×

ส่วนสูง ภาษา หน้าตา ฝีมือ ความตั้งใจสู่ฝันฮอลลีวูดของ ชานน สันตินธรกุล

01.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins read
  • ชานน คือนักแสดงรุ่นใหม่ที่เริ่มเข้าวงการเพราะอยากเท่ แต่ค่อยๆ พัฒนาตัวเองจนมีความฝันสูงสุดไปไกลถึงระดับฮอลลีวูด
  • ชานน เชื่อว่ารูปร่างหน้าตามีส่วนสำคัญไม่แพ้ทักษะการแสดง ทำให้ตอนนี้เขาทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้นให้ได้แม้แค่ 1 มิลลิเมตรก็ยังดี
  • นอกจากนี้นนยังทุ่มเทให้กับการเข้าคลาสแอ็กติ้งซ้ำไปซ้ำมา เพื่อพัฒนาตัวเอง เรียนร้องและเต้นที่ตัวเองไม่ถนัด รวมทั้งฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริงจังเพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่ความฝันของตัวเองให้ได้
  • ล่าสุดนนรับบทเป็น อาชวิน นักกีฬายิงธนูสุดเท่ ในซีรีส์ ‘Project S ตอน Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ’ ที่ทำให้เขาค้นพบว่ากีฬายิงธนูมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่คิด
  • ด้วยความที่นนโฟกัสกับการเข้าถึงตัวละครแบงค์ในเรื่องฉลาดเกมส์โกงเป็นอย่างมาก ทำให้ยังมีนิสัยหลายๆ อย่างที่ยังติดตัวเขามาอยู่จนถึงทุกวันนี้

 

 

จากบทพี่สราวุธ ในหนังสั้นเรื่อง ‘Patcha is sexy’ ของเต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เด็กหนุ่มหน้านิ่งที่ชื่อ นน-ชานน สันตินธรกุล ได้เริ่มต้นเข้าวงการเพราะความรู้สึกแรกว่า ‘อยากเท่’ จากนั้นค่อยๆ พัฒนาทักษะและความรักในการแสดงจนไปแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับบท ‘แบงค์’ เด็กเนิร์ดอัจฉริยะในเรื่อง ‘ฉลาดเกมส์โกง’ ของ บาส-นัฐพล พูนพิริยะ ที่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ยังได้รับการยอมรับจากผู้ชมในประเทศจีน จนได้รับตำแหน่ง #สามีแห่งชาติ คนใหม่ของแผ่นดินใหญ่ไปครอง รวมถึงบทบาทใหม่ในการเป็นนักกีฬายิงธนูสุดเท่ใน ‘ซีรีส์ Project S ตอน Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ

 

ความสำเร็จที่หอมหวานแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ นอกจากรูปร่างหน้าตาที่ได้มาตรฐาน เรากล้าพูดได้ว่านนเติบโตขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ เพราะความสามารถและความตั้งใจของเขาเองล้วนๆ เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจเข้าวงการ เขาไม่เคยคิดที่จะหยุดพัฒนาตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งการเรียนแอ็กติ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเรียนร้องและเต้นที่ตัวเองไม่ถนัด ทำทุกอย่างเพื่อเพิ่มความสูงให้ได้เพียงแค่ 1 มิลลิเมตรก็ยังดี เข้าคอร์สฝึกภาษาอังกฤษ เตรียมตัวเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อปูทางสู่ความฝันสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวว่า สักวันเขาจะต้องก้าวขึ้นไปเป็นนักแสดงฮอลลีวูดให้ได้

 

แน่นอนว่าความฝันที่ใหญ่ขนาดนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ และนนก็เข้าใจเรื่องนั้นเป็นอย่างดี ซึ่งความตั้งใจจริงที่หาได้ยากสำหรับเด็กรุ่นใหม่นี่ล่ะ ที่ THE STANDARD เชื่อว่าเป็นมาตรฐานสำคัญสู่ความสำเร็จที่ไม่มีทางลัดหรือแม้แต่ช่องทางเล็กๆ ให้โกง  

 

และสักวันหนึ่ง เราหวังเหลือเกินว่าชื่อ ชานน สันตินธรกุล จะได้โลดแล่นอยู่ในวงการฮอลลีวูดอย่างที่เขาฝันเอาไว้ได้จริงๆ

 

