ำที่สุด และเกือบครึ่งโลก (92 ประเทศ) ยังฉีดวัคซีนได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 40% ในปี 2021 ของ WHO
ถึงแม้ปีหน้าแหล่งผลิตวัคซีนจะสามารถผลิตวัคซีนได้มากขึ้น แต่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นก็อาจทำให้ประเทศรายได้ต่ำขาดแคลนวัคซีนอีกรอบ หวังว่าประเทศมหาอำนาจจะตระหนักถึงความซับซ้อนของปัญหา และทุกประเทศจะสามารถเดินหน้าสู่ระยะ ‘หลังการระบาด’ ได้ภายในครึ่งปีแรก ส่วนถ้าสายพันธุ์โอไมครอนมีความรุนแรงลดลงจริง ก็จะทำให้เราเข้าใกล้จุดสิ้นสุดการระบาดใหญ่เร็วขึ้นอีก
ในระหว่างนี้ ถ้าไทยจะบริหารความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ก็น่าจะต้องเร่งฉีดวัคซีน 2 เข็มแรกให้กับผู้สูงอายุ/ผู้มีโรคประจำตัวที่ยังไม่ได้รับวัคซีน รวมถึงเด็กอายุ 5-12 ปี ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเรียงลำดับความจำเป็นก่อน-หลัง และใช้ประโยชน์จากชุดตรวจ ATK ในการเฝ้าระวังโรค เป็น 3 มาตรการสำคัญเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อมกับการควบคุมการระบาดไม่ให้เกินศักยภาพของระบบสาธารณสุข
“เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงหลังการระบาด ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ดำเนินไปถึงจุดสิ้นสุดตามธรรมชาติแล้ว” ทุกคนคาดหวังให้ WHO ประกาศประโยคนี้ในเร็ววัน แต่เรากับโควิด-19 น่าจะต้องอยู่ร่วมกันเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป
อ้างอิง:
- When Will the Pandemic Be Over?: https://www.self.com/story/when-will-pandemic-be-over
- H1N1 in post-pandemic period: https://www.who.int/news/item/10-08-2010-h1n1-in-post-pandemic-period
- WHO Director-General declares H1N1 pandemic over: https://www.euro.who.int/en/health-topics/communicable-diseases/influenza/news/news/2010/08/who-director-general-declares-h1n1-pandemic-over
- WHO Director-General’s opening remarks at the media briefing on COVID-19 – 11 March 2020: https://www.who.int/director-general/speeches/detail/who-director-general-s-opening-remarks-at-the-media-briefing-on-covid-19—11-march-2020
- Statement on the second meeting of the International Health Regulations (2005) Emergency Committee regarding the outbreak of novel coronavirus (2019-nCoV): https://www.who.int/news/item/30-01-2020-statement-on-the-second-meeting-of-the-international-health-regulations-(2005)-emergency-committee-regarding-the-outbreak-of-novel-coronavirus-(2019-ncov)
- โรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนและวัคซีนพื้นฐาน: http://nvi.ddc.moph.go.th/Download/EpiModule/ch_2.pdf
- The Principles of Disease Elimination and Eradication: https://www.cdc.gov/mmwr/preview/mmwrhtml/su48a7.htm
- The Covid pandemic could end next year, experts say — here’s what that looks like, and how the U.S. could get there: https://www.cnbc.com/2021/12/09/bill-gates-how-covid-pandemic-ends-and-becomes-endemic-with-omicron.html
- Analysis: Country by country, scientists eye beginning of an end to the COVID-19 pandemic: https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/country-by-country-scientists-eye-beginning-an-end-covid-19-pandemic-2021-11-03/
- U.S. Covid cases hit lowest level since June as nation looks toward Memorial Day, summer travel: https://www.cnbc.com/2021/05/23/us-covid-cases-hit-lowest-level-since-june-2020.html
- Fauci says Covid could be under control in ‘back half of 2021’ if enough people are vaccinated: https://www.cnbc.com/2020/12/08/covid-vaccines-fauci-says-virus-could-be-under-control-in-back-half-of-2021.html
- How the U.S. can reach ‘Covid normalcy’ by spring 2022, according to Fauci — and what experts say that’ll look like: https://www.cnbc.com/2021/08/25/dr-fauci-how-the-us-can-reach-covid-normality-by-spring-2022.html
- WHO Director-General’s opening remarks at the media briefing on COVID-19 – 22 December 2021: https://www.who.int/director-general/speeches/detail/who-director-general-s-opening-remarks-at-the-media-briefing-on-covid-19—22-december-2021
- WHO Director-General’s opening remarks at the press conference – 29 December 2021: https://www.who.int/director-general/speeches/detail/who-director-general-s-opening-remarks-at-the-press-conference—29-december-2021
- Coronavirus (COVID-19) Update: FDA Authorizes First Oral Antiviral for Treatment of COVID-19: https://www.fda.gov/news-events/press-announcements/coronavirus-covid-19-update-fda-authorizes-first-oral-antiviral-treatment-covid-19
- Coronavirus (COVID-19) Update: FDA Authorizes Additional Oral Antiviral for Treatment of COVID-19 in Certain Adults: https://www.fda.gov/news-events/press-announcements/coronavirus-covid-19-update-fda-authorizes-additional-oral-antiviral-treatment-covid-19-certain
- สธ.แจ้งเตือนโควิดระดับ 3 พร้อมแนะแนวทางใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย: https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/168847/
- A global pandemic requires a world effort to end it – none of us will be safe until everyone is safe: https://www.who.int/news-room/commentaries/detail/a-global-pandemic-requires-a-world-effort-to-end-it-none-of-us-will-be-safe-until-everyone-is-safe