หลังจากที่กลายเป็นประเด็นว่ามีความคล้ายคลึงกับร้านสเต๊กดังจากลอนดอน ร้าน Flat Iron Wagyu ในเกษรวิลเลจ กรุงเทพฯ ที่ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น ‘No Name’ ได้ออกมาเผยถึงประเด็นที่กำลังได้รับการถกเถียงโดยตรงกับ THE STANDARD โดยทางร้านชี้แจงประเด็นดังนี้
ได้ยินว่าตอนแรกตั้งใจให้ออกมาเป็นร้านออยสเตอร์คาเวียร์บาร์ ไม่ใช่ร้านสเต๊ก
“ตอนแรกจะทำเป็นออยสเตอร์คาเวียร์บาร์ เพราะเมืองไทยยังไม่มีบาร์สไตล์นี้ ก็เลยอยากให้มีร้านประเภทนี้ จริงๆ เราเอาแฟรนไชส์มาเปิดก็ได้ แต่ทำไม่ได้ เพราะถ้าเราจะเอา quality เดียวกับที่เขาใช้ มันทำไม่ได้ เพราะร้านนั้นอยู่ที่อังกฤษ แล้วสามารถใช้เนื้อจากประเทศอย่างสกอตแลนด์ได้ ไม่มี import tax แต่เราต้องอิมพอร์ตอย่างเดียวเพื่อให้เนื้อคุณภาพเท่ากัน เราอยากให้คนไทยได้กินเนื้อดีๆ ที่ affordable
“คนส่วนมากไม่รู้ว่า Flat Iron คืออะไร มันเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อ เหมือนริบอาย พอร์เตอร์เฮาส์ ร้านชื่อพอร์เตอร์เฮาส์เต็มเลย ส่วนที่เห็นว่า Flat Iron Wagyu นั่นเป็นแค่ม็อกอัพแค่ชั่วคราว ร้านนี้ใช้เวลาสร้างทั้งหมดเดือนครึ่ง สร้างด่วน และเปลี่ยนคอนเซปต์เร็วมาก ตอนแรกมันจะเป็นออยสเตอร์แอนด์คาเวียร์ แต่เราเพิ่งมาเจอเนื้อ หลังจากเทสต์เนื้อมาเยอะมากเป็นร้อยๆ กิโลกรัม บินไปดูฟาร์มต่างๆ เพื่อหาซัพพลายเออร์ที่ใช่ แต่พอเจอเนื้อที่ใช่เราเลยปรับคอนเซปต์ ดีไซน์ในร้านเหมือนเดิม”
แล้วทำไมใช้ชื่อ Flat Iron Wagyu แต่แรกคะ
“มันเป็นแค่ม็อกอัพ ตอนแรกจะเป็นออยสเตอร์คาเวียร์บาร์ก่อน ถ้าสังเกตเรายังไม่มีโลโก้ฮอร์ดิงเลย เพราะเราเปลี่ยนกะทันหันมาก และดีไซน์ทุกอย่างภายใน 2 เดือนครึ่ง ชื่อที่ตั้งนั่นมาจาก 2 เมนู คือ The Flat Iron กับ The Wagyu เพราะตามกฎหมายเราต้องมีโลโก้ด้วย เราถึงยังไม่ได้เปิดทางการ เลยตั้งให้คนเข้าใจว่าเรามีเนื้อสองตัวนี้ ไม่ได้คิดไปเยอะขนาดนั้น และชื่อ ‘Flat Iron’ จริงๆ คนอาจจะไม่เข้าใจว่ามันเป็นคัตของเนื้อ ลูกค้าส่วนมากมักไม่รู้ แต่จริงๆ มันเป็นชื่อคัตของเนื้อ”
ทำไมโลโก้ถึงใกล้เคียงตัวแบรนด์ดังด้วย
“มีดใช่ไหม เราไม่ได้ตั้งใจ คือไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น เพราะเราทำทุกอย่างเร็วมาก แต่ก็คือยอมรับว่ามันเป็นอินสไปเรชัน เราอยากให้ทำยังไงก็ได้ในราคา 500 บาท”
แต่มันเหมือนมากเลยนะ
“มันเป็นแค่ชั่วคราว เพราะเราต้องตั้งฮอร์ดิงโลโก้ ใช้เวลาวันหนึ่งเองมั้ง แล้วเราค่อย develop หาชื่อมาเป็น No Name ส่วนพวกอินสตาแกรม เฟซบุ๊กนั่นเราครีเอตไว้ก่อนเพราะเราเปลี่ยนได้ ไม่ได้นึกว่าคนจะเข้าใจผิด”