บาส นัฐวุฒิ ผู้กำกับฉลาดเกมส์โกงเคยบอกว่า ความฝันสูงสุดของนนคือการได้เป็นนักแสดงฮอลลีวูด ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มากเหมือนกันนะสำหรับนักแสดงอายุเท่านี้ อยากรู้ว่าความฝันนี้เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร

ฝันดูเหมือนใหญ่ แต่จุดเริ่มต้นง่ายมากครับ ผมเริ่มเข้าวงการจากความชอบแบบเด็กๆ ที่รู้สึกว่ามันเท่ ได้ออกทีวี ทำงานแล้วได้เงินเป็นของตัวเอง แต่พอทำไปเรื่อยๆ กลายเป็นชอบเพราะว่าชอบการแสดงจริงๆ ไม่ใช่เรื่องเงินหรือชื่อเสียง เลยมาคิดต่อว่าอะไรคือที่สุดของการเป็นนักแสดง ก็คือฮอลลีวูดไง ถ้าอย่างนั้นเราก็ฝันให้ไปถึงตรงนั้นแล้วกัน แล้วโฟกัสกับความฝันนั้นมาตลอด

 

ซึ่งถ้าแค่คิดมันง่าย แต่พอทำจริงๆ มันยากมาก มีอุปสรรคมากมายที่เราต้องเจอ อย่างแรกคือการแข่งขันที่สูงมาก สมมติแค่ออดิชันบทเดียว จะมีคนที่หน้าตาเหมือนเรา หุ่นพอๆ กับเราเป็นสิบๆ คน ยังไม่นับถึงทักษะการแสดง ทักษะภาษาอังกฤษ แอ็กเซนต์ มันยังมีอะไรอีกหลายอย่างมากที่ต้องพัฒนาต่อไป วางแผนเอาไว้ว่าจะเริ่มเก็บเงินให้พร้อม ปีหน้าจะเริ่มสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่นู่นให้ได้ก่อน แล้วปีต่อไปก็คงได้เริ่มไปเรียนจริงๆ

 

จากความคิดที่ว่าเป็นนักแสดงเพราะว่าเท่อย่างเดียว เริ่มเปลี่ยนเป็นชอบเพราะการแสดงจริงๆ ตั้งแต่เมื่อไร

จากการเห็นพัฒนาการของตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ไปแคสต์งานครั้งแรกที่เห็นคนอื่นๆ เขาทำแค่ 1-2 เทกแล้วผ่าน แต่ผมต้องเล่นอยู่ 11-12 เทกก็ยังทำไม่ได้ แล้วรู้สึกแย่มากๆ เลยตัดสินใจไปเรียนแอ็กติ้งแบบจริงจัง พอเรียนไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกสนุก แล้วพอเริ่มได้เล่นจริงๆ มันเห็นว่าจากคนที่แค่ทำเทปแคสต์ยังต้องทำ 12 เทก แต่ตอนนี้เรากลายเป็นนักแสดงจริงๆ มีคนชมว่าเราแสดงใช้ได้ แล้วได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยทำ กลายเป็นผมชอบทุกอย่างของการเป็นนักแสดงไปหมดเลย ตั้งแต่เริ่มได้บท แคสต์งาน ได้ทำการบ้านกับตัวละคร ออกกองถ่าย เดินสายโปรโมต ออกอีเวนต์ เจอแฟนคลับ ได้เล่นบทที่ไม่คิดว่าเราจะเป็นแบบนั้น อย่างการยิงธนูนี่พูดเลยว่าผมไม่มีทางได้ไปแตะแน่ๆ ถ้าไม่ได้มาเล่นซีรีส์เรื่อง Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ หลังจากนั้นก็กลายเป็นสนุกที่ได้เรียนการแสดง จนทุกวันนี้ถ้ามีเวลาว่างผมยังต้องหาเวลาไปลงเรียนเพิ่มอยู่เลย ถึงแม้ว่าจะเป็นคลาสเดิมๆ แต่ได้มุมมองจากคุณครูคนอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้มุมมองใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นทุกครั้ง

 

 

ย้อนไปที่ผลงานแรก Patcha is Sexy ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง

ไม่ได้คิดมากครับ แต่ว่าตลกเพราะตอนนั้นผมไม่รู้จักพี่เต๋อ (นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์) พอรู้ว่าผู้กำกับชื่อเต๋อผมยังคิดอยู่เลยว่า เอ๊ย เดี๋ยวจะได้เจอพี่เต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) พอไปเจอกันจริงๆ อ้าว นี่เต๋อไหนวะ (หัวเราะ) ซึ่งจริงๆ วันที่แคสติ้งพี่เต๋อก็อยู่ด้วย แต่ผมคิดว่าเขาเป็นฝ่ายแคสติ้งเฉยๆ (หัวเราะ) ปรากฏว่าคนนี้แหละคือผู้กำกับ เลยรู้สึกแย่มากที่เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเขาคือผู้กำกับที่เก่งโคตรๆ แล้วดังมากๆ

 

(หนังสั้นเรื่อง Patcha is sexy)

 

ถ้าให้ประเมินตัวเองในฐานะนักแสดง คิดว่าควรให้คะแนนตัวเองสักเท่าไร

ตอน Patcha ผมให้ 9 เต็ม 10 เลย เพราะว่าสนุกมาก มันคือช่วงเริ่มต้นที่ผมได้ลองผิดลองถูกแล้วสนุกกับทุกอย่าง แต่พอทำงานไปเรื่อยๆ ความฝันชัดเจนมากขึ้น เข้มงวดกับตัวเองมากขึ้น เริ่มมามองว่าจริงๆ แล้วเราอยู่ตรงไหนกันแน่วะ เลยคิดว่าตอนนี้น่าจะให้คะแนนตัวเองสัก 6 เพราะรู้สึกว่าผมยังไม่เก่งขนาดนั้น ยังมีเพื่อนๆ ที่เก่งกว่าผมเยอะมาก ทุกวันนี้ถ้ามีเวลาว่างผมยังต้องลงเรียนคอร์สแอ็กติ้งเพิ่มเติมอยู่เลย แล้วก็มีเรียนร้องเพลง เรียนเต้น รวมทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตาที่มีผลต่อการแสดง ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันเอื้อกันหมด

 

แต่ถ้าให้เดาอย่างนนไม่น่าจะชอบร้องเพลงกับเต้นหรือเปล่า

เรียกว่าอยากทำให้ได้แล้วกันครับ แต่ถามว่าเบื้องลึกแล้วชอบไหม ก็ไม่นะ พอไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบก็เลยไม่ได้มีแพสชันกับมันมาก ไม่ได้รู้สึกอยากวอร์มเสียงหรือฝึกเต้นทุกวัน แต่พอคิดว่ามันน่าจะเอื้อประโยชน์กับเราได้ก็เลยต้องไปเรียน อย่างน้อยจะได้มีอาจารย์คอยผลักดันให้เราทำแบบนั้น

 

ที่ผมอยากทำให้ได้เพราะถ้าดูจากนักแสดงฮอลลีวูดส่วนใหญ่เขาจะร้องและเต้น หรือมีความสามารถพิเศษเฉพาะทางกันหมด เวลาไปออกรายการทอล์กโชว์แล้วต้องโชว์ความสามารถพิเศษ เขาก็จะโชว์ได้ แล้วทำเหมือนไม่ใช่ความสามารถพิเศษด้วยนะ แต่เป็นเรื่องปกติที่เขาทำได้อยู่แล้ว ผมก็อยากจะทำให้ได้แบบนั้นเหมือนกัน

 

ถ้าตอนนี้นนต้องไปออกรายการทอล์กโชว์ แล้วโชว์ความสามารถพิเศษแบบนั้น จะเลือกแสดงความสามารถด้านไหน

(คิดนาน) คิดไม่ออกเลยครับ เพราะถ้าต้องร้องเพลงหรือเต้น ผมจะต้องเตรียมตัวซ้อมไปก่อน ยังไม่สามารถทำให้เป็นธรรมชาติแบบนักแสดงฮอลลีวูดได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมให้คะแนนตัวเองแค่ 6 คะแนน เพราะผมยังไม่มีอะไรตรงนี้ ไหนจะเรื่องรูปร่างหน้าตา ภาษา และอีกหลายอย่าง

 

 

ระดับสามีแห่งชาติคนใหม่ของประเทศจีนก็ยังต้องพัฒนาเรื่องรูปร่างหน้าตาอีกเหรอ

ผมคิดว่าในเรื่องรูปร่างหน้าตา ถ้าเราเพอร์เฟกต์ในแง่ของแมสมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีโอกาสในเรื่องงานมากขึ้นเท่านั้น แล้วถ้าเราได้รูปร่างหน้าตามาเมื่อไรมันไม่ต้องทำอะไรแล้ว ถ้าเรื่องทักษะอื่นๆ ยังพอไปเรียนเพิ่มได้ แต่อย่างเรื่องความสูง ถ้าอายุมากไปกว่านี้จะไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