คือไม่ได้ตั้งใจจะใช้ชื่อนี้แต่แรกหรือคะ
“ไม่เลย ถามสตาฟฟ์ ถามลูกค้าที่มาได้ ที่ถามว่า ‘นี่ที่มาจากลอนดอนเหรอ’ เราตอบว่า ‘ไม่ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่ลอนดอน’ เราไม่ได้ให้คนเข้าใจผิด จริงๆ น่าจะคิดได้ แต่ทุกอย่างมันเร็วมาก อันนั้นคือพลาด เรายอมรับ”
ทำไมอยู่ดีๆ เปลี่ยนเป็นชื่อ No Name ได้
“No Name มัน expand ได้ แล้วจริงๆ จะเปิดอีก 3 ร้านภายในเดือนตุลาคม เราแค่อยากได้ชื่อที่ไม่ฟิกซ์ ไม่ต้องตั้งเป็นชื่อเนื้อ อย่างแฟลตไอรอน พอร์เตอร์เฮาส์ บุตเชอรี มันน่าเบื่อ เราอยากเป็นอะไรที่ยูนีก ถ้าดูจากเมนูจะรู้ อาหารของเราไม่ได้เหมือน เราแค่ใช้ส่วนเนื้อที่เหมือน ส่วนเรื่องดิสเพลย์ที่เห็นนี่เราใช้ของไทยหมด”
ทางร้านว่าอย่างไรกับที่มีคนมองว่าตัวเมนูก็คล้ายกัน
“ตัวเลย์เอาต์นี้ดีที่สุด มันเป็นแค่ฟอร์แมตที่อ่านง่าย ร้านอาหารหลายร้านก็ใช้แบบนี้ เราไม่อยากให้คนเข้าใจผิด เรายังไม่ Grand Opening เลย เราตั้งใจทำให้เป็นร้านที่ easy to approach สมมติอยากสั่งกลางวันก็สั่ง 500 บาทได้ สั่งสเต๊ก สั่งไข่กับซอส ซอสทรัฟเฟิลราคา 50 บาทเอง เราอยากให้เป็น ‘the most approachable restaurant in the most prime location’ ที่เกษร”
สรุปว่าร้านไปยืมคอนเซปต์ของเขามา เรื่องนี้จริงไหม
“คือถามว่ายืมอินสไปเรชันมาไหม ใช่ เราอยากให้คนไทยได้ทานเนื้อในราคาที่ affordable ที่คุณภาพดีมากๆ ของเราเป็นออสเตรเลียน เราอิมพอร์ตหมดเลย อินสไปเรชันที่ว่าคือใช้ส่วนเนื้อแฟลตไอรอนเท่านั้น”
ร้าน No Name นี่คือชื่อที่ตั้งใจตั้งแล้วจริงๆ หรือวางแผนจะเปลี่ยนอีกทีคะ
“ใช่ No Name นี่คือชื่อร้านที่ตั้งใจตั้งแล้ว เราเอาไปทำหลายๆ อย่างได้ อย่าง No Name Sushi Bar เป็นชื่อที่ตั้งตอนที่กำลังทำร้าน มันทำให้คนถามถึงหรือสงสัย เหมือนคุยกับเพื่อนว่าไป ‘ร้านไม่มีชื่อ’ มันน่าสงสัย”
ตอนนี้ร้านยังไม่มีป้ายแปะ แต่สรุปจะมีชื่อแปะข้างนอกใช่ไหม
“มี แต่กำลังทำอยู่ ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเลย แต่ได้ฤกษ์เสียก่อน และหลังทำพิธี เราต้องห้ามปฏิเสธลูกค้า มันเป็นความเชื่อ ตอนแรกตั้งใจจะเปิดเดือนหน้า (ก.ค.) และลองเทสต์รันกับคนที่เชิญ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็ลองดูเพื่อดูฟีดแบ็กจริงๆ”
ร้าน ‘No Name’ ตั้งอยู่ที่เกษรวิลเลจ และวางแผนเปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม 2561 โดยทางร้านวางแผนจะเสิร์ฟสเต๊กแฟลตไอรอนฟรีต่อโต๊ะเพื่อให้ทดลองชิมกันด้วย
ติดตามความเคลื่อนไหวของร้านได้ทางอินสตาแกรม @nonamebkk