 

เพราะฉะนั้นตอนนี้เรื่องที่เป็น first priority ของผมก็คือการเพิ่มความสูง (ตอนนี้นนสูง 175 ซม.) ไม่ว่าวิธีไหนก็ตามที่เขาบอกว่าจะช่วยให้สูงขึ้นได้โดยไม่อันตรายกับร่างกายผมทำหมด ช่วงนี้พยายามนอนก่อน 3 ทุ่ม กินนมวันละ 1 ลิตร ออกกำลังกายทุกวัน ว่ายน้ำทุกวัน กินวิตามิน ฝังเข็ม อาจจะช่วยให้สูงขึ้นแค่ 1-2 มิลลิเมตร ผมก็เอาแล้ว

 

วิธีเพิ่มความสูงที่แปลกที่สุดที่เคยลองมาคือวิธีไหน

ยังไม่ลองนะครับ แต่เพิ่งไปเจอมาน่าสนใจมาก สิ่งที่ต้องมีคือกระดาษเปล่า 1 ใบหรือไวต์บอร์ด มาร์กเกอร์สีแดงกับดำอย่างละ 1 ด้าม เอามาร์กเกอร์แดงจุดไว้ที่กระดาษขาว เอามาร์กเกอร์ดำวาดรอบจุดแดงให้มีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่ว วางกระดาษไว้ข้างหน้าประมาณ 1 ช่วงแขน ให้จุดตรงกลางตรงกับระหว่างคิ้ว จ้องจุดนั้นค้างไว้ 5 นาทีห้ามกะพริบตา แล้วหลับตา 5 นาที จากนั้นเราจะเริ่มเห็นรีเฟลกซ์จากจุดแดงดำแล้วให้จินตนาการว่าเรากำลังกดจุดตรงระหว่างคิ้วอยู่

 

หลักการวิทยาศาสตร์ที่ผมไปเจอมาก็คือ จุดระหว่างคิ้วจะมีต่อมใต้สมองเรียกว่า Pituitary Gland ทำหน้าที่ผลิตโกรทฮอร์โมน เวลาเราจินตนาการว่ากำลังกดมันอยู่จะไปกระตุ้นให้สร้างโกรทฮอร์โมนออกมา อันนี้เป็นวิธีที่แปลกมาก แต่ยังไม่ได้ลองทำ

 

 

การที่หนังเรื่องฉลาดเกมส์โกงประสบความสำเร็จในประเทศจีนมากขนาดนั้น มีผลกับความมั่นใจในการโกฮอลลีวูดของนนเองมากน้อยขนาดไหน

มั่นใจในระดับหนึ่ง เพราะจีนคือประเทศที่ประชากรเยอะที่สุดในโลก การที่เขายอมรับมันทำให้เราดีใจอยู่แล้ว แต่ถามว่ามากขึ้นเยอะไหมก็ไม่นะครับ เพราะอย่างที่บอกมันยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องพัฒนา แล้วถ้าพูดกันจริงๆ ผมคงมีส่วนกับความสำเร็จของฉลาดเกมส์โกงไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ เพราะต้องยกเครดิตให้ทีมเขียนบทที่เขียนกันอยู่ 2 ปี ผู้กำกับก็เก่งมาก คนตัดต่อก็โคตรเก่ง ทีมงานทุกคน ทีมโปรโมตที่ครีเอทีฟมาก โปสเตอร์ก็สวย เพื่อนๆ นักแสดงคนอื่นก็เล่นดี เพราะฉะนั้นผมคงไม่ได้มีความมั่นใจที่จะรับความสำเร็จเอาไว้ขนาดไหน

 

แต่ก็ได้เป็นสามีแห่งชาติคนใหม่ของจีนไปเรียบร้อยแล้วนะ

ได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้เทกซีเรียสมากนะครับ คิดว่าเป็นตำแหน่งน่ารักที่เขาใส่ให้เรา แต่อย่างที่รู้ว่าตำแหน่งนี้มันเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา เลยไม่ได้รู้สึกอะไร หรืออย่างพวกงานอีเวนต์ที่จีนผมก็เพิ่งไปมาแค่ 2-3 ครั้ง ยังไม่ได้เห็นอะไรที่น่าตกใจขนาดนั้น อาจจะมีบ้างเวลาเขามารอรับกันที่สนามบิน เอาของมาให้หรือส่งตรงจากจีนมาถึงบ้านก็มี เรียกว่าเป็นกำลังใจในการทำงาน แต่คงไม่ได้มากถึงขนาดทำให้เรามั่นใจว่าเราประสบความสำเร็จในด้านการแสดงได้แล้ว

 

 

มาถึงผลงานล่าสุด ซีรีส์เรื่อง Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ รู้สึกกดดันบ้างไหม หลังจากผลงานก่อนหน้าประสบความสำเร็จและทุกคนจับตามองเราอยู่

เรื่องความกดดันจากคนอื่นผมคิดว่าไม่ค่อยมีผลเท่าไร แต่เป็นเรื่องการกดดันตัวเองมากกว่า เหมือนกับถ้ามีคนมาบอกว่าผมแสดงไม่ดี ผมอาจจะไม่ได้รู้สึกแย่เท่ากับรู้สึกว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดี หรือทำไม่เต็มที่ เพราะฉะนั้นมันคือเสียงจากในหัวของผมทั้งนั้นที่มากดดัน

 

ส่วนความยากในเรื่อง Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ คือหลังจากเรื่องฉลาดเกมส์โกง ผมดำดิ่งไปกับตัวละครแบงค์มากๆ จนมารับบทใหม่ แต่ผมยังจมกับตัวแบงค์อยู่ ทำให้รู้สึกว่าผมเล่นเป็นอาชวินในเรื่องนี้ได้ไม่เต็มที่เท่าไร โดยเฉพาะช่วงแรกๆ กับกลางๆ ของการถ่ายทำที่ดึงออกมาได้ยากมาก ประกอบกับธรรมชาติของการถ่ายซีรีส์ที่เราไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวหรือทำการบ้านได้เท่าตอนถ่ายหนัง พอดึงแบงค์ออกไปไม่ได้มันเลยส่งผลกับตัวละครอื่น รวมถึงบางอย่างในตัวผมทุกวันนี้ด้วย  

 

อะไรในตัวของแบงค์ที่ยังอยู่ในตัวของนนมาจนถึงทุกวันนี้

ความจริงจัง ความเนิร์ด ความซีเรียสและชอบอยู่กับตัวเองมากขึ้น แต่ตอนนี้เริ่มลดลงได้บ้างแล้วจากหน้าที่การงานที่ต้องออกไปเจอผู้คนมากมาย แฟนคลับ การออกกำลังกาย พวกนี้ช่วยให้เราเฟรชขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ตัวอาชวินก็มีผลเยอะ เพราะเป็นขั้วตรงข้ามของแบงค์เลย จากแบงค์ที่เป็นเด็กเนิร์ด ตั้งใจเรียนเพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่อาชวินจะกลายเป็นคนสปอร์ต โตมากับบ้านที่เปิดสนามยิงธนู แล้วเขาจะดีใจมากเวลาเห็นคนอยากยิงธนูแล้วพร้อมที่จะสอนและสนับสนุนทุกคนอย่างเต็มใจ จะมีความละมุนๆ ทำเพื่อคนอื่น ที่พอจะทำให้ความตึงๆ ของแบงค์ลดลงไปได้ พอถ่ายจบรู้เลยนะครับว่าอาชวินเองก็มีผลกับผมเยอะเหมือนกัน คือทำให้ฟรีขึ้น ยิ้มง่ายขึ้นและมองโลกในแง่บวกมากขึ้นมาเลย

 

 

ได้ค้นพบอะไรเพิ่มเติมจากการยิงธนูบ้าง หลังจากต้องเรียนรวมทั้งรับบทเป็นนักกีฬายิงธนูอยู่ 1 ปีเต็มๆ

ความรู้สึกแรกคือเจ๋ง มันเจ๋งอยู่แล้วกับการได้ลองอะไรใหม่ๆ ที่เราไม่มีทางได้เล่นมาก่อน แล้วเวลาที่ได้น้าวสายยิงธนูนั่นคือช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเท่โคตรๆ (หัวเราะ) แต่ความเท่ของนักธนูจริงๆ อยู่ที่ต้องเป็นคนที่อดทนและตั้งใจ ถึงจะเล่นกีฬาชนิดนี้ได้ ผมเคยคุยกับนักกีฬาหลายคนพูดเหมือนกันว่า ถ้าจะยิงธนูให้เก่ง ถ้าอยากเป็นนักกีฬาจริงๆ ต้องฝึกยิงทุกวัน เพราะขาดซ้อมแค่วันเดียวก็เป๋แล้ว มันคือการจดจำองค์ประกอบของร่างกายและทำออกมาให้แม่นยำที่สุด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ยิงธนูได้ดีที่สุดต้องเป็นหุ่นยนต์ แต่นี่คือคนจริงๆ ที่กำลังพยายามทำให้ได้แบบนั้น

 

สิ่งที่ได้ชัดเจนที่สุดก็คือสมาธิและความละเอียดกับร่างกายตัวเอง เป็นเรื่องที่อะเมซิงมาก ที่เราสามารถรู้ได้ว่า ถ้าเราทำท่าแบบนี้ องศานี้คือใช่ ถ้าแบบนี้คือไม่ใช่ ทั้งๆ ที่องศามันอาจจะต่างกันแค่ 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งเป้าหมายของนักกีฬายิงธนูคือการฝึกฝนทุกอย่างเพื่อพาตัวเองไปอยู่ในองศาที่ใช่ให้ได้ ซึ่งมันจะมีอุปสรรคทั้งเรื่องแรงลม เรื่องร่างกายที่เรายังไม่รู้สึกว่าใช่ แต่เราไม่สามารถฝืนน้าวสายธนูต่อไปได้แล้ว

 

ซีรีส์ใน Project S ทุกเรื่องจะมีประเด็นหนักๆ เป็นตัวดำเนินเรื่องเสมอ Spike! คือมิตรภาพและการแข่งขัน Side by Side เป็นเรื่องการดูแลเด็กออทิสติก SOS skate ซึม ซ่าส์ ก็บอกให้เห็นถึงปัญหาและความสำคัญของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า แล้วประเด็นหลักของ Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ สำหรับนนคือเรื่องอะไร

มีคอมเมนต์หนึ่งในตัวอย่างซีรีส์ตลกมาก เขาเห็นฟรัง (นรีกุล เกตุประภากร) เล่นบทบ้าๆ ต๊องๆ แล้วบอกว่านี่คือตัวแทนของเด็กสมาธิสั้นใช่ไหม (หัวเราะ) แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ด้วยความที่ตอน Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ จะเป็นซีรีส์โรแมนติก คอเมดี้ ประเด็นอาจจะไม่หนักเท่าเรื่องอื่นๆ เราเล่าเรื่องของเด็กวัยรุ่นธรรมดา 4 คน ที่มีปัญหาชีวิต ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วความฝันของตัวเองคืออะไรกันแน่ แล้วพอเขามีจุดหมายอะไรสักอย่างขึ้นมา เขาต้องมุ่งมั่นเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความเป็นวัยรุ่น ก็จะมีอุปสรรคต่างๆ มาคอยขัดขวางให้ไปไม่ถึง อาจจะคนรอบข้าง ความรัก ความขี้เกียจของตัวเอง แรงกดดันต่างๆ เพราะฉะนั้นการฝึกฝนของกีฬายิงธนูที่ต้องอดทน ต้องมีวินัย ต้องตั้งใจมากๆ เลยกลายเป็นสัญลักษณ์แทนความมุ่งมั่นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของเด็ก 4 คนนี้ไปด้วย

FYI
  • นนต้องตระเวนแคสต์งานประมาณ 20 งาน ถึงจะได้รับบทแรกใน Patcha is sexy
  • ถ้านับเป็นตัวเลขกลมๆ นนลงเรียนแอ็กติ้งมาทั้งหมดเกิน 20 คลาส และยังคิดว่าจะลงเรียนต่อไปเรื่อยๆ เพื่อพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุด
  • นนให้ความสำคัญกับการเพิ่มความสูงของตัวเองมาก ถึงขนาดกำลังจะเอาเรื่องนี้ไปศึกษาทำเป็นธีสิสจบตัวเองด้วย
  • บทที่นนสนใจอยากเล่นเป็นพิเศษคือบทแอ็กชันแบบเต็มตัว โดยมีบทบู๊แบบ Kingsman ทั้ง 2 ภาค ที่เพี้ยนแต่เท่เป็นฉากในดวงใจ  
  • ซีรีส์ Project S ตอน Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ ออกอากาศทุกวันเสาร์เวลา 21.45 น. ทางช่อง GMM 25 และสามารถดูย้อนหลังได้ทาง Line TV
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising